ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 229 สลายตัว
ภัยอันตรายของโลกมนุษย์และเสวียนเหมินจบลงด้วยวิธีการที่ไม่เกี่ยวข้องกับเสวียนเหมินแต่อย่างใด อิ้งหลุนส่งเหล่าเทพในทักษิณสวรรค์อย่างเด็ดขาด จากนั้นจึงหันไปทางเหล่าหยวนเจียงที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะผงะไป
“เอ๊ะ? ยังเหลืออีก”
เหล่าหยวนเจียงต่างตะลึง ทันใดนั้นมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีผุดขึ้น เดี๋ยว พวกเขาไม่ใช่!
Σ(°△°|||)︴
อิ้งหลุนยกมือขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
จี้ฉีที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจเช่นกัน เขารีบอธิบาย “ช้าก่อน ท่านราชายมโลก พวกเขาไม่ใช่ฝ่ายของท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์”
“คนของสวรรค์ ไม่มีความแตกต่าง” อิ้งหลุนขมวดคิ้ว ไม่ได้สนใจเขา ในขณะที่เขากำลังจะส่งเหล่าหยวนเจียงเข้าไปในประตูผีนั้น
อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้นด้วยเสียงต่ำ “พวกเขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ปู่”
อิ้งหลุน “…”
มือที่ยกขึ้นชะงักไปทันที กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย “เฮอะๆๆ …ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” พูดจบก็หันมือกวาดไปยังทิศทางอื่น เพียงชั่วพริบตา วิญญาณของเหล่าหยวนเจียงก็ถูกกวาดเข้าร่างเหมือนเดิม เกือบไปแล้ว อีกนิดจะโดนอีกแล้ว!
อวิ๋นเจี่ยว “…”
อิ้งหลุนเก็บพลังวิญญาณกลับเข้าตัว ความมืดมิดถดถอยไป ทันใดนั้นแสงสวรรค์ พลังเทพ เสียงสวรรค์บริเวณรอบด้านต่างหายไป สำนักเทียนซือกลับเข้าสู่สภาพดังเดิม แม้แต่ข่ายพลังคุ้มครองภูผาก็ถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ
“พวกเจ้าไม่ควรอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน รีบกลับไปเถอะ!” อิ้งหลุนมองไปยังยมราชทั้งหกที่ยังคงคุกเข่าอยู่ ก่อนจะเอ่ยปากไล่คน
ยมราชทั้งหกผงะไป ก่อนที่ราชาซิวหลิงจะถามขึ้น “ท่านราชายมโลก ท่านไม่กลับยมโลกพร้อมพวกข้าหรือ” พวกเขารออยู่ในยมโลกนับพันปี ถึงจะรอท่านราชายมโลกตื่นขึ้นมาได้
“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ ยังไม่กลับไป” อิ้งหลุนตอบกลับอย่างจริงจัง “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจข้า ดูแลวิญญาณในยมโลกให้ดีก็พอ หากมีเรื่องด่วน ข้าจะรู้ได้เอง” พูดจบก็ไม่รออีกฝ่ายตอบรับอะไร เขาหันไปเดินกลับไปยังทิศทางที่จากมา ฝีเท้านั้นเต็มไปด้วยความ…ร้อนรน?
รีบไปๆ ข้ายังต้องไปอวดกับเยี่ยยวนต่อ!
