ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 270 จุดประสงค์ของหวาซู
ทันใดนั้นทุกคนทุกคนล้วนตกตะลึง กระจกย้อนอดีต! มันเป็นเครื่องของยมทูตที่ใช้สำหรับสะท้อนอดีต เพื่อตัดสินวิญญาณของแต่ละเมืองผี ทำไมถึงปรากฏขึ้นที่นี่!
“หากต้องการรู้ความจริงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก” หลงฉางยิ้มตาหยี “ เชิญท่านหวาซูออกจากร่างมายืนอยู่หน้ากระจกนี้จักได้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ”
สีหน้าของหวาซูซีดเผือดลง ก่อนจะมองไปยังหลงฉางด้วยความโกรธ “เหลวไหล! ข้าไปทำอะไรให้เจ้าเมืองหลงหรือไม่ เหตุใดท่านคิดจะทำร้ายอนาคตขอ’ข้า!” เขามองตรงไปยังอีกฝ่าย “ใครไม่รู้บ้างว่ากระจกย้อนอดีตนี้สามารถสะท้อนได้เพียงชีวิตก่อนตายของวิญญาณ ถึงแม้ข้าจะออกจากร่าง แต่ก็ยังเป็นวิญญาณเป็น เมื่อถึงเวลานั้น วิญญาณของข้าจะปนเปื้อนพลังแห่งความตาย อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะกลับเข้าร่างได้หรือไม่ ถึงจะกลับเข้าร่างได้ก็จะมีความเสียหายต่อพลังอย่างมาก”
“เรื่องนี้ท่านหวาซูไม่ต้องกังวล” หลงฉางไม่สนในความโกรธของอีกฝ่าย ยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ข้าเคย รายงานต่อราชายมโลกแล้ว ท่านรับปากว่าหากเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านยมโลกจะไม่รับวิญญาณของท่าน ส่วนความเสียหายของพลัง…” เขามองไปยังหยวนเจียง “เรื่องของท่านมหาเทพทักษิณสวัสดิ์ในตอนนั้น ฝ่ายหยวนเจียงก็เคยวิญญาณหลุดออกจากร่าง พวกเขาสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีปัญหา”
ฝ่ายหยวนเจียงที่ถูกพูดถึงผงะไป ก่อนจะพยักหน้า “พี่…เจ้าเมืองหลงพูดไม่ผิด พลังของพวกข้าไม่ได้รับความเสียหาย!” แต่เป็นเพราะว่าราชายมโลกเป็นคนลงมือเอง เพียงแต่เรื่องนี้ไม่จะเป็นต้องบอกคนอื่น อย่างไรก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของตนเอง แม้จะพูดโกหกก็ต้องช่วยเหลือกัน
ชายแก่ทำสีหน้าฉงน เขาดึงอวิ๋นเจี่ยวก่อนจะถามขึ้นเสียงเบา “เจ้าหนู อาจารย์อาใหญ่เคยเจอกับชาวสวน?” อีกฝ่ายไปรายงานอิ้งหลุนตอนไหน เขาไปเด็ดผักทุกวันทำไมไม่เคยเห็น
อวิ๋นเจี่ยวหันหน้ากลับมา คิดจะกรอกตาใส่แต่ไร้ผล ท่านเชื่อสิ่งที่อาจารย์อาพูดด้วย เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะพูด “วันนี้ข้าจะทำสมองหมูให้ทานกิน”
“ฮะ?!” ทำไมถึงพูดไปเรื่องมื้อกลางวันได้
“กินอะไรเสริมอย่างนั้น!”
“…”
“เจ้าเมืองหลงพูดถูก” สิงเย่ดีใจ ไม่คิดว่าหลงฉางจะยืมกระจกย้อนอดีตมา เขารีบพูดเสริมขึ้น “หวาซูเจ้าเพียงแค่ลองดูเท่านั้น ถึงแม้เจ้าจะกลายเป็นวิญญาณจริง ข้าสัญญาว่าจะมอบบัวคืนชีพช่วยให้เจ้าสร้างพลังชีวิตขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ว่าพลังของเจ้าจะเสียหาย แต่ก็ยังมียาวิเศษสามารถช่วยฟื้นคืนพลังของเจ้า แน่นอนว่า…เจ้าต้องบริสุทธิ์!”
