ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 260 กลับชิงหยาง
“ก็คืออาจารย์ข้า!” ตี๋ไฮ่อธิบาย
“อาจารย์เจ้าปิดถ้ำฝึกฝนไม่ใช่หรือ” อวี๋ซีพูด “เจ้ายังใช้ข้ออ้างนี้เลื่อนงานแต่งของพวกเรา” หากไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ เธอก็คงไม่ทะเลาะกับเขา จากนั้นวิ่งไปด้านหลังภูเขา
ทั้งสามคน: “…”
เข้าใจแล้ว! อวี๋ซีเหมือนจะจำเรื่องที่ตนเองเคยกลายเป็นปีศาจไม่ได้ ความทรงจำของนางหยุดไว้เพียงทานผนึกปีศาจเท่านั้น อีกทั้งอีกฝ่ายเหมือนจะไม่รู้ว่าตนเองเป็นกึ่งปีศาจ
“แม่นางอวี๋ ข้าสามารถตรวจดูร่างกายของท่านได้หรือไม่” อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเธอขึ้นลง
“ฮะ?” อวี๋ซีผงะ ก่อนจะหันไปมองตี๋ไฮ่
“เสี่ยวซี อย่ากังวล ให้นางดูเถอะ นางเป็นหมอ” ตี๋ไฮ่อธิบาย “เจ้าอยู่ในเขาแห่งนี้เป็นเวลานาน ให้นางดูหน่อยก็ดี”
“ฮึ เจ้าไม่ต้องยุ่ง!” อวี๋ซีถลึงตาใส่เขาอีกที แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอวิ๋นเจี่ยว เพียงแค่ยื่นมือออกไป
“งั้นข้ารบกวน”
อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว เธอจับเส้นชีพจรของอีกฝ่าย พร้อมทั้งตรวจดูร่างกายของนาง รวมไปถึงภายในจิต จนกระทั่งตรวจเจอการเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยนั้น เธอจึงชักมือกลับ
“เป็นอย่างไร?!” ตี๋ไฮ่ถามขึ้น
อวิ๋นเจี่ยวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังตี๋ไฮ่ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดออกมา “ไม่เป็นอะไร ร่างกายอ่อนแอไปบ้าง กินเสริมก็จะดีขึ้น”
“ขอบคุณ!” อวี๋ซีพยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างเขินอาย “ท่านหมอ…ช่วยข้าดูเจียงเอ๋อหน่อยได้หรือไม่ เขาร่างกายอ่อนแอแต่เด็ก หลายปีนี้ลำบากตามข้า ข้ากังวลว่า…”
“ข้าดูหน่อย” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ปฏิเสธ เธอจับมือของเด็กชายด้านข้างขึ้นมา สักพักเธอรู้สึกตกตะลึง แต่ใบหน้าของเธอไม่แสดงออกมา “เด็กคนนี้ร่างกายอ่อนแอไปบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ระวังเอาไว้ก็พอ จริงสิ อย่าให้เขาไปในสถานที่ที่มีพลังชั่วร้ายมาก” พูดจบก็หันไปมองตี๋ไฮ่ ก่อนจะเสริมขึ้น “โดยเฉพาะพลังปีศาจ!”
ตี๋ไฮ่ผงะ ก่อนจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย มือของเขากำแน่นขึ้นในทันที แต่เมื่อหันกลับไปใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส “ไม่เป็นไร พ่อจะสอนวิธีการใช้พลังเสวียนเหมินให้เจ้า ใช้เวลาไม่นานเจียงเอ๋อต้องดีขึ้นแน่ แล้วก็เสี่ยวซี ข้าจะทำอาหารอร่อยให้เจ้ากินทุกวัน ต้องกินกลับมาได้แน่”
“ฮึ เจ้าไม่ต้องยุ่ง!” อวี๋ซีถลึงตาใส่เขา ภายในดวงตายังเต็มไปด้วยความโกรธ แต่แรงในการดิ้นนั้นลดลงเล็กน้อย
“เสี่ยวซี ก่อนหน้านี้ข้าผิดเอง หลายปีนี้ข้าตามหาพวกเจ้ามาตลอด จริงๆ!”
“ข้าไม่เชื่อ เจ้าออกไป!”
“เสี่ยวซี...”
“คืนลูกชายข้ามา!”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
“อาจารย์อาตี๋ ท่านจะอยู่ที่นี่จริงหรือ ไม่กลับสวรรค์ไม่เป็นอะไรหรือ” ชายแก่มองดูคนตรงหน้าที่ใช้เวลากว่าหนึ่งวันถึงได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อได้
“ซู่…” เขารีบโบกมือ “พวกเจ้าพูดเสียงเบาหน่อย เสี่ยวซีและเจียงเอ๋อยังหลับอยู่!”