“น้อมส่งท่านราชายมโลก!” ยมราชทั้งหกจึงทำได้เพียงคารวะอย่างพร้อมเพรียง เหล่าหยวนเจียงที่เพิ่งกลับเข้าร่างก็คารวะตามเช่นกัน
ยมราชทั้งหกไม่ได้อยู่ต่อนาน พวกเขาทักทายกับไป๋อวี้ ก่อนจะกลับเข้าไปยมโลกด้วยประตูผี ประตูสีดำบนพื้นนั้นหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยปรากฏขึ้น
หยวนเจียงกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง คนหนึ่งด้านหลังเขากลับลอยตัวขึ้นราวกับจะจากไป
“ศิษย์น้องสิบสามช้าก่อน…” หยวนเจียงเรียกอีกฝ่าย “เรื่องการดับสูญของท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ใหญ่หลวงนัก พวกข้าต้องรีบกลับบูรพาสวรรค์ นำเรื่องนี้รายงานต่อท่านมหาเทพ”
“เกี่ยวอะไรกับข้า” ตี๋ไฮ่ถามกลับเสียงเย็น ก่อนที่คิ้วของเขาจะขมวดขึ้นราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “เขาเป็นมหาเทพของพวกท่าน ไม่ใช่ของข้า! เหตุใดข้าต้องรายงานกับเขา”
หยวนเจียงผงะไปเล็กน้อย คนอื่นสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาฉายอารมณ์ซับซ้อนเล็กน้อย
“ข้าตามพวกท่านลงมาเพื่อช่วยเหลือเสวียนเหมิน ตอนนี้ปัญหาไม่มีแล้ว! ข้าจะไปตามหาอาจารย์ ต่อจากนี้เรื่องของพวกท่าน ข้าไม่เกี่ยวข้อง!”
“ศิษย์พี่สิบสาม…” เหวินชิงเรียกอีกฝ่าย ทำท่าทางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา!
ตี๋ไฮ่กลับนั่งเมฆ หายลับไปจากขอบฟ้าแล้ว
หยวนเจียงถอนหายใจยาว แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันไปกวาดมองลูกศิษย์เสวียนเหมินทีหนึ่ง ก่อนที่สายตาจะหยุดลงบนตัวของอวิ๋นเจี่ยว จากนั้นเบือนสายตาออกไป จากนั้นเขาหันไปมองเจ้าสำนักสวีที่อยู่ตรงกลาง ก่อนจะพูดขึ้น “เสวียนเหมินในตอนนี้…ดีมาก!” มีศิษย์หลานอวิ๋นอยู่ พวกเขาสบายใจได้
พูดจบ พวกเขาก็ขึ้นเมฆลอยจากไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าสำนักสวีและเหล่าลูกศิษย์ต่างคารวะอย่างพร้อมเพรียง “น้อมส่งท่านปรมาจารย์!”
เรื่องที่เกิดภายในวันนี้มีมากเกินไป อย่าว่าแต่เหล่าลูกศิษย์เลย แม้แต่เจ้าสำนักสวีเองยังไม่อาจย่อยสลายได้ คนทั้งคนตกอยู่ในอาการมึนงง
อวิ๋นเจี่ยวดึงไป๋อวี้ที่ยืนนิ่งอยู่เล็กน้อย ก่อนจะยัดยันต์ที่เก็บวิญญาณมังกรไปให้ “ชายแก่ ท่านพาเฟิงเสี่ยวหวงกลับไปเถอะ พร้อมทั้งส่งเมล็ดพันธ์สองถุงในครัวไปให้ท่านอิ้งหลุนด้วย” ค่าตัวตามที่รับปากกับเขาไว้
“ฮะ? อ้า!…ข้า?” ไม่ดีมั้ง เขาเพิ่งจะรู้ว่าอิ้งหลุนคือราชายมโลก ยังปรับตัวไม่ได้เลย “ไม่ได้นะเจ้าหนู เจ้าไปเถอะ ข้าประหม่า”
“ข้าต้องไปดูข่ายพลังคุ้มครองภูผาของสำนักเทียนซือ หรือท่านจะไป?”
