ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 353 ตื่นกะทันหัน
“ได้!” ชายแก่พยักหน้า ถึงแม้ภายในตำหนักใหญ่นี้ดูปลอดภัยอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม คนที่กำลังหลับใหลอยู่ด้านบนคือเทพปีศาจ ระวังไว้เสียบ้างก็ดี
อวิ๋นเจี่ยวแปะยันต์ตัวเบา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และลอยขึ้นไป พลังสีม่วงด้านบนยิ่งเข้มข้น อวิ๋นเจี่ยวระวังขึ้นอย่างมาก นางเอื้อมมือออกไปจับหยกชิ้นนั้นอย่างไม่ได้รีรอ แต่นาทีถัดมาพลังที่คุ้นเคยส่งมาจากด้านบน
ในขณะที่นางกำลังจะดึงลงมา ด้านข้างกลับมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจับนางเอาไว้ พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู “สิ่งนี้ให้เจ้าไม่ได้”
อวิ๋นเจี่ยวตกตะลึง ก่อนจะสะบัดคาถาหนึ่งออกไปตามสัญชาตญาณ แต่พลังลมปราณของนางสลายออกราวกับถูกบางอย่างเจือจางไปทันทีที่สะบัดมือ พลังสีม่วงรอบด้านกระจายตัวออกไป เผยให้เห็นใบหน้างดงามตรงกลาง
“อาจารย์ปู่!” นางโพล่งออกมา ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยจ้องมองไปยังคนตรงหน้า เหตุใดอาจารย์ปู่จึงอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้หลับอยู่ที่ชิงหยางหรือ ตื่นตั้งแต่เมื่อใด
“อาจารย์ปู่?” ชายหนุ่มผงะ ภายในดวงตาฉายแววสนใจ “คำเรียกนี้ข้าเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก”
ไม่ใช่ เขาไม่ใช่อาจารย์ปู่! ไม่เพียงแต่น้ำเสียงของเขาที่ไร้ความห่างเหินเหมือนอาจารย์ปู่ สายตาที่มองนางยิ่งไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยแม้แต่น้อย
“ท่านคือเทพปีศาจ?!” คนตรงหน้าคือคนที่นอนอยู่บนพลังสีม่วงเมื่อครู่
“เทพปีศาจ…” เขาพูดทวนคำพูดของนางอีกครั้ง สักพักดวงตาที่กระจ่างชัดเหมือนมีบางอย่างแวบผ่านไป ก่อนจะยกยิ้มได้ใจขึ้นมา “ใช่ เทพปีศาจ ข้าคือเทพปีศาจ!”
อวิ๋นเจี่ยวใจหล่นลงไปอยู่ก้นเหว เฮ้ย เหตุใดเทพปีศาจจึงตื่นขึ้นในเวลานี้ นางมองหยกในมือ อีกฝ่ายเหมือนจะจับข้อมือของนางเอาไว้อย่างไม่ใส่ใจ แต่นางกลับไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะเอาหยกจากไป
ไม่รอนางครุ่นคิดหาวิธีการหนี อีกฝ่ายกวาดตาขึ้นลงมองนาง คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความฉงน “เจ้า…คือตัวอะไร” พูดจบก็ยกมืออีกข้างยื่นมาหานาง
อวิ๋นเจี่ยวตกใจ ในขณะที่กำลังจะถูกจับ นางกัดฟันก่อนจะตะโกนบอกคนตรงหน้า “กางเกงท่านหล่นลงไปแล้ว!”
