ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 348 ปีศาจหมาป่ากะโหลก
“ที่นี่คงจะปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่” ชายแก่มองไปรอบด้าน พบว่าสถานที่แห่งนี้ดีกว่าชั้นบนที่เปล่าเปลี่ยวไม่มาก เพียงแต่มีภูเขาที่มีลักษณะแปลกประหลาดเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่บริเวณรอบด้านไม่มีแม้แต่ต้นไม้ ท้องฟ้าถึงแม้จะมืดมน แต่ก็ไม่ได้มืดมิดไปทั้งหมด บางครั้งบางครายังมีแสงหลากสีสาดลงมาจากบนท้องฟ้าราวกับแสงเหนือ
“เพื่อความปลอดภัย พวกเราเดินต่อจะดีกว่า ยิ่งไกลยิ่งดี” อวิ๋นเจี่ยวเสนอ
ชายชายแก่พยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นยืน มุ่งเดินทางไปด้านหน้า อาจเป็นเพราะความหวาดผวาจากสัตว์ประหลาดยักษ์เมื่อครู่ ทั้งสามคนต่างระวังเป็นพิเศษ ชายชายแก่พลางดดินพลางเพิ่มการป้องกันให้ตนเองและอวิ๋นเจี่ยวอีกหลายชั้น เพราะไม่มีใครรู้ว่าด้านหน้าจะยังมีสิ่งใดอีก
พวกเธอเดินมาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ด้านหน้าก็มีเสียงของการต่อสู้ลอยมา พลังปีศาจรอบด้านเคลื่อนไหวขึ้น อีกทั้งยังมีเสียงร้องคำรามอย่างแปลกประหลาดแทรกมาในเป็นครั้งราว ราวกับมีปีศาจตัวอื่นพบเข้ากับอะไรบางอย่าง แต่จากเสียงแล้ว คงไม่ใช่สัตว์ประหลาดยักษ์แบบเมื่อครู่
อวิ๋นเจี่ยวและชายชายแก่สบตากัน ไม่มีท่าทีจะเข้าไปร่วมสนุกด้วย เดิมทีพวกเขาคิดจะอ้อมออกไปเพื่อตามหาค่ายกลขนส่งต่อ แต่เย่เจียนเถียนที่ตามอยู่ด้านหลังสีหน้าดำลง สายตาของนางเย็นชาขึ้นในทันที นางมองไปยังทิศทางที่กำลังปะทะกัน “จี๋ซือหย่า!”
“…” โอ๊ะ เจอเข้าแล้วทั้งสองคนหันไปมอง พบว่าบริเวณไม่ไกลนักมีพลังปีศาจมหาศาล ปีศาจสามคนกำลังถูกสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะแปลกล้อมไว้อยู่ตรงกลาง สัตว์ประหลาดนั้นมีลักษณะคล้ายหมาป่า แต่หัวของมันกลับเป็นกะโหลกสีขาว ภายในกรอบตาฉายแสงสีแดงอีกทั้งยังมีรูปร่างขนาดใหญ่สูงราวสองสามเมตร กำลังจ้องเขม็งปีศาจล้อมทั้งสามคนไว้อยู่ตรงกลาง
ปีศาจสามคนนั้นเป็นชายสองหญิงหนึ่ง หญิงสาวสวมชุดสีขาว หน้าตาไร้เดียงสา ดูไม่เหมือนปีศาจแม้แต่น้อย นางเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ พลังปีศาจบนตัวไม่เสถียรอย่างมาก ส่วนปีศาจข้างตัวนางสองคนยิ่งแย่รอยปีศาจบนหน้าถูกกระตุ้นออกมา ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลลึกจนเห็นกระดูกสภาพอนาถยิ่งนัก พลังปีศาจบนตัวยิ่งเข้มข้น ถึงแม้จะเทียบกับปีศาจเลือดไม่ได้ แต่ก็แทบจะไม่ได้ต่างกันมากเท่าไรนัก
