ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 368 พลิกความอันตรายเป็นความปลอดภัย
“เอ่อ…ถือว่าใช่?” อวิ๋นเจี่ยวตอบอย่างเก้อเขินเล็กน้อย ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ความคิดส่วนลึกคิดว่าสิ่งที่เธอใช้เมื่อสักครู่ไม่ใช่แค่วิชาแพทย์แผนจีนเท่านั้น ก่อนหน้าเธอไม่เคยเรียนมาก่อน เพียงแต่หยิบเข็มทองขึ้นมา ภายในสมองก็ปรากฏวิธีการรักษาขึ้นมาอัตโนมัติ สิ่งสำคัญคือเธอเป็นหมอผ่าตัด!
พยาบาลทั้งสองคนล้วนดีใจอย่างมาก เพราะไม่มีสิ่งใดน่ายินดีกว่าการทำให้คนที่พยายามช่วยชีวิตมีชีวิตกลับคืนมาอีกแล้ว แม้แต่สายตาของหญิงชราที่มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวก็เปลี่ยนไป
อวิ๋นเจี่ยวฝังเข็มลงไปจนจบสิ้น ตามการฝังของเข็มสุดท้าย เธอเห็นบางอย่างปรากฏขึ้นบริเวณหน้าอกของอีกฝ่าย จากนั้นแสงสีขาวสว่างขึ้นมุ่งตรงไปยังตำแหน่งของประตูลิฟต์ บริเวณรอบด้านส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมา
เสียงร้องนั้นแหลมแสบหู ฟังดูเหมือนเสียงของผู้หญิง อวิ๋นเจี่ยวตกใจจนมือสั่นไปทีหนึ่ง
“ลิฟต์ขยับแล้ว!” พยาบาลอายุน้อยพูดขึ้น ราวกับไม่ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่แม้แต่น้อย
ลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นด้านบนอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเตือนลิฟต์จะดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออก พวกเธอมาถึงชั้นห้าในที่สุด พยาบาลทั้งสองคนรีบเข็นคนออกไป
อวิ๋นเจี่ยวยิ่งเกิดความสงสัยภายในใจ พวกเธอไม่ได้ยินเสียงร้องเมื่อครู่เหรอ
เธอเดินออกจากลิฟต์พร้อมหันกลับไปมองประตูลิฟต์บานนั้น พลังมืดที่อยู่ด้านบนก่อนหน้านี้สลายหายไปแล้ว
ในขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าตนเองหูฝาดหรือไม่ หญิงชราที่มาด้วยกันนั้นเดินเข้าใกล้ สะกิดเธอด้วยสีหน้าซีดเผือด “นี่ เจ้าหนู เธอได้ยินเสียง…อะไรหรือไม่”
“คุณก็ได้ยิน?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ
“เธอก็ได้ยิน!” หญิงชรายิ่งตกตะลึง เดิมทีคิดว่ายายแก่อย่างเธอจะหูฝาดเสียอีก แต่เสียงนั้นน่ากลัวเกินไป ทำให้เธอตกใจ ก่อเกิดความคิดไม่ดีบางอย่าง
ในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง พยาบาลอายุน้อยด้านหน้าหันกลับมาตะโกนเรียกอวิ๋นเจี่ยว “คุณหมอคะ รบกวนมาทางนี้ทีค่ะ”
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะรีบเดินตามขึ้นไป เมื่อกี้เธอช่วยคนเอาไว้ ต้องส่งมอบต่อ
เมื่อรออวิ๋นเจี่ยวกำชับเสร็จสิ้น เธอเก็บเข็มทองออกมา ฟ้ามืดลงแล้ว เธอนึกถึงรถยนต์ที่ยังจอดอยู่ด้านล่าง มุ่งตรงไปยังบันไดไม่ได้รีรอ หญิงชราตกทรัพย์ก็เดินตามอยู่ด้านข้าง ไม่รู้เป็นเพราะกำลังมากเกิน หรือว่าลืมที่จะจากไป เธอรอจนกระทั่งอวิ๋นเจี่ยวออกมาถึงได้เดินออกไปด้วยกัน
“เฮ้อ ชีวิตช่างไม่แน่นอน!” อาจเป็นเพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้ ท่าทางของหญิงชราดีขึ้นมาก ไม่ได้รั้งเธอเอาไว้เหมือนเคย เพียงแต่พูดขึ้น “ดังนั้นถึงได้บอกว่าคนเราต้องทำความดีให้มาก ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องเมื่อไรขึ้นก็ไม่รู้ ใช่หรือไม่ เจ้าหนู”
“…” อวิ๋นเจี่ยวไม่ตอบ สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเคย
หญิงชราผงะ ก่อนจะตระหนักได้ว่าคำพูดของตนเองราวกับเป็นการต่อว่าอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจลดหน้าอธิบาย ทำได้เพียงกระแอมไอทำเป็นเหมือนตนเองไม่ได้พูด
พลางเดินตามอีกฝ่ายลงบันได พลางสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเกิดความสงสัยในตนเอง เจ้าหนูนี้ดูไม่เหมือนคนไม่ดี อีกทั้งยังเพิ่งช่วยคน เธอเป็นคนชนตัวเองจริงเหรอ
เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องในวันนั้นอย่างละเอียด ภายในหัวยังคงเต็มไปด้วยร่างสีขาว แต่เธอก็รีบปฏิเสธความคิดของตนเอง เธอไม่มีทางจำผิด นอกจากชุดสีขาวแล้ว ตอนนั้นแวบแรกที่เห็นเจ้าหนูคนนี้ เธอก็รู้สึกว่าไม่อาจให้เธอหนีไปได้! ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร
เธอสะบัดไล่ความคิดสับสนภายในหัว ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในลิฟต์เมื่อครู่ด้วยใจที่สั่นเทา ถามขึ้น “เจ้าหนู เธอคิดว่าเสียงประหลาดที่เราได้ยินเมื่อกี้คืออะไร” เธอนึกถึงเสียงร้องโหยหวนเมื่อครู่ขึ้นมา
“ไม่รู้!” อวิ๋นเจี่ยวพูดตามความจริง เมื่อครู่เธอเองก็ถามพยาบาลทั้งสองคน แต่ราวกับนอกจากเธอและหญิงชรา ไม่มีใครได้ยินเสียงนั้นแม้แต่คนเดียว
“โอย แค่คิดก็รู้สึกว่าเสียงนั้นน่าขนลุก” หญิงชราส่ายหัว อาจเป็นเพราะคนรุ่นก่อนล้วนงมงาย หญิงชราพูดไปพูดมาก็วกเข้าเรื่องงมงาย “ฉันได้ยินมาว่าสถานที่อย่างโรงพยาบาลน่ากลัวที่สุด สิ่งสกปรกอะไรก็มีทั้งนั้น”
“โรงพยาบาลเป็นสถานที่ช่วยเหลือคน! จะสกปรกได้ยังไง” อวิ๋นเจี่ยวไม่พอใจกับคำพูดของอีกฝ่าย อย่างไรเธอก็เป็นแพทย์ ย่อมไม่ชอบให้คนอื่นมาดูถูกสถานที่ที่เธอทำงาน
“เฮ้ย เธออย่าไม่เชื่อ!” หญิงชราไม่เข้าใจความหมายของเธอ ยังคงพูดต่อ “ไม่เชื่อคำพูดคนแก่จะลำบากในภายหลัง! โรงพยาบาลนี้มีคนเข้าออกมากขนาดนี้ มีสิ่งสกปรกก็เป็นเรื่องปกติ ฉันได้ยินยายเสิ่นข้างบ้านบอกว่า ตอนที่แกยังเด็กมีลูกชายของลุงของป้าเจ็ด…”
“…” ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงอะไรกัน
หญิงชราพลางเดินลงบันไดพลางพูดถึงเรื่องเล่าโรงพยาบาลต่างต่างนานา ก่อนจะพูดสรุป
“ดังนั้นเรื่องแบบนี้ เชื่อว่ามันมี ดีกว่าเชื่อว่ามันไม่มี!”
“…” เชื่อบ้าอะไรกัน! ถูกตกทรัพย์จนล้มละลายแล้ว
“เจ้าหนู เธออย่าไม่เชื่อ! เรื่องลิฟต์วันนี้ไม่ปกติแน่ ฉันว่า…เอ๊ะ?” เธอพูดไปเพียงครึ่งเดียวก็หยุดชะงักลง ก่อนจะลูบไล้แขนของตนเองราวกับรู้สึกหนาว “เธอรู้สึกหรือไม่ ว่าหนาวขึ้นอย่างกะทันหัน!”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ อวิ๋นเจี่ยวก็ผงะไป บริเวณรอบด้านเหมือนจะมีอุณหภูมิลดลงจริง เย็นยะเยือกอย่างประหลาด เธอเงยหน้ามองกำแพงระหว่างชั้น แต่กลับไม่เห็นสัญลักษณ์ระบุชั้นที่คุ้นเคย เธอถามขึ้น
“ถึงชั้นไหนแล้ว”
“ไม่รู้สิ!” หญิงชราส่ายหัว
“เมื่อกี้ชั้นก็ไม่ทันสังเกต แต่พวกเราเดินลงมาครึ่งค่อนวันแล้ว ทำไมยังไม่ถึงชั้นหนึ่ง”
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกหนักใจ ทันใดนั้นมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง เธอหันไปมองราวบันไดด้านขวามือ ก่อนจะพบสิ่งที่มีลักษณะคล้ายหมอกควันสีเทาพัวพันอยู่ด้านบน ทันใดนั้นภายในใจปรากฏคำหนึ่งขึ้น…กำแพงหยิน!
เธอเดินเข้าใกล้ยกมือขึ้นตบเข้าไป ในเวลาเดียวกันมีบางอย่างหลั่งไหลออกมาจากร่างกายมารวมอยู่บนมือ ทันใดนั้นพลังหยินสีเทาบนราวบันไดสลายไปจนไร้ร่องรอย
ภาพด้านหน้าเปลี่ยนไป ราวกับมีบางอย่างถูกเปิดออก
“นี่เขียนอยู่ว่าชั้นสาม!” หญิงชราชี้ไปยังสัญลักษณ์ชั้นบนกำแพง ไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยว่ามันปรากฏขึ้นในภายหลัง เธอพูดอย่างสงสัย “ทำไมเราเดินมานานขนาดนี้ถึงลงมาแค่สองชั้น”
หญิงชราไม่ได้คิดอะไรมาก เธอรีบเดินลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้พูดอะไรมาก เธอเดินลงไปด้านล่างต่อ ในขณะที่กำลังจะเดินลงไปถึงชั้นสอง ไฟในชั้นดับลงทันที
“เอ๊ะ?” หญิงชราทำได้เพียงหยุดลงอีกครั้ง เธอบ่นขึ้น “โรงพยาบาลอะไรกัน แม้แต่ไฟยังเสีย! กลับไปต้องบอกกับลูกชายให้มาร้องเรียน!”