ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 349 ปะทะฝูงหมาป่า
“เจ้าหนู ปีศาจหญิงนั้น…” ชายแก่รู้สึกถึงคลื่นบนยันต์ติดตาม เขามองไปยังอีกฝ่าย
“ขาดการเชื่อมต่อไปแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ถอนหายใจออกมาหนึ่งที เดิมทีเย่เจียนเถียนตามพวกเขาเพราะอยากจะมีชีวิตรอด แต่มีความสามารถในการทำนายอนาคตมากแค่ไหนก็ห้ามการตายที่เกิดจากตัวเองไม่ได้
ชายแก่ไม่ได้คิดอะไรมาก เดิมทีจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายตามพวกเขาก็ไม่ได้บริสุทธิ์อะไร เขาอุทานออกมา “ฝูงหมาป่ากะโหลกนั้นคืออะไรกัน แม้แต่พลังปีศาจยังไม่กลัว โชคดีที่พวกเราไม่ถูกพวกมันพบเข้า”
“ไม่แน่!” อวิ๋นเจี่ยวพูดเสียงต่ำ มองไปยังด้านหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ
“ฮะ?!” ชายแก่ผงะ ก่อนจะรีบเงยหน้ามองตามสายตาของนาง จากนั้นเขาก็ต้องตกใจ เห็นเพียงแต่ภายในหุบเขาลึกอันมืดมิดนั้น มีแสงสีแดงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งลอยเข้ามาทางนี้อย่างเชื่องช้า เมื่อมองดูอย่างละเอียด พบว่าแสงสีแดงเหล่านั้นคือดวงตาสีแดงเลือด ข้างหูได้ยินเสียงร้องแปลกประหลาดดังขึ้น สัตว์ประหลาดที่มีร่างเป็นหมาป่าขนาดใหญ่ หัวเป็นกะโหลกเดินออกมาจากในหุบเขา
เขาใจหายวูบในทันที มองไปยังฝูงสัตว์ประหลาดตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามีจำนวนมากกว่าที่พบก่อนหน้านี้สิบเท่า ที่แท้พวกเขาไม่ได้หนีรอด หากแต่เดินเข้าสู่รังหมาป่าหรือ
ดวงตาสีแดงแต่ละคู่นั้นจับจ้องไปบนตัวคนทั้งสอง ราวกับอยากจะฉีกเนื้อบนตัวของพวกเขาลงมา ในปากของพวกมันส่งเสียงคำรามแปลกประหลาดอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีเสียงกลืนน้ำลายแทรกซึมขึ้น ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำดัง
“เอ๊ะ กลิ่นของสองตัวนี้ต่างจากพวกเมื่อกี้ เนื้อใหม่หรือ ต้องอร่อยแน่!”
“หอมจัง ข้าจะกินน่อง น่องมีเนื้อมาก ข้าชอบที่สุด”
“ไม่ได้ น่องเป็นของข้า ข้าจะเอาน่องตัวซ้าย เขาอ้วนกว่า!”
“ล้อมพวกเขาเอาไว้ ล้อมพวกเขาเอาไว้ ข้าก็จะกินน่อง!”
“พวกเจ้าอย่าแย่งข้า น่องเป็นของข้า มิเช่นนั้นข้าจะกินพวกเจ้าด้วย!”
“หยุดแย่งกันได้แล้ว นี่เป็นพื้นที่ของอูชิว หากมันตื่นขึ้นมา พวกเราตายกันหมดแน่”
“รีบกัดขาพวกเขาให้ขาด อย่าให้พวกเขาหนีไปบนท้องฟ้า”
“ได้! กัดขาพวกเขาก่อน...”
อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุก ก่อนจะหันไปกำชับอีกฝ่าย “ชายแก่หนีขึ้นด้านบน พวกมันบินไม่ได้” พูดจบก็แปะยันต์ตัวเบาบนตัวของเขา พร้อมกับพูดเสริมขึ้น “ระวังขาของท่าน!”
“อ่อ” ชายแก่พยักหน้าด้วยความเคยชิน ก่อนจะเหาะขึ้นบนท้องฟ้า
“อ้า! พวกเขาจะหนีแล้ว!” ฝูงหมาป่ากะโหลกส่งเสียงร้องตื่นตระหนกขึ้น ฝูงหมาป่าเคลื่อนไหวทันที พวกมันล้มเลิกรายล้อมทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นการกระโจนเข้ามาแทน
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่เตรียมการไว้ก่อนแล้ว พวกเขาลอยขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ลอยขึ้นไปสูงกว่าหลายสิบจั้ง ฝูงหมาป่ากระโจนไม่โดน เสียงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนยังไม่ทันโล่งใจ ก็พบเพียงมีดลมทั่วทั้งท้องฟ้าพุ่งตรงมาหาตนเอง
เห็นเพียงแต่หมาป่ากะโหลกที่อยู่บนพื้นสะบัดหางใหญ่ด้านหลังของตนเองอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่สะบัดหางจะมีมีดลมส่งออกมา ก่อนจะพุ่งตรงมากลางอากาศ
ทั้งสองคนล้วนตกตะลึง ก่อนหน้านี้เห็นเพียงแต่พวกเขาฉีกกัดปีศาจเหล่านั้น คิดว่าพวกมันไม่มีความสามารถอื่น ไม่คิดว่ายังสามารถบังคับลมได้! ทั้งสองคนจึงทำได้เพียงหลบหลีกอย่างระมัดระวัง แต่หมาป่ากะโหลกด้านล่างมีจำนวนมากเกิน มีดลมจำนวนมหาศาลทำให้พวกเขาไม่อาจหลบหลีกได้ทั้งหมด สิ่งที่แย่กว่านั้นคือมีหมาป่ากะโหลกบางตัวอาศัยพลังของมีดลมกระโดดขึ้นมา ใช้มีดลมที่แปลงออกมานั้นเหยียบขึ้นมากลางอากาศ พุ่งกระโจนมาทางพวกเขา
ชายแก่ตกใจกับหมาป่ากะโหลกที่กระโจนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาหยิบยันต์ออกมาใบหนึ่งตามความเคยชิน ก่อนจะตบเข้าไปยังอีกฝ่าย นาทีถัดมาได้ยินเพียงเสียงดังกึกก้อง แสงสีทองนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ก่อนจะจู่โจมเข้าที่ตัวของหมาป่ากะโหลกที่กระโจนขึ้นมาจนทะลุราวกับมีดคม
หมาป่ากะโหลกยังไม่ทันได้ร้องโหยหวนก็ร่วงหล่นลงไป ร่างใหญ่กลายเป็นควันสลายหายไปในทันที
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างกะทันหันนี้ ไม่เพียงแต่ฝูงหมาป่ากะโหลกด้านล่าง แม้แต่ชายแก่เองก็ตกใจ เขามองยันต์ที่อยู่บนมือของตนเอง ก่อนจะมองหมาป่ากะโหลกที่สลายไป ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้น “ใช้ได้! เจ้าหนู พลังลมปราณรับมือกับพวกมันได้!”
ดวงตาของอวิ๋นเจี่ยวลุกวาว พยักหน้าพร้อมพูดขึ้น “พวกเราลงไป”
“ได้!” ชายแก่หยิบยันต์ออกมาจำนวนหนึ่งก่อนจะลอยตัวลงไปด้านล่าง ความสามารถของหมาป่ากะโหลกไม่ได้แข็งแกร่งมาก เพียงแต่พลังปีศาจไม่ได้ผลกับพวกมัน ไม่ว่าวิชาเวทอันใดก็ทำร้ายพวกมันไม่ได้ ดังนั้นปีศาจก่อนหน้านี้จึงตาย ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่เกรงกลัวต่อวิชาเวทของพวกเขาไปโดยปริยาย
แต่ไม่คิดว่าพลังปีศาจทำอะไรมันไม่ได้ แต่พลังลมปราณทำได้ ไม่! หากพูดให้ถูกคือ วิชาเวทของพวกเขามีผลในการควบคุมพวกมันอย่างน่าเหลือเชื่อ ยันต์แสงสว่างของเขาเมื่อครู่ หากใช้บนตัวของคนในสามโลก อย่างมากก็แค่ทำให้อีกฝ่ายมองไม่เห็นไปชั่วขณะเท่านั้น ไม่คิดว่าจะสามารถกำจัดหมาป่ากะโหลกตัวนั้นได้ทันที
เช่นนั้นพวกเขาจะกลัวอะไร!
