ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 286 ช่วยเหลือ
สถานการณ์เร่งด่วน อวิ๋นเจี่ยวเองก็ไม่รีรอ เธอให้ชายแก่จัดเตรียมอาวุธวิเศษและยันต์วิเศษให้เพียงพอ ก่อนจะเดินทางไปยังสำนักเทียนซือ แม้แต่ข้าวยังไม่ทันได้กิน
เจ้าสำนักสวีเรียกลูกศิษย์ส่วนใหญ่มารวมตัวอยู่บริเวณลานกว้างตรงกลาง เมื่อเขาเห็นทั้งสองคนมาถึงจึงรีบเดินเข้ามาต้อนรับ สีหน้าร้อนรนและเคร่งเครียด “อาจารย์ทั้งสองมาแล้ว ข้าได้เรียกรวมลูกศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนัก เตรียมตัวเดินทางไปช่วยเหลือ”
“เหตุใดจึงมีคนเพียงเท่านี้” ชายแก่มองไปยังลูกศิษย์ที่มารวมตัวกันในลานกว้าง มองไปมีเพียงสิบกว่าคน ที่สำคัญในนั้นยังประกอบไปด้วนผู้อาวุโสห้าหกคน ตามหลักแล้วสำนักเทียนซือปกติต้องมีผู้อาวุโสอย่างน้อยสามสิบกว่าคนอยู่ภายในสำนัก
สีหน้าของเจ้าสำนักสวียิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม เขาตอบกลับ “บังเอิญเมื่อสองวันก่อน สำนักส่งเหล่าผู้อาวุโสที่มีสิทธิในการถ่ายทอดวิชาไปยังสำนักการศึกษาแห่งเสวียนเหมินแห่งที่สอง ตอนนี้พวกเขาไม่อาจกลับมาได้ทัน อีกทั้งยังเป็นช่วงวันหยุด ภายในสำนักจึงมีลูกศิษย์เพียงเท่านี้ เพียงแต่ข้าได้แจ้งต่อเจ้าสำนักของแต่ละสำนักแล้ว ให้พวกเขาพยายามส่งคนข้ามไป”
“สถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างไร” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“เสียหายอย่างมาก” คิ้วของเจ้าสำนักสวีขมวดเป็นปม ก่อนจะพูดต่อ “เจ้าสำนักเฉาแห่งสำนักอู่ติ้งรายงานกลับมา ด้านล่างสถานที่ที่ปรากฏรอยร้าวนั้นเป็นเมืองแห่งหนึ่ง ผู้คนนับหมื่นด้านในได้รับความเดือนร้อน ลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักอู่ติ้งถูกส่งออกไปช่วยเหลือ เพียงแต่พลังบริเวณนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ผู้คนที่ได้รับการช่วยเหลือมีไม่มากเวลานี้ยังไม่ทราบสถานการณ์การบาดเจ็บ สำนักใกล้เคียงทั้งหลายล้วนส่งคนข้ามไปหวังเพียงสามารถช่วยเหลือได้บ้าง”
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทั่งคู่จึงเคร่งเครียดขึ้นมาภายในใจยิ่งเป็นกังวล
ลูกศิษย์รายหนึ่งเดินเข้ามารายงาน “เจ้าสำนัก ลูกศิษย์ภายในสำนักรวมตัวกันเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหมดเจ็ดสิบเก้าราย”
“อืม” เจ้าสำนักสวีตอบรับ ก่อนจะหันไปพูดกับอวิ๋นเจี่ยว “อาจารย์อวิ๋น พวกเราออกเดินทางตอนนี้หรือไม่”
“ไป!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะหันหลังเดินไปยังค่ายกลส่งบริเวณตรงกลาง สำนักเทียนซือห่างจากเขตแดนตะวันออกระยะหนึ่ง ต้องเปลี่ยนผ่านค่ายกลส่งหลายค่ายจึงจะถึงจุดหมาย
ในขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าค่ายกล รอบตัวของเธอปรากฏแสงสีทองขึ้นมาอย่างกะทันหัน แสงสีทองจากยันต์วิเศษที่ปรากฏภายใต้เท้าห่อหุ้มเธอเอาไว้ภายใน
“เจ้าหนู!” ชายแก่ตกใจ เขาเอื้อมมือออกไปคิดจะดึงคนเอาไว้
เจ้าสำนักสวีเองก็เช่นกัน แต่ทั้งสองคนช้าไปก้าวหนึ่ง แสงสีทองนั้นปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด เพียงแค่เวลาอันสั้น คนที่เดิมทีอยู่ข้างกายของคนทั้งสองหายไปต่อนหน้าต่อตา ไม่เพียงพวกเขา แม้แต่ลูกศิษย์เสวียนเหมินนับหลายสิบคนในเหตุการณ์ต่างนิ่งอึ้ง
ทุกคน: “…”
นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น
…
ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว…เขตแดนทางใต้ เมืองอี้
เฉาซั่วเจ้าสำนักแห่งสำนักอู๋ติ้งมองดูเมืองที่ถูกพลังสีฟ้าอ่อนปกคลุมเอาไว้ตรงหน้าด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น ภายในใจเต็มไปด้วยความร้อนรน พลางส่งสารบอกให้เหล่าลูกศิษย์เร่งมือ พลางพูดกับผู้อาวุโสที่กำลังเสกกลคาถาอยู่ด้านหน้า “เป็นอย่างไรบ้าง เข้าไปได้หรือไม่”
“เจ้าสำนัก พวกข้าไร้ความสามารถ!” ศีรษะของผู้อาวุโสท่านนั้นเปียกโชคไปด้วยเหงื่อ ความร้อนใจของเขาไม่แพ้เฉาซั่ว “หมอกควันสีฟ้านี้ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด พวกข้าใช้กลคาถาทำลายภาพลวงตาทั้งหมดที่รู้ แต่ก็ไม่อาจทำลายมันได้แม้แต่น้อย อย่าว่าแต่จะเข้าไป แม้แต่เข้าใกล้ยังทำไม่ได้”
สีหน้าของเฉาซั่วย่ำแย่อย่างมาก เขาหันไปมองลูกศิษย์คนหนึ่งข้างตัว “ลูกศิษย์ที่ส่งออกไปช่วยคนเป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียนเจ้าสำนัก” ลูกศิษย์รายนั้นรีบรายงานทันที “ประชาชนส่วนใหญ่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเมืองแห่งนั้นล้วนถูกช่วยเหลือออกไปแล้ว แต่…มีลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยได้รับบาดเจ็บจากหมอกควันที่ขยายตัว”
“คนที่ได้รับบาดเจ็บมีจำนวนเท่าใด”
“มี…นับร้อยราย”
สีหน้าของเฉาซั่วดำทะมึนจนแทบจะกลายเป็นก้นหม้อ เขาเงยหน้ามองรอยร้าวกลางอากาศนั่น ด้านในมีพลังสีฟ้าหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย มันคืออะไรกันแน่
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ…” ภายในเมืองยังมีประชาชนนับหมื่น ไม่รู้ว่าเวลานี้จะเป็นอย่างไร พวกเขากลับถูกหมอกควันเหล่านี้รั้งเอาไว้แม้แต่เข้าใกล้ยังทำไม่ได้
“เจ้าสำนักเฉาเหตุใดจึงไม่ลองค่ายกลปิดผนึก” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
เฉาซั่วหัวหน้าไป พบลูกศิษย์เสวียนเหมินจำนวนมากเดินมาทางนี้ พวกเขาล้วนสวมชุดสีฟ้ามุมเสื้อปักคำสัญลักษณ์ของตระกูลถัง คนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดคือพ่อลูกคู่หนึ่งซึ่งก็คือถังอี้และถังเฉิน
“นายท่านถัง!” เฉาซั่วดีใจ ก่อนจะเดินเข้าไปต้อนรับ
“เจ้าสำนักเฉา ตระกูลถังได้รับการสารจากสำนักการศึกษาแห่งเสวียนเหมิน นำลูกศิษย์ภายในตระกูลเดินทางมาช่วยเหลือ” ถังอี้อธิบาย “ตระกูลถังอยู่ใกล้ที่สุด ดังนั้นจึงเดินทางมาก่อน สำนักอื่นกำลังมา”
“ดีๆ! ลำบากนายท่านถังแล้ว” คิ้วที่ขมวดมุ่นของเฉาซั่วผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อยจะหันไปมองถังเฉินที่อยู่ด้านข้าง “อาจารย์ถังก็มาด้วย!”
ถังเฉินตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะถือใบรับรองอาจารย์มานานหลายปี อีกทั้งเข้าร่วมการถ่ายทอดวิชาหลายครั้ง ถือเป็นคนแรกที่ได้รับใบรับรองอาจารย์ในรุ่นของเขา แต่เขาก็ยังไม่คุ้นชินเมื่อได้ยินคนอื่นเรียกตนว่าอาจารย์ ดังนั้นเขาจึงตั้งสติ พร้อมกระแอมไอทีหนึ่ง “เจ้าสำนักเฉา เวลานี้สถานการณ์เป็นอย่างไร”
“เฮ้อ…ประชาชนที่ได้รับผลกระทบมีจำนวนมากเกิน คนในสำนักอู๋ติ้งมีไม่เพียงพอลูกศิษย์ที่ส่งออกไปช่วยเหลือได้เพียงประชาชนบริเวณใกล้เคียง” เขาถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าลังเล ก่อนจะหันไปมองหมอสีฟ้าด้านหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น
“หมอกสีฟ้านี้ประหลาดอย่างยิ่ง พวกข้าไม่อาจเข้าใกล้ได้เพียงสูดดมเข้าไปเล็กน้อยเส้นลมปราณในร่างกายจะแตกออกจากนั้นจะมีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด”
สีหน้าของทั้งสองคนเคร่งเครียดตาม ถังอี้หันไปมองลูกศิษย์ด้านหลัง “ลูกศิษย์ตระกูลถังฟังคำสั่ง รีบไปตามหาประชาชนที่ถูกกักขังไว้โดยรอบ นำพาพวกเขาออกไปให้เร็วที่สุด จำไว้ว่าออกห่างจากหมอกสีฟ้าเหล่านั้น”
“ขอรับ!” ทุกคนตอบรับพร้อมเพรียง ก่อนจะกระจายตัวออกไป ร่วมมือกับลูกศิษย์อู๋ติ้งในการช่วยเหลือคน
ผู้อาวุโสสิบกว่าคนและถังอี้พ่อลูกยืนอยู่ที่เดิม ถังเฉินกวาดตามองหมอกสีฟ้าตรงหน้า “เจ้าสำนักเฉา หมอกสีฟ้าเหล่านี้ไม่ใช่หมอกควันพิษธรรมดา ไม่อาจขับไล่ได้ พวกเราลองผนึกดูจะดีกว่า”
เฉาซั่วพยักหน้า เขาเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแค่หากต้องการวางค่ายกลผนึกขนาดใหญ่เช่นนี้ พลังที่ต้องสูญสิ้นต้องไม่น้อย อีกทั้งคะแนนด้านค่ายกลของตนไม่ค่อยดี หากเกิดอุบัติเหตุอะไร จะง่ายต่อการดีดกลับ ทางที่ดีคือหลายคนร่วมกันวางค่ายกล แต่สำนักอู๋ติ้งไม่ใช่สำนักใหญ่อะไร คนในสำนักที่สามารถร่วมมือกันวางค่ายกล เมื่อรวมตัวของเขาแล้วก็มีเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น จึงไม่อาจทำได้
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ตระกูลถังพาผู้อาวุโสมาสิบกว่าคน อีกทั้งยังมีอาจารย์ถังผู้เป็นที่หนึ่งแห่งการประลอง หากมีเขาอยู่ ค่ายกลไม่ใช่ปัญหา
“เช่นนั้นต้องลำบากอาจารย์ถังชี้แนะพวกข้าวางค่ายกลผนึกหมอกสีฟ้าเหล่านี้” เฉาซั่วหันไปพูดกับถังเฉินก่อนจะถามขึ้น “อาจารย์ถังจะใช้ค่ายกลผนึกใด”
ถังเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “ค่ายกลผนึกหวานคง” เขาคุ้นชินกับค่ายกลนี้ เพราะหลังจากที่เขาได้รับชัยชนะจากการประลองในครั้งนั้น ในกองข้อสอบที่เป็นรางวัลนี้ ข้อแรกที่เขาผิดก็คือค่ายกลนี้ อีกทั้งยังถูกทำโทษให้คัดสองร้อยรอบ!