ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 339 ความจริงในการหลับใหล
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” อิ้งหลุนส่ายหัว ก่อนจะพูดออกมา “ข้าหมายถึง ศิษย์หลานตัวน้อยเจ้าคิดมากเกินไปก่อนหน้านี้ ดินแดนปีศาจไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร มีเพียงเผ่าเทพที่ถูกคนชักจูงไปในทางที่ผิด แต่ละวันเอาแต่เผยแพร่ภัยคุกคามดินแดนปีศาจ อันที่จริงมีเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน ปีศาจเลือดครั้งก่อนเป็นเพียงอุบัติเหตุ ปีศาจอื่นอย่าว่าแต่โจมตีสามโลกเลย แม้แต่ออกจากดินแดนปีศาจคงยังไม่อยาก ถึงแม้เจ้าจะลักลอบเข้าไปหาสิ่งที่แก้คำสาปในดินแดนปีศาจ ดินแดนปีศาจก็ไม่สนใจ
“ท่านไม่ได้บอกว่า…เทพปีศาจเป็นคนลงคำสาปหรือ” อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่ลงคำสาปกับอาจารย์ปู่เห็นได้ชัดว่ามีความแค้นต่อกัน พวกนางไปทำลายคำสาป จะไม่เอาเรื่องได้อย่างไร “เขาเป็นคนพูดง่ายหรือไร้น้ำยา”
“แค่กๆ …ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” อิ้งหลุนสำลัก ก่อนจะกระแอมไอแล้วพูดขึ้น “ดังนั้นข้าจึงบอกว่าศิษย์หลานตัวน้อยคิดมากไป ดินแดนปีศาจในตอนนี้…เอ่อ อย่างไรก็ตาม เจ้าวางใจ ถึงแม้เจ้าจะแกล้งคนที่ลงคำสาปอย่างไร เขาก็ไม่มีทางนำเผ่าปีศาจมาโจมตีสามโลกอย่างแน่นอน ข้ารับรอง อีกทั้งเจ้าเพียงแค่หยิบอาวุธคำสาปไปเท่านั้นเอง”
“จริงหรือ อาวุธคำสาปนั้นมีลักษณะอย่างไร”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าไม่ได้เห็นตอนที่เขาลงคำสาป แต่แค่คิดก็พอจะรู้ว่าต้องอยู่บนตัวเขาอย่างแน่นอน”
“อ่อ…ข้ารู้แล้ว…”
“ดังนั้นศิษย์หลานตัวน้อย ก่อนหน้านี้เจ้าคิดมากไปเท่านั้น คำสาปนี้ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนที่เจ้าคิด อันที่จริง…เดี๋ยว!” เขาหยุดชะงักไป ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าซีดเผือด “ศิษย์หลานตัวน้อย…เจ้าหลอกให้ข้าพูด…ตั้งแต่แรก?!”
เฮ้ย เขาพูดอะไรออกไป?!
“เฮอะๆๆ จะเป็นไปได้อย่างไร…” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าไม่เปลี่ยน ท่าทางเอนไปด้านหลังอย่างไม่เป็นธรรมชาติ สายตาล่อกแล่กไปมา “คือ…ใกล้กลางวันแล้ว ข้าต้องไปทำอาหาร ผักที่ท่านส่งมาวันนี้ไม่เลวเลย!” อย่างน้อยก็ถามจนเกือบหมดแล้ว
พูดจบก็สาวเท้าเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว พลางเดินพลางจับไป๋อวี้ที่เพิ่งเดินเข้ามา พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “ชายแก่ รีบไปเตรียมยันต์ให้เพียงพอ พวกเราอาจต้องออกเดินทางไกล!”
ชายแก่ “…?”
อิ้งหลุน “…” รู้สึกเหมือนตนเองเป็นไก่อ่อนที่ถูกหลอก!