ไม่น่าจะมีผล คนโง่เท่านั้นถึงจะหลงเชื่อ
“เอ๊ะ? เป็นไปได้อย่างไร!” ชายหนุ่มปล่อยมือ ก่อนจะรีบก้มหน้าสะบัดพลังสีม่วงออกเพื่อตรวจดู
“…” มีคนโง่ประเภทนี้จริงด้วย
“ชายแก่ ไป!” อาศัยจังหวะนี้ นางจับอาวุธคำสาปในมือแน่น ก่อนจะรีบกระตุ้นยันต์ขนส่งในมือขึ้นมา
นาทีถัดมาแสงสีขาวสว่างขึ้น ร่างของคนทั้งสองหายลับไปทันที
ชายหนุ่มท่ามกลางพลังสีม่วงหน้าดำทะมึนลงทันที เขาลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น “หนีพ้นหรือ” พูดจบเขาดึงสายรัดเอวของตนเองให้แน่น ก่อนจะหายตัวไปเช่นเดียวกัน
ค่ายกลขนส่งข้ามดินแดนที่อวิ๋นเจี่ยวเตรียมการไว้ตอนแรกเกิดประโยชน์แล้ว แทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับยันต์ถูกกระตุ้น พวกเขาก็ถูกส่งกลับไปยังทางเข้าดินแดนปีศาจในทันที
ชายแก่สีหน้าหวาดเกรง มองไปยังอวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู เมื่อกี้…เป็นเทพปีศาจจริงหรือ” พวกเขาคงไม่ได้เป็นคนปลุกเทพปีศาจให้ตื่นขึ้นมาใช่หรือไม่ “เขาจะนำเผ่าปีศาจรุกรานเข้ามาหรือไม่”
“ข้าไม่รู้ แต่คงจะไม่!” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าดำทะมึน อิ้งหลุนเคยบอกว่าเทพปีศาจไม่มีทางทำเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงมั่นใจเพียงนี้ แต่ก็ย่อมมีเหตุผลของเขา อีกทั้ง…
“ดินแดนปีศาจตอนนี้ไม่อาจรวมตัวอย่างสามัคคีได้” พวกเขายังวุ่นวายกับการผจญภัยในเซินยวน!
ชายแก่ได้ยินดังนี้จึงโล่งใจ อวิ๋นเจี่ยวส่งหยกในมือให้ชายแก่ “ท่านถืออาวุธคำสาปเอาไว้ พวกเราต้องรีบข้ามผ่านผนึกกลับไปยังชิงหยาง” พูดจบนางก็เดินตรงไปยังค่ายกลผนึก ก่อนจะเริ่มเปิดทางออกอย่างรวดเร็ว
ค่ายกลผนึกชั่วคราวนี้มีเพื่อขัดขวางการรุกรานของเผ่าปีศาจ การออกไปจึงยากกว่าการเข้ามาอย่างมาก แม้แต่อวิ๋นเจี่ยวก็ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยถึงจะเปิดออกได้ส่วนหนึ่ง
ชายแก่เก็บอาวุธคำสาปไว้อย่างดี มองดูอวิ๋นเจี่ยวด้วยสีหน้าตื่นเต้น อีกทั้งยังไม่วายปลอบใจอีกฝ่าย “เจ้าหนูอย่าเป็นกังวลมาก ยังทันเวลา เทพปีศาจยังห่างจากพวกเราอีกมาก ไม่มีทางตามมาเร็ว…”
“ไม่แน่หรอก!” เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง ร่างที่คุ้นเคยปรากฏด้านหลังของคนทั้งสอง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มร้ายราวกับแมวที่จับหนูได้ “หาเจอแล้ว!”
