ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 350 สัตว์ยักษ์ชิวอู
ภายในหัวของทั้งสองต่างปรากฏภาพสัตว์ยักษ์ที่พบเจอก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี ในขณะที่กำลังจะจากไป เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้นจากบนท้องฟ้า เสียงนั้นสนั่นกึกก้อง มาพร้อมกับพลังที่เต็มไปด้วยพลานุภาพ ราวกับท้องฟ้าทั้งผืนกำลังจะหล่นทับลงมา
ไป๋อวี้ต้านไม่ไหว คุกเข่าลงไปกับพื้นด้วยขาที่อ่อนระทวย
“ชายแก่!” อวิ๋นเจี่ยวตกใจ รีบประคองเขาเอาไว้ พร้อมทั้งวางค่ายกลป้องกันขึ้น สีหน้าของอีกฝ่ายถึงดีขึ้นเล็กน้อย “ท่านเป็นอะไร”
“พลังน่ากลัวเหลือเกิน!” ชายแก่สีหน้าซีดเผือด ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก ก่อนจะหันมามองอวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู เจ้า…ไม่รู้สึกหรือ”
“พลัง?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย เธอไม่รับรู้ถึงพลังอันใดทั้งสิ้น เธอลองนึกย้อนไปถึงตอนที่เผชิญหน้ากับปีศาจเลือดครั้งก่อนก็เช่นเดียวกัน พลังที่ว่านั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อเธอแม้แต่น้อย ราวกับเป็นพลังที่อ่อนแอมาก?
ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ครุ่นคิดมากไปกว่านี้ ท่ามกลางเมฆหมอกนั้นมีบางอย่างล่วงหล่นลงมา ทันใดนั้นบริเวณรอบด้านมืดลง พายุโหมกระหน่ำขึ้น
“ไปเร็ว!” เธอตกตะลึง ก่อนจะลากชายแก่ออกจากหุบเขานั้นอย่างรวดเร็ว เวลานี้พวกเธอถึงได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าก้อนสีดำนั้นคืออะไร มันคืออุ้งเท้าที่มีขนาดใหญ่ราวภูเขากำลังเหยียบย่ำลงมา
เสียงดังสนั่นทันใดนั้นหุบเขาแห่งนั้นราบเรียบเป็นหน้ากลอง พื้นดินแยกออกจากกันปรากฏให้เห็นล่องลึกอย่างไร้จุดสิ้นสุด
อาจเป็นเพราะสัมผัสได้ว่าโจมตีไม่โดนพวกเธอ ด้านบนส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง อุ้งเท้าบนพื้นยกขึ้นสูง ก่อนที่เสียงละอ่อนที่สั่นกึกก้องจะดังขึ้นอีกครั้ง “ผู้บุกรุก กำจัด…”
ในขณะที่อุ้งเท้านั้นกำลังจะหล่นลงมาอีกครั้ง ชายแก่กลับถูกพลังภายในเสียงสะกดจนไม่อาจขยับได้ ครานี้เขาไม่มีทางหลบพ้น อวิ๋นเจี่ยวกระวนกระวายใจ สมองของเธอแล่นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปกำชับอีกฝ่าย “ชายแก่ ท่านเผยร่างเวทของตนเอง ใช้พลังหยินโจมตีมัน”
ชายแก่ผงะ “จะ…จะใช้หรือ” หากเผยร่างเวท เขาก็ไม่อาจใช้พลังลมปราณได้อีก
“ลองก็รู้”
ชายแก่กัดฟัน ไม่สนแล้ว! เขากระตุ้นป้ายยมราชในร่างกายขึ้น นาทีถัดมาร่างเวทขนาดใหญ่ลอยออกมาจากตัวของเขา ร่างเวทของยมราชมีขนาดใหญ่มาก แต่ก่อนตอนอยู่สำนักเทียนซือก็แทบจะสูงเท่าภูเขา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ยักษ์นี้ ร่างเวทของชายแก่เปรียบเสมือนของเล่น ขนาดนั้นเล็กเสียยิ่งกว่าอุ้งเท้าของอีกฝ่ายเสียอีก
เขาใช้พลังหยินรอบตัวก่อตัวขึ้นเป็นเกราะป้องกันอยู่ด้านบน อุ้งเท้ายักษ์นั้นถูกกีดขวางอยู่กลางอากาศหยุดชะงักลงในทันใด
ได้ผล!
ชายแก่ทั้งดีใจทั้งโล่งใจ เขาส่งพลังหยินจู่โจมเข้าไปที่อุ้งเท้าของอีกฝ่ายในทันที ได้ยินเพียงเสียงพลังหยินทะลุผ่านอุ้งเท้าของอีกฝ่ายไป
โฮ่ง…
สัตว์ประหลาดยักษ์ร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะชักเท้ากลับไปทันที
อวิ๋นเจี่ยวเก็บยันต์ในมือกลับไปด้วยความโล่งใจ ก่อนจะเงยหน้ากำชับอีกฝ่าย “ชายแก่ท่านรั้งมันไว้ ข้าจะวางค่ายกล!”
“ได้!” ไป๋อวี้พยักหน้า ก่อนจะลอยขึ้นไปเหนือฟ้า จนกระทั่งทะลุผ่านชั้นเมฆไป เขาถึงได้พบหัวของสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้ สัตว์ยักษ์ตรงหน้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายแมว ภายในปากของมันล้วนเป็นเขี้ยวคม ร่างของมันดำสนิท ดวงตาสีแดงเลือดคล้ายกับพระจันทร์สีเลือดสองดวงกลางท้องฟ้า ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองร่างเวทของชายแก่
ทันใดนั้นมันอ้าปากกว่างราวทะเลสาบของมัน พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงสีแดงออกมา ทันใดนั้นทั่วท้องฟ้าราวกับตกอยู่ในทะเลเพลิง
ชายแก่ตกใจ หลบเปลวเพลิงนั้นออกไปได้อย่างเฉียดฉิว สัตว์ประหลาดนี้ถึงจะมีขนาดใหญ่จนน่าตกตะลึง แต่การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้าอย่างมาก ส่วนตัวของตอนนี้เป็นร่างเวท สามารถหลบหลีกได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไม่เผชิญหน้ากับมันโดยตรง เพียงแต่กระโดดขึ้นกระโดดลงวิ่งอยู่รอบร่างขนาดใหญ่ของมัน อีกทั้งยังใช้พลังหยินโจมตีในบางครั้ง
อาจเป็นเพราะพลังหยินมีผลกระทบต่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ทำให้สัตว์ประหลาดที่มีผิวหนังหนาและหยาบกร้านี้ได้รับบาดแผลไปจำนวนไม่น้อย ทันใดนั้นเขารู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น พลังหยินจู่โจมออกไปอีกครั้ง เพิ่มพูนบาดแผลบนตัวของอีกฝ่าย
โฮ่ง…
สัตว์ประหลาดยักษ์นั้นราวกับถูกยั่วยุ ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นมันไม่ใช้เท้าในการโจมตีแล้ว หากแต่ขยับตัวเล็กน้อย เห็นเพียงแค่บนร่างสีดำสนิทขนาดใหญ่ของมันมีหนามแหลมขนาดเท่าต้นไม้ตั้งขึ้น ด้านแหลมจ่อตรงมาทางไป๋อวี้
“เฮ้ย!” ชายแก่ตกใจ เขาจะหลบไปทางใดได้
นาทีถัดมาได้ยินเพียงเสียงดังสั่น สัตว์ยักษ์นั้นสั่นร่างกายของตนเอง หนามแหลมบนตัวถูกสะบัดออกมาราวกับคันธนูพุ่งตรงมาทางชายแก่ เขาตกใจ ในขณะที่กำลังจะกัดฟันเรียกค่ายกลป้องกันออกมา ข้างหูกลับได้ยินเสียงเรียกของอวิ๋นเจี่ยว
“ชายแก่ กลับมา”
เขากระตุ้นพลังหยินเก็บร่างเวทกลับไป ร่างเวทกลางอากาศหายลับไปทันที จิตของเขากลับเข้าร่างกาย แต่หนามแหลมกลางอากาศกลับไม่ได้หยุดลง ในขณะที่กำลังจะล่วงหล่นลงมา หากไม่หลบคงถูกทิ่มตายหรือไม่ก็ถูกทับตาย
อวิ๋นเจี่ยวร่ายคาถาเรียกพลังลมปราณ ค่ายกลด้านล่างขยับขึ้น ทันใดนั้นเห็นเพียงค่ายกลสว่างขึ้น ลำแสงสีขาวพุ่งทะยานขึ้นฟ้าราวกับหนามแหลมเรียงรายเป็นแถว พุ่งตรงไปยังสัตว์ยักษ์กลางอากาศ หนามแหลมที่สะบัดออกมาจากตัวของสัตว์ประหลาดยักษ์สลายไปทันที
ในขณะที่ลำแสงนั้นพุ่งสูงขึ้นทะลุขึ้นชั้นเมฆ และกำลังจะพุ่งตรงไปยังหัวของสัตว์ประหลาดยักษ์ ทันใดนั้นบริเวณรอบข้างเงียบสงัด ค่ายกลที่กำลังจะทิ่มสัตว์ประหลาดยักษ์นั้นหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน แม้แต่หนามแหลมที่กำลังล่วงหล่นลงมาก็หยุดลง โลกทั้งใบราวกับถูกคนกดปุ่มหยุดเอาไว้ ไม่เพียงแต่สัตว์ประหลาดกลางอากาศแม้แต่ชายแก่ที่อยู่ด้านข้างก็ถูกสะกดเอาไว้
อวิ๋นเจี่ยวตกใจ เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นกะทันหัน
“ผู้ใดปลุกชิวอูให้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว แม้แต่ชั้นล่างยังได้ยิน”
เห็นเพียงแต่ร่างหนึ่งเลื้อยมาจากระยะที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่ม ดวงตาสีแดงผมสีดำขลับ ใบหน้าสวยงามอย่างมาก ครึ่งตัวบนเปลือยเปล่ ครึ่งตัวล่างกลับเป็นหางงูสีแดงกำลังเคลื่อนตัวซ้ายทีขวาทีเลื้อยมาทางนี้ ลักษณะคล้ายคลึงกับปีศาจงูที่ยังกลายร่างไม่สำเร็จ แต่บนตัวกลับแผ่พลังที่แข็งแกร่งชนิดที่ปีศาจงูไม่อาจเทียบเคียงได้
อีกทั้งตามการเคลื่อนไหวของเขา ฟ้าดินราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดง ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยหมอกแดงหนึ่งชั้น ทันใดนั้นโลกทั้งใบกลางเป็นสีแดง
อวิ๋นเจี่ยวกระจ่างในทันที คนตรงหน้าหยุดเวลาเอาไว้!
“เอ๊ะ นี่คืออะไร” ชายหนุ่มสังเกตเห็นคนด้านล่างทั้งสอง เขามองไปทางอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตกตะลึง
“เจ้าหลุดพ้นจากการควบคุมของข้าได้?”
ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลง ราวกับเกิดความสนใจในตัวเธอย่างยิ่ง ก่อนจะเลื้อยลงมาทางพวกเขา
อวิ๋นเจี่ยวใจเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากบนตัวของชายหนุ่มคือความอันตรายอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ”ชายแก่!” เธอผลักชายแก่ที่ถูกสะกดเอาไว้ แทบจะทันทีที่ถูกเธอสัมผัสเข้า บนตัวของชายแก่ราวกับมีบางอย่างหลุดออกไป ก่อนจะได้สติกลับมา