“วิธีของเจ้าเมือหลงสามารถทได้” สิงซีพูดขึ้น “หวาซู กระจกย้อนอดีตเป็นอาวุธของยมโลก ไม่มีทางเป็นเท็จได้ อีกทั้งสามารถตัดสินอย่างเที่ยงธรรม เจ้าส่องดูทุกอย่างจะกระจ่าง”
แม้แต่สิงเหิงก็หันกลับไปมอง “หวาซู…เจ้าว่าอย่างไร”
หวาซูไม่ตอบ เพียงแต่ก้มหน้าลง สักพักเขาจึงหัวเราะขึ้นมา “เฮอะๆ…เดิมทีข้าคิดจะถ่วงเวลาไว้เสียหน่อย ไม่คิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
เขาเงยหน้าขึ้น ก่อนจะสะบัดฝุ่นบนตัวออก ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที ไร้ซึ่งความตระหนกก่อนหน้านั้น สายตาที่มองไปยังทุกคนเต็มไปด้วยความดูถูก “แต่ว่า…ก็เพียงพอแล้ว!” เขาโบกมือขึ้น “ลงมือ!”
นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่เทพชายด้านหลังของสิงเหิงกว่าครึ่งลงมือจู่โจมเทพชายที่มาด้วยกัน จากนั้นรวมตัวกันที่ด้านหลังของหวาซู ปิดทางเข้าออกของตำหนักใหญ่เอาไว้ มองไปยังเหล่าเทพภายในตำหนักด้วยสายตาดุดัน รวมไปทั้งสิงเหิง
“หวาซู! เจ้าจะทำอะไร” สิงเหิงตกตะลึง มองไปยังเขาด้วยความโกรธเคือง “หรือว่า… เจ้าร่วมมือกับท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์จริง”
“ร่วมมือ?” หวาซูมองนางทีหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ ที่โง่เขลา ข้าไม่เสียเวลาด้วยหรอก ท่านก็เช่นเดียวกัน!” เขามองไปยังสิงเหิงอย่างเยือกเย็น “ประจิมสวรรค์ตกอยู่ในมือผู้โง่เขลาอย่างท่าน ช่างน่าอับอาย ท่านลงจากตำแหน่งให้เร็วจะดีกว่า!”
“เจ้าคิดจะกบฏหรือ?!” สิงเหิงโกรธจัด!
“ทำไมจะไม่ได้” หวาซูกวาดตามองคนในตำหนัก “กว่าข้าจะรวมพวกท่านไว้ด้วยกันได้ช่างยากลำบาก แค่เพียงกำจัดพวกท่าน โลกสวรรค์ก็จะไม่แบ่งแยกสี่ทิศ อีกทั้งยังสามารถกลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อหมื่นปีก่อน หรือแม้กระทั้งรวมทั้งสามโลกเป็นหนึ่งเดียวได้”
“ด้วยมือเจ้า?” ทันทีที่เขาพูดจบ สิงเย่ทางด้านซ้ายหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าดูถูก “หยิ่งยะโส เทพเสวียนอย่างเจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้”
สีหน้าของหวาซูไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาแค่กวาดตามองอีกฝ่าย “วันอื่นอาจไม่ได้ แต่วันนี้ไม่แน่”
ทุกคนต่างผงะ ไม่รู้ว่าคำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร สิงซีที่อยู่ด้านขวาสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีราวกับนึกบางอย่างได้ “พวกเจ้าสามารถใช้พลังได้!” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว “สหายอวิ๋น...”
เสียดายที่สายเกินไป อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงพลังเทพบริเวณรอบด้านเคลื่อนไหว มีบางอย่างยกขึ้นจากใต้เท้า ทันใดนั้นตรงหน้าปรากฏเกราะกำบังสีทอง แยกเธอและเหล่าคนของสำนักเทียนซือออก
“พบแล้วหรือ เสียดายที่ช้าไปหน่อย!” หวาซูหัวเราะออกมา เขามองไปยังสิงซี “ยังต้องขอบคุณท่านมหาเทพบูรพาสวรรค์ที่ช่วยเหลือ แม้แต่กระจกคุนหลุนยังหยิบออกมา ถึงช่วยให้พวกข้าสามารถกำจัดพวกท่านได้ในคราเดียว!”
พูดจบ เขาส่งสายตาให้ท่านเทพด้านหลัง ทันใดนั้นทุกคนล้วนรู้สึกพลังมหาศาลกดทับลงมาหาพวกเขา ถึงแม้จะไม่ใช่วิชาเก่งกาจอะไร แต่ภายใต้สถานกาณ์ที่พลังถูกผนึกเอาไว้ ถึงแม้จะเป็นท่านมหาเทพก็ไม่อาจต้านทานได้ พวกเขารู้สึกเพียงเลือดที่ตีขึ้นมา
“พวก…พวกเจ้าทำไม…” สิงเย่ทำสีหน้าเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าตนเองจะถูกเทพชั้นผู้น้อยข่มได้
“คิดว่ามีเพียงพวกท่านที่มีอาวุธหรือ” เขาส่งเสียงเย็น ทันใดนั้นในมือปรากฏธงสีแดงเล่มหนึ่ง ในเวลานี้ทุกคนถึงได้พบว่าบนธงนั้นประกายแสงสว่างอยู่ พร้อมกับคุ้มครองเขาและคนด้านหลังไว้ด้านใน
“ธงริ้วกายสิทธิ์ฟ้า!” สิงเย่เห็นอาวุธในมือของเขา ธงริ้วกายสิทธิ์ฟ้าเป็นอาวุธที่สามารถต้านทางการโจมตีทุกอย่างเอาไว้ได้ มิน่าทั้งที่พวกเขาถึงสามารถใช้พลังภายใต้กระจกคุนหลุน อีกทั้งยังสามารถกักขังเหล่าคนของสำนักเทียนซือที่ถือครองกระจกคุนหลุนได้
“ที่แท้เจ้าก็วางแผนไว้แล้ว!” สิงเหิงกึ่งคุกเข่าลงไป นางเงยหน้ามองหวาซู มิน่าทั้งที่ข้ารู้ว่าท่านมหาเทพทั้งสองทิศนัดตนมาหารือที่นี่ต้องไม่มีเรื่องดีแน่ แต่อีกฝ่ายยังคงโน้มน้าวให้ตนมา “ข้าดูแลเจ้าอย่างดี แต่เจ้ากลับทรยศข้าเช่นนี้!”
“ท่านมหาเทพ ท่านอย่าโทษข้า จะโทษก็โทษท่านที่ไร้ความสามารถ…” หวาซูไม่ปฏิเสธ สายตาที่มองไปยังสิงเหิงเต็มไปด้วยความเย็นชา “หลายพันปีมานี้นอกจากไม่สามารถรวมโลกสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว ขึ้นแท่นเป็นมหาเทพแห่งสวรรค์ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สู้ให้คนที่มีความสามารถมาทำดีกว่า”
“ฮึ! พวกเจ้าคิดฆ่าพวกข้าแล้วเจ้าจะขึ้นเป็นมหาเทพแห่งสวรรค์ได้หรือ” สิงเหิงหัวเราะเสียงเย็น ใครจะยอมรับใช้เขา
“ข้าทำไม่ได้แน่!” หวาซูไม่โกรธ เขาพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “แต่นายน้อยทำได้”
สิงเหิงผงะ นางเบิกตาโต “…เจ้าพูดอะไร?!”
“ท่านมหาเทพไม่รู้หรือ” หวาซูหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “นายน้อยกำเนิดออกมามาตั้งนานแล้ว เขาจะผู้นำคนใหม่ของโลกสวรรค์!”