ศิษย์หลานตัวน้อยจงใจอย่างแน่นอน! ต้องใช่แน่! อีกทั้งที่หลายเดือนมานี้ไม่มีการเคลื่อนไหว ที่แท้ก็รอหลอกให้เขาพูดออกมา ศิษย์หลานตัวน้อย…ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
…
หลังจากที่ล้วงความลับออกมาจากอิ้งหลุนได้แล้ว อวิ๋นเจี่ยวก็เดินทางไปหาจี้เฟิงที่กำลังเตรียมการสอนเพื่อซักถามเรื่องของเทพปีศาจ
“มีเทพปีศาจอยู่จริง แต่การมีอยู่ของเขาเป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น” จี้เฟิงอธิบาย “เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ข้าก็ไม่อาจแน่ใจได้”
“เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่!” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“ร่ำลือว่าในอดีตกาล เทพผู้สร้างโลกผ่าโลกออกเป็นสามดินแดน กำหนดเส้นทางทั้งหก ดีเลวแยกออกอย่างชัดเจน ผู้ที่มีความบริสุทธิ์เป็นฟ้า ผู้ที่ปนเปื้อนเป็นดิน หลังจากนั้นบนฟ้าก่อเกิดเป็นราชาเทพ ก่อตั้งเผ่าเทพจนเจริญรุ่งเรือง ส่วนบนดินก่อเกิดเป็นเทพปีศาจ ทำให้เกิดปีศาจและมาร” จี้เฟิงเล่าตำนานออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “ราชาเทพและเทพปีศาจเป็นศัตรูกันแต่กำเนิด เกิดการแย่งชิงกันอย่างไม่สิ้นสุดส่งผลให้เกิดภัยพิบัติขึ้นหลายครั้ง เล่าลือกันว่าทั้งสองดับสูญไปตั้งแต่อดีตกาล”
“ดับสูญ?!” อวิ๋นเจี่ยวผงะ เทพปีศาจตายแล้ว? เช่นนั้นคำสาปบนตัวของอาจารย์ปู่คืออะไรกัน เขาคงไม่ใช่ราชาเทพที่ต่อสู้กับปีศาจเทพหรอกนะ “พวกเขาดับสูญที่ไหน”
“เหมือนจะเป็น…” เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “สถานที่แห่งหนึ่งในดินแดนปีศาจ ชื่อว่าเซินยวน”
“…เซินยวน” ดังนั้นชาวสวนอิ้งหลุนจึงบอกว่า ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ไม่มีทางก่อเกิดความขัดแย้งระหว่างดินแดนปีศาจกับสามโลก เพราะว่าเทพปีศาจตายไปนานแล้ว?
ไม่ใช่ อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอื่นอีก เพียงแต่นางยังไม่รู้ แต่ดูจากตอนนี้ นางต้องไปดินแดนปีศาจสักรอบแล้ว
หลังจากอวิ๋นเจี่ยวตัดสินใจ นางไม่ได้รีบออกเดินทาง แต่เตรียมการอยู่หลายวัน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วถึงจะเปิดประตูผีเดินทางไปยังยมโลก
ก่อนจากไป อวิ๋นเจี่ยวไปดูอาจารย์ปู่อีกครั้ง เขายังคงไม่มีท่าทีที่จะตื่น อีกทั้งไม่กอดนางไม่ปล่อยเหมือนครั้งที่แล้ว ดูเหมือนจะหลับลึกมากจริงๆ ถึงแม้อิ้งหลุนจะบอกว่าต้องคำสาปก็ไม่เป็นอะไร อาจารย์ปู่จะตื่นขึ้นในเร็ววัน แต่อวิ๋นเจี่ยวไม่อาจมองโลกในแง่ดีเช่นนั้น