อวิ๋นเจี่ยวใจหล่นวูบ อีกฝ่ายคงจะเป็นเจ้าเมือง
พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก สายตามองไปยังหมาป่ากะโหลกรอบด้านด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง พวกเขาเริ่มใช้พลังปีศาจจู่โจมเข้าไปอย่างบ้าคลั่งแต่ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย หมาป่าเหล่านั้นราวกับไม่สะทกสะท้านต่อพลังปีศาจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้วิชาเวทอะไรจู่โจมเมื่อกระทบเข้าบนตัวพวกมันก็สลายไปในทันที อีกทั้งยังมีบางตัวอ้าปากกว้างกลืนพลังปีศาจเหล่านั้นลงไป
วงล้อมของหมาป่าหดเล็กลงเรื่อยๆ อีกทั้งพวกมันยังส่งเสียงร้องแปลกประหลาดออกมาเป็นระยะ บางที่มี่ตัวหนึ่งพุ่งออกมาจู่โจมเข้าไปตรงกลาง คนที่อยู่ตรงกลางไม่มีทางหลบหนี กรงเล็บที่แหลมคมกรีดเข้าบนตัวของอีกฝ่ายทันที
อวิ๋นเจี่ยวทั้งสามเพียงแค่มองดู ก่อนจะตัดสินใจจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น จี๋ซือหย่าที่ถูกปกป้องไว้ตรงกลางถูกหมาป่ากะโหลกโจมตีเข้า ร่างกายของนางถูกกรีดเป็นแผลขนาดใหญ่ ถึงแม้นางจะกลายร่างเป็นพลังปีศาจหลบหลีกจุดสำคัญไป แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชุดสีขาวบนตัวถูกย้อมเป็นสีแดง หลงเหลือไว้เพียงลมหายใจหนึ่งเท่านั้น
“จี๋ซือหย่า ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้!” ภายใต้ดวงตาของเย่เจียนเถียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ร่างของนางชะงักไป
“เดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวคิดจะรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ แต่ก็ไม่ทัน เห็นเพียงนางพุ่งตัวไปยังทิศทางนั้น ก่อนจะใช้พลังปีศาจจู่โจมเข้าไปยังจี๋ซือหย่าที่เหลือเพียงลมหายใจรวยริน เห็นได้ชัดว่านางต้องการชีวิตของอีกฝ่าย
“เฮ้ย!” อวิ๋นเจี่ยวอุทานออกมา แต่ก็ไม่คิดจะสนใจนาง เธอลากชายแก่หนีไปอีกทิศทางหนึ่ง
การจู่โจมของเย่เจียนเถียนในครานี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางจู่โจมเข้าที่แก่นพลังปีศาจของอีกฝ่าย จี๋ซือหย่าหลบหลีกไม่ทัน ถูกจู่โจมเข้าอย่างจัง พลังปีศาจบนตัวสลายไปจนหมดสิ้น แก่นพลังปีศาจสีดำลอยขึ้นมาจากร่างของนาง
เจ้าเมืองปีศาจทั้งสองคนผงะไป ก่อนจะมองไปยังเย่เจียนเถียนที่อยู่นอกวงล้อมของฝูงหมาป่ากะโหลก เจ้าเมืองทางซ้ายร้องขึ้น “ผู้พิทักษ์เย่!”