ชายแก่ตัวสั่นเทา เขาสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ “เทพ…เทพปีศาจ!” เหตุใดจึงมาเร็วเพียงนี้
“ไป!” อวิ๋นเจี่ยวผลักชายแก่เข้าไปในทางออกที่เปิดอย่างแรง
“เจ้าหนู!” ชายแก่รู้สึกเพียงด้านหลังมีเพียงความว่างเปล่า เขาคิดจะเอื้อมมือออกไปดึงอวิ๋นเจี่ยว แต่ตัวของเขากลับทะลุค่ายกลออกไปแล้ว
เทพปีศาจไม่สนใจการกระทำของอวิ๋นเจี่ยว เขาเพียงแค่หัวเราะเสียงเบา “ไร้เดียงสา” พูดจบก็ยกมือขึ้น พลังสีม่วงพึ่งเข้าไปพัวพันเข้าที่ตัวของชายแก่ ก่อนจะกระทบเข้ากับผนึกบริเวณชายแดน แต่มันก็ยังคงไม่หยุดลง หากแต่กระทบเข้ากับบางอย่างเสียงดัง ค่ายกลผนึกขนาดใหญ่แตกละเอียดราวกับกระจกในทันที
พลังสีม่วงพุ่งตรงไปทางชายแก่ ในขณะที่กำลังจะโดนตัวของอีกฝ่าย ทันใดนั้นพลังหยินรอบด้านหลั่งไหลออกมาอย่างมาก ด้านหลังของชายแก่มีหลุมสีดำปรากฏขึ้น มันห่อหุ้มตัวของเขาเข้าไปก่อนที่พลังสีม่วงจะมาถึง ทันใดนั้นร่างของเขาหายลับไป
ชายหนุ่มชะงักมือ “คนของอิ้งหลุน?” คิ้วของเขาขมวดมุ่น บนใบหน้าเผยให้เห็นความโกรธ แต่ก็ยังคงวางมือลง “ช่างเถิด อย่างไรก็จับได้อยู่ดี”
พูดจบเขาหันมามองอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าของเขาเย็นชาลง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก “ข้าว่าเหตุใดเจ้าถึงประหลาดเพียงนี้ ที่แท้ก็เป็นคนของดินแดนอื่น”
อวิ๋นเจี่ยวตกใจ นาทีถัดมาพลังแข็งแกร่งหลั่งไหลออกมาอย่างถล่มทลาย พลังนั้นมีความแปลกประหลาดอย่างมาก ไม่ใช่พลังธรรมดา แต่เป็นพลังที่ทำให้คนไม่อาจขัดขืนได้ ราวกับ…กฎเกณฑ์ของดินแดนแห่งนี้
ทันใดนั้นนางรู้สึกขยับตัวไม่ได้ แม้แต่รักษาท่ายืนเอาไว้ยังยากลำบาก อีกฝ่ายยื่นมือออกมาบีบเข้าที่ลำคอของนางอย่างกะทันหัน ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต “คนต่างดินแดนที่ทำลายกฎเกณฑ์ไม่อาจทิ้งไว้ได้!”
คอของนางเจ็บปวดอย่างมาก อากาศถูกกีดกัน ทันใดนั้นรู้สึกหายใจยากลำบาก สิ่งที่น่าแปลกคือคุณงามความดีบนตัวนางไม่มีปฏิกิริยาอันใดในเวลานี้ นางรับรู้ได้ถึงความตายอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก แม้แต่ภาพตรงหน้าก็เริ่มเลือนราง
จนกระทั้ง แสงสีทองส่องสว่างขึ้นตรงหน้านาง มันทิ่มแทงไปยังเทพปีศาจราวกับคมมีด อีกฝ่ายเบิกตาโพลง ก่อนจะปล่อยมือออกทันที เผยสีหน้าเหลือเชื่ออย่างมาก “คำสาปใจเดียว!”
วิชาเวทที่อาจารย์ปู่ลงไว้บนตัวนางทำงานแล้ว แสงสีทองนั้นสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ห่อหุ้มตัวของอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ ในขณะที่กำลังจะดึงนางกลับชิงหยางนั้น
เทพปีศาจเหมือนตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าดูถูกสลายหายไปแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างมาก “คิดจะหนี ไม่ง่ายเช่นนั้น!” พูดจบเขาผนึกด้วยมือข้างเดียว แสงสีม่วงพุ่งตรงมาทางอวิ๋นเจี่ยวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพัวพันเข้ากับแสงสีทองที่กำลังจะห่อหุ้มอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ทั้งตัว