ตั้งแต่รู้เรื่องของดินแดนปีศาจแล้ว ภายในใจของนางมีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด หากเขาไม่ตื่นขึ้นมาอีกจะเกิดอะไรขึ้น นางบอกไม่ถูกว่าลางสังหรณ์นี้มาจากไหน แต่ทุกครั้งที่นึกถึง นางก็ปรากฏความว้าวุ่นอย่างแปลกประหลาด ดังนั้นนางถึงคิดที่จะเสี่ยงเข้าไปในดินแดนปีศาจ เพื่อสืบเรื่องราวของเทพปีศาจ ตามหาอาวุธคำสาปให้อาจารย์ปู่ตื่นขึ้นมา
ครานี้ที่ไปดินแดนปีศาจ นางพาชายแก่ไปด้วยคนเดียว เพราะดินแดนปีศาจไม่ใช่สถานที่ดีอะไร คนยิ่งมากยิ่งลำบาก ส่วนชายแก่มีป้ายยมราชอยู่ในตัว ถือเป็นคนของอิ้งหลุน ฟังจากน้ำเสียงของอิ้งหลุน เขาไม่เคยเห็นเผ่าปีศาจอยู่ในสายตา หากต้องเผชิญกับอันตราย อิ้งหลุนก็ไม่มีทางไม่สนใจ ส่วนนางยิ่งไม่ต้องเป็นกังวล อาจารย์ปู่ลงวิชาเวทบนตัวนาง เมื่อมีอันตรายจะส่งนางกลับมา
ดังนั้นพวกนางทั้งสองคนไปเหมาะสมที่สุด ดังนั้นจึงไม่ได้บอกกล่าวคนอื่นในสำนักเทียนซือ แม้แต่การเดินทางไปยมโลก พวกนางยังใช้ข้ออ้างเป็นการคุมวิญญาณของเนี่ยชางแทน ร่างกายของเนี่ยชางในตอนนี้ยังไม่ผ่านการเวียนว่ายตายเกิด แต่เป็นการมาเกิดโดยตรง อิ้งหลุนพูดไม่ผิด วิญญาณที่มาเกิดโดยไม่ผ่านวงจรนั้น เมื่อตายไปในชาตินี้ วิญญาณจะสูญสิ้นพลังจนอ่อนแออย่างมาก ร่างวิญญาณของเนี่ยชางที่ถูกจับกุมเข้ายมโลกเลือนรางจนแทบมองไม่เห็นแล้ว
หากชายแก่ไม่ใช่ยมราช สัมผัสกับพลังวิญญาณของเขาได้ แม้แต่อวิ๋นเจี่ยวยังต้องคิดว่าวิญญาณของเขาสลายไปแล้ว หมดโอกาสในการไปเกิดใหม่ เพียงแต่ร่างวิญญาณของเขาในตอนนี้ไม่แตกต่างอะไรจากการสลาย ไม่รู้ว่าต้องอยู่ในแม่น้ำหยินนานเพียงใดจึงจะกลับมาสมบูรณ์ อีกทั้งเมื่อถึงเวลานั้นยังจะเป็นเขาอยู่หรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่เก็บวิญญาณของเขา ก่อนจะเปิดประตูผีเดินทางไปยมโลก หลังจากส่งวิญญาณของเนี่ยชางเข้าแม่น้ำหยินเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็เดินทางไปเขตหมิ่นเฟิน
เรื่องอาจารย์ปู่ต้องคำสาป อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ปิดบังหลงฉาง เพราะอาจารย์ปู่หลับใหลเป็นเวลานานเช่นนั้น เขาเองก็รู้ เมื่อได้ยินว่าทั้งสองคนจะเดินทางไปดินแดนปีศาจ อาจารย์อาหลงจึงคัดค้านขึ้นในตอนแรก เพราะไม่มีใครรู้ว่าด้านในเป็นอะไร
“ไม่ได้ ข้าไม่ยอม!” หลงฉางส่ายหัว สงครามกับดินแดนปีศาจเพิ่งจบสิ้นลง เวลานี้เป็นเวลาที่ยุ่งที่สุด แม้แต่เขายังต้องคอยจับตาผนึกชั่วคราวนั้นอยู่ตลอดเวลา เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ศิษย์หลานจะเข้าไป เขาจะวางใจได้อย่างไร
“อาจารย์อาใหญ่ ถึงแม้ดินแดนปีศาจจะอันตราย แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน” ชายแก่ตบอก “บนตัวข้ามีป้ายยมราช ท่านอิ้งหลุนรับปากแล้วว่าหากข้ามีอันตราย เขาจะดึงข้ากลับไป” จากนั้นเขาบอกกล่าวแผนการอย่างละเอียดกับอีกฝ่าย พร้อมทั้งรับรองว่าจะไม่มีอะไรอันตรายต่อชีวิต