เย่เจียนเถียนยังคงตกอยู่ในความดีใจที่ฆ่าจี๋ซือหย่าได้ นาทีถัดมานางเห็นเพียงแสงสีเงินประกายขึ้นตรงหน้า ฝูงหมาป่าที่กำลังล้อมเจ้าเมืองอยู่เมื่อครู่พุ่งมาทางนางหนึ่ง
นางคิดจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทัน กรงเล็บของหมาป่ากะโหลกลากผ่านหน้าอกของนางโดนตรง หากไม่ได้แปลงร่างกลายเป็นควันปีศาจหลบไปได้ทัน นางคงถูกผ่าออกเป็นสองซีกไปแล้ว
ส่วนทางเจ้าเมืองทั้งสอง เมื่อเห็นฝูงหมาป่ามีทางออกพวกเขาพุ่งตัวออกจากวงล้อมอย่างไม่คิด อีกคนหยิบแก่นพลังปีศาจของจี๋ซือหย่าที่อยู่ด้านข้างกลืนลงไป บนใบหน้าไม่มีอารมณ์เสียใจแม้แต่น้อย ไร้ซึ่งท่าทางคุ้มกันอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ คิดเพียงแต่จะหนีออกจากวงล้อมนี้
เสียดายที่พวกเขาหนีออกมาได้ไม่ไกล หมาป่ากะโหลกที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาไหวตัวมารั้งอยู่ด้านหน้าของปีศาจทั้งสองอีกครั้ง เจ้าเมืองทั้งสองที่ปรากฏความหวังในการรอดชีวิตมีสีหน้าซีดเผือดในทันที ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากเสียงร้องแปลกประหลาดดังขึ้น ยังมีหมาป่ากะโหลกเดินออกมาจากบริเวณรอบด้านอีกหลายตัว ล้อมรอบพวกเขาจนมิดชิน
“อ๊าก...” เย่เจียนเถียนร้องโหยหวนออกมา กำลังของนางไม่เท่าเจ้าเมือง อีกทั้งยังพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ถึงแม้จะกำจัดศัตรูได้ แต่ก็ตกเป็นเป้าหมาย เสียดายที่ไม่อาจย้อนกลับไปได้ สัญชาตญาณในการเอาตัวให้ทำให้นางมองไปยังปีศาจตรงหน้าทั้งสองอย่างขอความช่วยเหลือ “เจ้าเมือง…ช่วย…ช่วยข้าด้วย!”
ดวงตาของทั้งสองคนไร้วี่แววใดๆ เจ้าเมืองที่จำนางได้เมื่อครู่เดินขึ้นหน้า ก่อนจะพูดเสียงเย็น
“ในเมื่อจะตายแล้ว เช่นนั้นก็ทำประโยชน์อีกเสียหน่อย!” พูดจบมือของเขาก็ทะลุผ่านร่างของนางไปอย่างไม่ลังเล ควักแก่นพลังของอีกฝ่ายออกมาโดยตรง เย่เจียนเถียนไม่อาจขัดขืนได้ ทำได้เพียงมองอีกฝ่ายดูดกลืนแก่นพลังของตนจนหมดสิ้น จากนั้นกลายเป็นเถ้าธุลีไป เดิมที่เป็นปีศาจ จะมีจิตใจเมตตาจากไหนกัน
เวลานั้นเจ้าเมืองทั้งสองต่างดูดกลืนแก่นพลังของเผ่าพันธุ์เดียวกัน พลังปีศาจบนตัวเพิ่มพูนมากยิ่ง แต่เมื่อเผชิญกับหมาป่ากะโหลกที่ไม่เกรงกลัวต่อพลังปีศาจ พวกเขาก็ยังคงไม่มีแนวโน้มจะชนะ ทำได้เพียงใช้พลังปีศาจจู่โจมอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด
ไม่ว่าพวกเขาจะจู่โจมอย่างไร หากไม่ถูกอีกฝ่ายต้านเอาไว้ได้ ก็ถูกอีกฝ่ายกลืนกินเข้าไป สีหน้าของทั้งสองคนสิ้นหวังลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กำลังจะตายในปากของหมาป่าปีศาจนั้น พวกเขากัดฟันระเบิดแก่นพลังภายในร่างกายทิ้ง
เสียงระเบิดดังสนั่น ร่างกายของเขาถูกระเบิดออก พลังที่มีอานุภาพทำลายล้างฟ้าดินแผ่ขยายไปรอบด้าน ทำให้เกิดแผ่นดินสั่นสะเทือน ภูเขาในรัศมีหลายลี้ถูกระเบิดจนแหลก เสียงกึกก้องดังไปทั่วทุกพื้นที่ อวิ๋นเจี่ยวที่เดินออกมาไกลแล้วหยุดชะงักลง เธอก้มลงมองยันต์ภายในมือ คิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย