ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 274 ผู้เกิดใหม่
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ” หลงฉางส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องพรรค์นี้มาก่อน แต่เผ่าพันธุ์มังกรตั้งแต่กำเนิดอย่างมังกรเสวียน ไม่ต้องฝึกฝนก็มีพลังระดับเสวียน แตกต่างจากเผ่าพันธุ์อื่น ถึงแม้จะบอกว่าพลังของพวกเขามาจากร่างมังกรจริง ส่วนสัมปชัญญะมาจากวิญญาณ แต่ก็มีเป็นกรณีพิเศษที่…”
“วิญญาณ?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอหันหน้าไปมองไป๋อวี้ “ชายแก่ ท่านไปเรียกอิ้งหลุนมา เรื่องวิญญาณเขาน่าจะรู้ดีเป็นที่สุด”
อิ้งหลุน? ใคร หลงฉางผงะ
“อ่อ” ชายแก่ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถง ก่อนจะตะโกนไปยังหลังเขา “คนส่งผักทางนั้น เจ้าหนูเรียก!”
นาทีถัดมา ร่างในชุดสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นในห้องโถงทันที เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเอนตัวเข้าใกล้ พิงตัวอยู่บนโตณะน้ำชาด้านข้างอวิ๋นเจี่ยวราวกับคนไร้กระดูก ”ศิษย์ตัวร้อย เจ้าหาข้าหรือ ทำไมวันนี้อยากทำมื้อดึกแล้ว อยากได้ผักอะไร ข้ามี… เห้ย!” เขาหยุดชะงักไปเมื่อเห็นเยี่ยยวนนั่งอยู่ด้านข้าง เขากระเด้งตัวออกไปทันที ”เยี่ยยวน ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่ด้วย?!”
เยี่ยยวนไม่ได้ตอบ เพียงแต่สายตาของเขาเลื่อนต่ำลง ก่อนจะหยุดอยู่บนแขนที่พาดไว้บนโต๊ะน้ำชาเมื่อกี้…
“ศิษย์ตัวน้อยใจร้ายมาก!” อิ้งหลุนถอยออกไปหนึ่งก้าว ก่อนจะมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยสีหน้าน้อยใจ “เจ้าหลอกข้า ทั้งที่รู้ว่าเยี่ยยวนยังจะเรียกข้ามา ข้ายุ่งมากเจ้ารู้หรือไม่ เวลาหนึ่งเค่อข้าสามารถปลุกผักได้นับหมื่นต้น ข้า…”
“รา…ราชายมโลก!” หลงฉางเบิกตาโพลงอย่างเหลือเชื่อ เขารู้เรื่องราชายมมาโลกตื้นขึ้น แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงอยู่ที่นี่
“เอ๊ะ?” อิ้งหลุนเพิ่งสังเกตเห็นหลงฉางที่อยู่ด้านข้าง เขากวาดตามองอีกฝ่ายขึ้นลง เจ้าเป็นลูกศิษย์ของเยี่ยยวน คนที่อยู่ในเขตหมิ่นเฟิน…สอมงมีปัญหาคนนั้นหรือ ข้าจำได้ว่าเจ้าชื่อ…เอาเถอะ ไม่สำคัญ! เจ้าต้องเฝ้าผนึกโลกปีศาจไม่ใช่หรือทำไมมาอยู่ที่นี่ หรือว่า…” เขานึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะหันควับไปมองเยี่ยยวนอย่างตกตะลึง “เยี่ยยวน เจ้าทำเกินไปแล้ว แม้แต่ลูกศิษย์ยังเรียกตัวกลับมา เจ้าบอกข้ามา เจ้าต้องการหาข้ออ้างต่อยข้าใช่หรือไม่?!”
เยี่ยยวนที่หาข้ออ้าง: “…”
หลงฉางที่สมองมีปัญหา: “…”
อวิ๋นเจี่ยวที่ระอา: “…”
เขาพูดได้ทุกอย่างจริงๆ!
“พอแล้ว อิ้งหลุน พวกข้ามีเรื่องถามท่าน!” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ก่อนจะพูดขัดเขา
“ศิษย์ตัวน้อยมีเรื่องถามข้าด้วย” อิ้งหลุนโล่งใจในทันที “เกิดอะไรขึ้น เรื่องอะไร เรื่องของเมืองหมิ่นเฟินหรือ สถานที่นั้นสภาพแวดล้อมไม่ดี อยู่ไม่ได้เป็นเรื่องปกติ ต้องปลูกพืชผักมากหน่อย อย่างหลังเขาก็ไม่เลว วางใจ รอข้าปลูกทั้งเจ็ดเมืองในยมโลกแล้ว ข้าจะไปปลูกที่เมืองหมิ่นเฟินด้วย ข้าจะบอก…”
“พวกข้าจะถามท่านเรื่องของวิณญาณ” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัดเขาขึ้นมาทันที หากให้เขาพูดต่อไปฟ้าคงจะสว่างพอดี “บนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่สามารถรับรู้เรื่องต่างๆ ได้ตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งยังสามารถครุ่นคิดได้ในขณะที่อยู่ในไข่หรือไม่”
“มี!” เขาพยักหน้าอย่างไม่ต้องคิด ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่เข้าแม่น้ำหยิน หลบหลีกวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดก็สามารถทำได้แล้ว!”
“หลบหลีกวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด?” ทุกคนต่างผงะ
“ใช่ เพียงแค่วิญญาณไม่ได้มีความเสียหายอะไรมาก ไม่เข้าหลักวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดผ่านทางแม่น้ำหยิน ก็จะสามารถคงความทรงจำเมื่อชาติก่อนได้” อิ้งหลุนอธิบาย
หลงฉางขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างลังเล “ท่านราชายมราชหมายความว่า…การแย่งชิงร่าง?”
“ไม่! เป็นไปไม่ได้…” ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ส่ายหัวปฏิเสธความคิดของตนเอง “นายน้อยคนนั้นไม่มีทางเป็นการเเย่งชิงร่างกายคนอื่น ผู้แย่งชิงหากเข้ากับร่างกายนั้นไม่ได้ สามารถมองออกได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงของหวาซู อีกฝ่ายไม่เหมือนจะเป็นการแย่งชิงร่าง”
“ใครบอกว่าต้องเป็นการแย่งชิงร่างเท่านั้น” อิ้งหลุนส่งสายตาระอาให้เขา ก่อนจะอธิบาย “เป็นการเกิดในร่างใหม่ไม่ได้หรือ”
“เกิดในร่างใหม่?” อวิ๋นเจี่ยวและหลงฉางต่างผงะ
“อืม” เขาพยักหน้า “ยืมร่างกายของคนอื่น กลืนกินพลังชีวิตเพื่อสร้างร่างใหม่ จากนั้นไปเกิดใหม่ในร่างนั้น ระบการถ่ายทอดทางสายเลือด ไม่มีความแตกต่างจากการตั้งครรภ์ปกติ เพียงแต่ร่างกายที่สร้างขึ้นมาใหม่มีความอ่อนแอ และมีข้อบกพร่อง”
อ่อนแอ?! คนทั้งสามต่างตกตะลึง ก่อนจะนึกไปถึงเรื่องการเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพ หรือว่านี่เป็นสาเหตุที่พวกเขาทำเช่นนี้?!
“แต่ว่าการเกิดในร่างใหม่มีเพียงผู้โง่เขลาเท่านั้นถึงจะทำ” อิ้งหลุนพูดต่อ “พลังของวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดเป็นสิ่งไม่อาจต้านทานได้ การหลบหลีดการจับกุมของยมโลกเดิมทีก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว อีกทั้งวิญญาณที่วนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์เดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้ว หากไม่ซ่อมแซมด้วยการผ่านวัฏจักร โอกาสในการเกิดใหม่ครั้งหน้าจะมีหรือไม่ก็พูดยาก” ใช้การเวียนว่ายตายเกิดนับสิบชาติแลกกับการเกิดในร่างใหม่เพียงครั้งเดียว ไม่โง่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไรแล้ว
สีหน้าของหลงฉางเปลี่ยนไป “เกิดในร่างใหม่…หรือว่า” เขาตบโต๊ะลุกขึ้นพรวดราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ช้ารู้ว่าเขาคือใครแล้ว”
“ใคร” อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ตกใจ
เขาหันไปมองเยี่ยยวนที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้าง “อาจารย์เขาคือเนี่ยชาง เนี่ยชาง! ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นเขาแน่!”
เยี่ยยวนหันหน้ามามองศิษย์โง่ฝั่งตรงข้าม คิ้วของเขาขมวดขึ้น “ใคร”
“…” หลงฉางผงะ ก่อนจะอธิบายออกมาอย่างรีบร้อน “อาจารย์ เนี่ยชางไง! เนี่ยชางท่านมาหาเทพของโลกสวรรค์เมื่อหลายหมื่นปีก่อน คนที่ก่อให้เกิดสงครามระหว่างสามโลกคนนั้น ท่านเป็นคนจัดการเขาด้วยมือของท่านเองไม่ใช่หรือ”
เยี่ยยวนเอียงคอเล็กน้อย สายตาของเขาเหม่อลอย สักพักถึงเค้นออกมาคำหนึ่ง “…อืม”
ทุกคน: “…”
เขาลืมไปแล้วแน่! ต้องลืมอย่างสนิทแน่! อีกทั้งยังจำไม่ได้ด้วย!
( ̄△ ̄;)
“อาจารย์อาหลง” อวิ๋นเจี่ยวระอา ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านหมายถึงอีกฝ่ายคือท่านมาหาเทพองค์ก่อน”
“ไม่…คือองค์ก่อนๆ!” หลงฉางเผยหน้าหนักใจ ก่อนจะตอบ “ท่านมหาเทพองค์กรดับศูนย์เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว ส่วนเนี่ยชางเป็นท่านมหาเทพก่อนท่านมหาเทพองค์ก่อน เดิมทีเผ่าพันธุ์บนโลกสวรรค์ปกครองตนเองแตกต่างจากตอนนี้ เนี่ยชางเป็นผู้รวมสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งเขามีนิสัยชอบทำสงคราม หลังจากรวมสวรรค์เป็นหนึ่งเดียวแล้ว ก่อเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ทำให้โลกมนุษย์ โลกมารและยมโลกล้วนเดือดร้อน”
“โลกมนุษย์ในตอนนั้น…” เขานึกบางอย่างขึ้นได้ มือที่วางไว้ข้างลำตัวกระชับแน่นขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดต่อ “วุ่นวายอย่างมาก อีกทั้งมีมารปั่นป่วนค่อนข้างมาก เผ่าพันธุ์มนุษย์แทบจะสูญพันธุ์ จนกระทั่ง…” เขาเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยยวนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “อาจารย์ก่อตั้งเสวียนเหมิน เผ่าพันธุ์มนุษย์ถึงจะมีเวลาปรับตัว เพียงแต่…เนี่ยชางไม่พอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เขาคิดจะเปิดผนึกโลกปีศาจ”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
ดังนั้นเขาจึงถูกอาจารย์ปู่ตีตาย? ช่างมีจิตใจหาที่ตายจริงๆ
-_-|||