เขาหันหลังกลับไปมองประตูห้องที่ปิดสนิท ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทั้งสองคนเดินห่างออกไปหลายก้าว จากนั้นจึงพูดขึ้น “ข้าเป็นเพียงเทพพเนจร ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของโลกสวรรค์ อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน”
บนใบหน้าของตี๋ไฮ่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาต่างจากสีหน้าขมขื่นที่พบในตอนแรก “พวกนางเป็นลูกเมียของข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ควรจะอยู่ที่นี่คุ้มครองพวกนาง ไม่ว่านางจะจำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้จริงหรือไม่ ตอนนี้เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน” เขาเหมือนนึกบางอย่างได้ ดวงตาของเขาร้อนผ่าว “ผลเช่นนี้คือสิ่งที่ข้าหวังเอาไว้ ตอนนี้ถือว่าสมหวังแล้ว”
ชายแก่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนอวิ๋นเจี่ยวพูดเตือนขึ้น “พลังปีศาจบนตัวของอวี๋ซีถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เด็กคนนั้น…ท่านระวังไว้บ้าง”
“ข้ารู้” เขาพนักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเธอ “ขอบใจศิษย์หลานที่ไม่ได้บอกเรื่องของเจียงเอ๋อกับเสี่ยวซี มิเช่นนั้นนางอาจจะเป็นกังวลมาก” เมื่อคืนเขาพิสูจน์แล้ว มั่นใจว่าเจียงเอ๋อได้รับการสืบทอดจากอวี๋ซี เขาก็เป็นกึ่งปีศาจเช่นเดียวกัน
“เพียงแค่ไม่สัมผัสพลังปีศาจ คงจะไม่มีปัญหาอะไร” อวิ๋นเจี่ยวพูดต่อ สถานการณ์ของเด็กคนนั้นไม่หนักหนาเท้ากับอวี๋ซีในตอนนั้น เพราะว่าเขามีสายเลือดปีศาจเพียงหนึ่งในสี่ เพียงแค่อย่ากลืนกินปีศาจอื่นเหมือนแม่ของเขา ก็จะไม่กลายเป็นปีศาจ
“ข้าไม่ยอมให้พวกนางมีอันตราย” ตี๋ไฮ่ตอบอย่างแน่วแน่
“พวกข้ากลับไปก่อน” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะหยิบยันต์ส่งสารใบหนึ่งให้ไป “หากอาจารย์อามีเรื่องด่วน สามารถบอกพวกข้าได้ทุกเวลา”
ตี๋ไฮ่ไม่ได้ปฏิเสธ เขารับไปพร้อมกล่าวขอบคุณ
“อาจารย์อาระวังตัว!” ชายแก่พูด ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับอวิ๋นเจี่ยว
จนกระทั่งเดินออกจากหุบเขาเว่ยหยวน ชายแก่ถึงได้ถามขึ้น “เจ้าหนู นี่มันเรื่องอะไรกัน ฮะ? ทำไมข้ายิ่งดูยิ่งงง แม่นางอวี๋ซีนั้นเป็นกึ่งปีศาจหรือไม่”
“ใช่! แต่ก็ไม่ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ
“ฮะ?” ตกลงใช่หรือไม่ใช่?
“เคยใช่!” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย “ภายในของนางกลายเป็นจิตปีศาจแล้ว แต่เหมือนจะถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว ตอนนี้นางเป็นคน”
“อย่างนี้หรือ…” สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ ชายแก่ฉงน ก่อนจะถามต่อ “เช่นนั้นทำไมนางจำเรื่องที่ตนเองกลายเป็นปีศาจไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีแท่นผนึกปีศาจ อาจารย์อาบอกว่านางเปิดออกเพื่อสร้างปีศาจไม่ใช่หรือ แต่นางบอกว่าตนเองวิ่งไปที่นั่นอย่างไม่ตั้งใจ” อีกทั้งยังเกิดจากการทะเลาะกับอาจารย์อาตี๋อีก “ตกลงเรื่องจริงเรื่องหลอก”
“น่าจะจริง” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า “นางไม่รู้เรื่องกึ่งปีศาจแม้แต่น้อย” ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้เธอตรวจดูร่างกายของเด็ก
“นี่มันเรื่องอะกัน” เขาไม่เข้าใจ
“คนที่รู้ความจริงมีเพียงคนเดียว”
“ใคร”
อวิ๋นเจี่ยวหันหน้ามามองเขา “อาจารย์ปู่!”
“ฮะ?”
“ข้าพบร่องรอบคำสาปลืมเลือนในจิตของอวี๋ซี” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย “นี่เป็นคาถาที่อาจารย์ปู่ใช้เป็นประจำ” อาจารย์ปู่มักจะรับมือกับแฟนคลับทีบ้าคลั่งของตนด้วยวิธีนี้ ซึ่งนี้ก็เป็นสาเหตุที่อวี๋ซีความจำเสื่อม
…
เมื่อกลับถึงชิงหยาง อวิ๋นเจี่ยวมุ่งหน้าไปหาอาจารย์ปู่โดยตรง ถึงแม้เธอพอจะเดาได้ว่าเรื่องของอวี๋ซีเป็นฝีมือของอาจารย์ปู่ แต่ก็ยังมีรายละเอียดที่เธอไม่เข้าใจ
“คำสาปชำระล้างปีศาจเท่านั้น” เยี่ยยวนไม่คิดจะปิดบัง เขาพูดขึ้น “ผนึกที่ข้าลงตอนนั้นคือคำสาปชำระล้างปีศาจ คำสาปนี้ต้องใช้เวลาหมื่นปีจึงจะสามารถชำระล้างพลังปีศาจบนตัวนางได้”
“…” ดังนั้นความหมายของระยะหมื่นปีที่อาจารย์ปู่พูดคือเช่นนี้? มิน่าว่าเธอรู้สึกประหลาด จากความสามารถของอาจารย์ปู่ ทั้งๆ ที่สามารถกำจัดปีศาจได้เลย แต่กลับทำการผนึก อีกทั้งยังมีระยะเวลาอีก
“เรื่องแท่นผนึกปีศาจเป็นอย่างไรกันแน่” อวิ๋นเจี่ยวถามอีกครั้ง สิ่งที่อวี๋ซีและตี๋ไฮ่พูดนั้นแตกต่างกัน อวี๋ซีบอกว่าบุกรุกเข้าไปอย่างไม่ตั้งใจ ส่วนตี๋ไฮ่บอกว่าทำเพื่อสร้างปีศาจ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าตอนนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นที่แท่นผนึกปีศาจ ส่วนตอนนั้นมีเพียงอาจารย์ปู่อยู่ในเหตุการณ์