ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 325 ทะเลเลือดไร้ที่สิ้นสุด
ภายใต้อิทธิพลของยันต์ซ่อนพลัง ทั้งสองคนลักลอบเข้ามาในดินแดนปีศาจได้สำเร็จ แทบจะเป็นชั่วขณะที่ก้าวผ่านรอยต่อของทั้งสองดินแดน อุณหภูมิบริเวณรอบด้านเพิ่มขึ้นหลายองศา อากาศรอบตัวร้อนระอุขึ้นอย่างกะทันหันส่งผลให้ภายในจิตใจของผู้คนปรากฏความหงุดหงิดขึ้นมา หากไม่ได้สวมชุดเวทย์ที่ตัดขึ้นเพื่อสงครามครั้งนี้ ปิดกั้นพลังซับซ้อนภายนอกไป แม้แต่ชายแก่ยังต้องถูกความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ดึงเข้าไป
เขารู้ว่าอาจเป็นผลกระทบจากสภาพแวดล้อมของดินแดนปีศาจหรือพลังปีศาจ ดังนั้นเขาจึงท่องคาถาสงบจิตภายในใจหลายจบ ก่อนจะมองไปยังเจ้าหนูที่อยู่ด้านข้าง พบว่านางยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ราวกับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
นางพินิจดูทิศทางที่กองทัพปีศาจพุ่งตัวออกมา จากนั้นส่งสัญญาณมือให้ชายแก่ ก่อนจะเดินไปทิศทางนั้น
ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าใด พลังปีศาจรอบด้านยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น ฟ้าดินราวกับหลงเหลือเพียงสีแดงและดำสองสีเท่านั้น ชายแก่ระมัดระวังตัวขึ้นมาก เขาเดินตามติดอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง จนกระทั่งได้กลิ่นคาวแบบแปลกประหลาดลอยมาติดจมูก
“เจ้าหนู เจ้าได้กลิ่นแปลกๆ อะไรหรือไม่” ชายแก่อดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนจะพบว่ากลิ่นคาวนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขามีความรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงรีบอุดจมูกเอาไว้
“กลิ่นคาวเลือด!” อวิ๋นเจี่ยวในฐานะที่เป็นหมอจดจำกลิ่นนั้นได้ทันที อีกทั้งภายในกลิ่นคาวเลือดนี้ยังปะปนไปด้วยกลิ่นเน่าบางอย่าง ราวกับ…
อวิ๋นเจี่ยวชะงักฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน ชายแก่หยุดไม่ทัน เกือบจะชนเข้ากับหลังของอีกฝ่าย
“เกิดอะไรขึ้น เจ้าหนู” เขาถามเสียงเบา แต่ไม่ได้รับคำตอบ จึงเดินออกมาเอียงคอมองไปด้านหน้า “ถึงแล้ว…”
เขายังพูดไม่ทันจบ กลับต้องสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง เห็นเพียงแต่ด้านหน้าของพวกเขาปรากฏของเหลวสีแดงเหนียวเหนอะ กลิ่นคาวที่เตะจมูกอบอวลไปทั่ว
บริเวณแห่งนี้เป็นทะเลเลือดที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ส่วนด้านบนของทะเลเลือดคือค่ายกลสีแดงขนาดใหญ่ แสงสีแดงของค่ายกลส่องสว่างลงบนผิวทะเล ก่อนจะสะท้อนขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินกลายเป็นสีแดง
ทั้งสองคนล้วนตกตะลึง ทันใดนั้นพวกนางก็กระจ่างว่าเหตุใดหลังจากผนึกพังทลาย ดินแดนปีศาจที่พบเห็นจึงเป็นสีแดง ที่แท้ก็ถูกทะเลเลือดแห่งนี้ย้อมสีแดง!
สิ่งสำคัญคือ ทะเลเลือดไม่ได้เงียบสงบ บนพื้นผิวทะเลสีแดงในเวลานี้กำลังเดือดราวกับน้ำที่ต้มร้อน ปีศาจมากมายกำลังปีนป่ายออกมาจากด้านใน พวกเขาลืมตาสีแดงขึ้นมาก็พุ่งตรงไปยังทิศทางของกองทัพปีศาจ เมื่อเทียบกับเหล่าปีศาจที่ถูกพลังปีศาจปกคลุมเอาไว้ เหล่าปีศาจในนี้สามารถเห็นได้ชัดว่าภายในดวงตาของพวกเขามีแต่ความเหม่อลอยและบ้าคลั่ง
ทั้งสองคนกระจ่างทันทีว่าเหตุใดจึงปรากฏปีศาจจำนวนมาก เป็นเพราะทะเลเลือดแห่งนี้กำลังเรียกและควบคุมปีศาจเหล่านี้!
“โอ้ มีหนูตัวเล็กเข้ามาสองตัว!” เสียงที่ไร้อุณหภูมิดังขึ้น
ทั้งสองคนตกใจ ก่อนจะหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงแต่บนผิวของทะเลเลือดมีคนอยู่คนหนึ่ง เขาไม่ได้ขี่เมฆเหมือนเซียน อีกทั้งไม่ได้ใช้ยันต์ลอยตัวเหมือนลูกศิษย์เสวียนเหมิน แต่เขาเดินอยู่บนอากาศ เหยียบย่ำอยู่เหนือน้ำทะเลราวหนึ่งเมตร ดูเหมือนจะเหยียบอยู่บนค่ายกลสีแดงนั้นเดินเข้ามา
คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มในชุดสีแดง ลักษณะท่าทางเย้ายวน ผิวพรรณซีดเซียวอย่างแปลกประหลาด ทำให้ริมฝีปากบางสีแดงนั้นโดดเด่นอย่างมาก ราวกับอมเลือดอยู่ในปากอย่างนั้น โดยเฉพาะชุดสีแดงบนตัวของเขายังประกายไปด้วยแสง ราวกับ…เลือดที่ไหลเวียน!