“…” ข่ายพลังเขาทำไม่ได้จริงๆ ชายแก่จึงหันหลังกลับชิงหยางไปด้วยสีหน้าหมดอาลัย
อวิ๋นเจี่ยวทักทายกับเจ้าสำนักสวี ก่อนจะเดินไปตามทางลงเขาทางด้านขวา ลัดเลาะไปตามทางลงเขาของสำนักเทียนซือ นางเดินไปยังไม่ถึงตีนเขา ก็พบร่างสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า อีกฝ่ายคือหยวนเจียงที่จากไปเมื่อสักครู่
“อาจารย์อาหยวน” อวิ๋นเจี่ยวเรียก
“ศิษย์หลานช่างเฉลียวฉลาด” หยวนเจียงหัวเราะ เขาเพียงส่งสายตาให้ อีกฝ่ายก็รู้ความหมายของเขา หลบหลีกผู้คนมายังที่นี่
“อาจารย์อามีเรื่องอะไรให้ช่วยเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“อืม” เขาพยักหน้า ก่อนจะพูด “เรื่องอสูรกลืนนภาครั้งก่อน หลังจากที่ข้ากลับไปก็มัวแต่สืบเรื่องฉู่เหยียน ถึงได้พบว่าเรื่องนี้นอกจากท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์แล้ว เบื้องหลังยังมีเงาของสวรรค์อื่น”
“ประจิมสวรรค์?” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?!” หยวนเจียงผงะ เรื่องที่พวกเขาสืบมานานเช่นนี้ ศิษย์หลานรู้ได้อย่างไร
“เฟิงเสี่ยวหวง…วิญญาณมังกรที่อยากแก้แค้นเป็นคนพูด” มันเคยบอกว่าลูกแก้วกำเนิดวิญญาณมีผนึกของท่านเทพหวาซูแห่งประจิมสวรรค์
“เช่นนี้นี่เอง” หยวนเจียงพยักหน้า คิ้วของเขาขมวดมุ่นในทันที “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประจิมสวรรค์ ตอนนี้ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ดับสูญ ข้าคิดว่าประจิมสวรรค์ต้องมีการเคลื่อนไหวอื่น พวกเจ้าต้องระวังให้มาก”
“อืม ขอบคุณอาจารย์อา” นางพยักหน้า ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงถามขึ้น “จริงสิ อาจารย์อาหยวน อาจารย์อาสิบสามเมื่อครู่…”
หยวนเจียงผงะ ใบหน้าปรากฏความกังวลใจ สักพักเขาจึงได้ถอนหายใจออกมา “ศิษย์น้องสิบสามมีความเห็นต่อสวรรค์เป็นอย่างมาก อีกทั้งไม่เห็นด้วยกับที่พวกข้าเข้าร่วมบูรพาสวรรค์ หลายปีมานี้เขาคอยตามหาอาจารย์มาตลอด ดังนั้น…”
“อาจารย์ปู่?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ “พวกท่านรู้ว่าอาจารย์ปู่อยู่ไหนไม่ใช่หรือ” ทำไมต้องตามหา
หยวนเจียงสีหน้าแข็งทื่อ ก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์ไม่อนุญาตให้ข้ากับศิษย์น้องเล็กเอ่ยถึงเรื่องที่เขาอยู่โลกมนุษย์ให้กับศิษย์น้องคนอื่น ดังนั้นพวกเขาตอนนี้รู้แค่ว่าอาจารย์เคยปรากฏตัว แต่ไม่รู้เหตุการณ์ที่ละเอียด อีกทั้ง…อาจารย์ปิดการรับรู้ตำแหน่งชิงหยางของข้ากับศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้พวกข้าทั้งสองคนไม่อาจกลับไปชิงหยางได้แล้ว” ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องเรียกอีกฝ่ายมาคุยที่นี่แล้ว
“อ่อ” มิน่าก่อนหน้านี้เขาและเหวินชิงล้วนทำท่าทางราวกับไม่รู้จักนางและชายแก่ ที่แท้ก็กลับโป๊ะแตก! แม้แต่ศิษย์พี่น้องยังพูดความจริงด้วยไม่ได้ ดูท่าทางอาจารย์ปู่จะไม่ชอบสวรรค์จริงๆ
หยวนเจียงมองดูสีท้องฟ้า ก่อนจะพูดต่อ “เวลาใกล้ค่ำแล้ว ข้าต้องกลับไปก่อน ต่อมาโลกบนคงวุ่นวายสักพักหนึ่ง ข้าอาจไม่ได้ติดต่อกับเจ้าบ่อยครั้ง เจ้าและศิษย์หลานไป๋ต้องระวังตัวให้มาก”
“ได้ อาจารย์อาไปเถอะ!”
หยวนเจียงกำชับอีกหลายประโยค ก่อนจะขึ้นเมฆลอยจากไป