ชายแก่มั่นใจเต็มเปี่ยม ยันต์วิเศษภายในมือสาดไปทางหมาป่ากะโหลกราวกับโปรยกลีบดอกไม้ อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงผู้ฝึกฝนด้านยันต์วิเศษ อย่างอื่นเขาอาจไม่มี แต่ยันต์วิเศษเขามีมากโข ดูเขาระเบิดอีกฝ่ายให้แหลก
ทันใดนั้นสถานการณ์พลิกผันไป พื้นดินเต็มไปด้วยประกายแสงของวิชาเวทนานาชนิด หมาป่ากะโหลกจำนวนมากไม่ใช่ถูกวิชาเวทโจมตีเข้า ก็ถูกตีจนหนีกระเจิดกระเจิง ทันใดนั้นบริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเสียงโหยหวน
“อ๊าก! น่ากลัวเสียจริง ของกินพวกนี้แข็งแกร่งมาก!”
“หนีเร็ว หนีเร็ว! พวกเรากินน่องไม่ได้แล้ว!”
“จะตายแล้ว จะตายแล้ว สองตัวนี้แข็งแกร่งมาก พวกเราจะถูกพวกเขากินแล้ว!”
“โอย…เจ็บมาก เจ็บมาก เจ็บมาก…น่องของข้าจะถูกกินแล้ว!”
“น่ากลัว…ข้าอยากกลับบ้าน!”
อวิ๋นเจี่ยว “…” นี่มันฝูงสัตว์ประหลาดอะไรกัน ทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีพวกนางก่อน เหตุใดจึงทำให้พวกนางมีความรู้สึกเหมือนตนเองเป็นตัวร้ายขึ้นมา
การปะทะแบบบดขยี้นี้ไม่ได้ใช้เวลานานมากเท่าใด ผ่านไปเพียงชั่วครู่ฝูงหมาป่ากะโหลกบ้างตายบ้างหนี บริเวณแห่งนี้เหลือเพียงความสงบ มีเพียงหมาป่ากะโหลกที่ถูกระเบิดขาพยายามมุดหัวเข้ากองหิน พร้อมกับส่งเสียงร้องอู้อี้อย่างสั่นเครือออกมา
“ข้าไม่มีขาแล้ว อย่ากินข้า อย่ากินข้า อย่ากินข้า…”
“…” พวกเจ้าดึงดันกับขามากแค่ไหนกัน
อวิ๋นเจี่ยวระอา ส่วนชายแก่หยิบยันต์วิเศษออกมา ในขณะที่กำลังจะโยนใส่หมาป่ากะโหลกขาหักบนพื้น ทันใดนั้นบริเวณรอบด้านสั่นไหวขึ้น ราวกับเกิดแผ่นดินไหวระดับสิบ ทั้งสองคนประคองตัวยืนได้ยาก จึงต้องใช้ยันต์ตัวเบาลอยขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
ส่วนหมาป่ากะโหลกที่หลบอยู่ในกองหินตัวสั่นเทาหนักขึ้น เสียงร้องอู้อี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงแหลม อีกทั้งยังเจือปนไปด้วยความหวาดกลัว “ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว! อูชิวตื่นแล้ว! น่ากลัว น่ากลัว…ครานี้ต้องถูกกินแน่”
อวิ๋นเจี่ยวตกตะลึง อูชิว?