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ต่างใจเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ พวกนางพอจะเดาได้ว่าคนตรงหน้าคือผู้ที่ควบคุมทะเลเลือดและกองทัพปีศาจ พวกนางต่างกำอาวุธในมือแน่น ดูท่าทางคนตรงหน้าจะรับมือได้ยาก!
“สามโลกในเวลานี้พัฒนาไม่น้อย มีคนบุกเข้ามาถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มหยุดอยู่บริเวณห่างจากทั้งสองคนร้อยก้าว ทันใดนั้นเลียริมฝีปากขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มแปลกประหลาด จากนั้นเขาผงะไป ก่อนจะกวาดตามองคนทั้งสอง “เอ๊ะ อีกทั้งยังเป็นมนุษย์?” สายตาของเขามืดมนลงราวกับรังเกียจ ก่อนจะถอนหายใจ “ตอนนี้เผ่าเซียนไร้ประโยชน์เช่นนี้หรือ แม้แต่มนุษย์ยังสู้ไม่ได้”
“…” ชายแก่ยิ่งระวังตัวมากขึ้น ปีศาจตรงหน้าแตกต่างจากปีศาจตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่อาจ สัมผัสได้ถึงความสามารถของคนตรงหน้าได้แม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นปีศาจแต่กลับไม่เห็นคลื่นพลังบนตัว
“ช่างเถิด ข้าไม่เห็นเลือดของมนุษย์มาเป็นเวลานานแล้ว!” ชายหนุ่มด้านหน้าปลอบใจตัวเอง สายตาของเขาหลุบต่ำลง รังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากตัว “ในฐานะที่พวกเจ้าเป็นคนเพียงหนึ่งเดียวที่บุกเข้ามาที่นี่ ข้าจะยกเว้นครั้งหนึ่ง ปล่อยเลือดบนตัวของพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง”
พูดจบ มือของเขาโบกขึ้น ทะเลเลือดใต้เท้าลอยขึ้นเป็นหยดเลือดนับหมื่นพัน ทันใดนั้นก่อตัวเป็นแท่นน้ำแข็งสีแดงขนาดยาวลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าเขาตั้งใจจะปล่อยเลือดพวกนางจนหมดตัวจริงๆ แม้แต่การโจมตีก็เป็นแท่นน้ำแข็งลักษณะคล้ายเข็ม
ชายแก่หยิบยันต์วิเศษออกมา ก่อนจะถามขึ้น “เจ้าหนู พวกเราจะเอาชนะเขาได้หรือ”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพูดด้วยความมั่นใจ “ไม่ได้!”
“อ้า! อ๋า?” ชายแก่ลื่นล้ม สู้ไม่ได้จะลากเขามาตายทำไม
อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้นอีก “ดังนั้น ไม่สู้!”
“ฮะ?” ไม่สู้? หมายถึงจะหนีหรือ
เขายังไม่ทันกระจ่าง การโจมตีของอีกฝ่ายก็พุ่งตรงเข้ามาแล้ว แท่นน้ำแข็งลักษณะคลายเข็มแหลมห่อหุ้มไปด้วยพลังปีศาจพุ่งตรงมายังทิศทางของทั้งสองคน ในขณะที่จะถึงตัวของทั้งสองคนนั้น
ชายแก่หยิบยันต์ป้องกันทั้งหมดบนตัวออกมา ในขณะที่กำลังจะโยนออกไป คนด้านข้างกลับเร็วกว่า นางหยิบลูกแก้วกลมออกมาโยนลงพื้น
นาทีถัดมา แสงสีขาวประกายขึ้น ค่ายกลขนส่งก่อตัวราวกับเปิดบางอย่างออก ร่างสีฟ้าคุ้นตาปรากฏต่อหน้าคนทั้งสอง
อีกฝ่ายผงะไป ก่อนจะสะบัดดาบอย่างไม่ลังเล พลังเทพสีฟ้ากวาดไปทางด้านหน้า จู่โจมแท่นน้ำแข็งสีแดงจนร่วงหล่นลงไป
“จี้เฟิง?!” ชายแก่ผงะ เขามองดูคนตรงหน้า อีกฝ่ายอยู่ในคุกของสำนักเทียนซือไม่ใช่หรือ ทำไมถึงถูกดึงมาที่นี่
เดี๋ยว ที่เจ้าหนูบอกไม่สู้เมื่อกี้คงไม่ได้หมายถึง…ให้จี้เฟิงสู้หรอกนะ?
“จี้เฟิง เจ้าบอกจะกอบกู้สามโลก เอาชนะ เผ่าปีศาจมิใช่หรือ” อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังปีศาจชุดแดงที่ห่างออกไปไม่ไกล “โอกาสของเจ้ามาแล้ว!” เหลือไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ!
จี้เฟิงผงะ ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนอยู่บนทะเลเลือด นัยน์ตาของเขาหดเล็กลงทันที ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความตกใจ “ปีศาจเลือด!”