ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 369 เรื่องประหลาดทางบันได
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกได้ถึงพลังเย็นที่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาหาคนทั้งสอง ก่อนจะปกคลุมคนทั้งสองเอาไว้ด้านใน
“เจ้าหนู หรือไม่เธอลองใช้มือถือส่องหน่อย ยายแก่อย่างฉันใช้มือถือไม่ค่อยเป็น!” หญิงชราพูดเตือน
“ได้!” อวิ๋นเจี่ยวตอบรับ ในขณะที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ไฟที่อยู่เหนือศีรษะสว่างขึ้นอีกครั้ง! แต่ไม่ใช่แสงไฟสีเหลืองอ่อนภายในทางบันไดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เป็นแสงสีแดง สิ่งที่แปลกประหลาดกว่านั้นคือ บริเวณรอบด้านแคบลงอย่างกะทันหัน ด้านหน้าของทั้งสองคนปรากฏร่างของคนคุ้นเคยทั้งสาม สองคนยืนอยู่ หนึ่งคนนอนอยู่
“พยาบาล?” หญิงชรากล่าว คนทั้งสองที่สวมชุดสีชมพูตรงหน้าคือพยาบาลที่ช่วยคนเมื่อครู่นี้ ทำไมถึงอยู่ตรงนี้
ไม่รอเธอคิดอย่างละเอียด ร่างที่ยืนอยู่ทั้งสองหันหน้ากลับมา เผยให้เห็นใบหน้าที่น่ากลัวอย่างมาก ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยเลือด เนื้อหนังพลิกออกมา น้ำตาเลือดกำลังหลั่งไหลออกมาจากดวงตาโบ๋สีดำ
“อ๊าก!!” หญิงชราตกใจจนถอยหลังพรวด แต่กลับชนเข้ากับกำแพงโลหะเย็นเฉียบ ทั้งพื้นที่เล็กลงทันที เหลือเพียงพื้นที่ราวสี่ห้าตารางเมตร เธอหันหลังไปมองถึงได้พบว่าตนเองไม่ได้อยู่บริเวณทางบันไดแล้ว แต่กลับเข้าสู่ภายในลิฟต์คับแคบเมื่อสักครู่ ส่วนด้านข้างมีเตียงฉุกเฉินตั้งอยู่ ด้านบนคือผู้ป่วยจากอุบัติเหตุรถยนต์คนนั้น
หญิงชราตกใจจนตัวสั่น ความหวาดกลัวอย่างมากปรากฏขึ้น เธอตะโกนออกมา “ผะ…ผี!” เธอกรีดร้องหนึ่งที ก่อนจะหันหลังเตรียมวิ่งไปด้านหน้า แต่ทันใดนั้นด้านล่างว่างเปล่า ในขณะที่จะล้มลงไป มือของเธอถูกคนออกแรงกระชากกลับมา
“อย่าขยับ!” เสียงของอวิ๋นเจี่ยวดังขึ้น เสียงนั้นยังคงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและสงบ “เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น” เธอยังคงอยู่ในทางบันได
หญิงชราราวกับเพิ่งนึกได้ว่าด้านข้างยังมีคน สติของเธอกลับคืนมาเล็กน้อย จับอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ราวกับจับหญ้าช่วยชีวิต ตัวของเธอสั่นเทาไม่หยุด “ผี…ผี…เจ้าหนู นั่นคือผี”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ พยาบาลทั้งสองคนที่หน้าตาน่ากลัวฉีกยิ้มส่งเสียงหัวเราะเยือกเย็นอย่างแปลกประหลาด พวกเธอเดินเข้าใกล้คนทั้งสอง แม้แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน ก่อนจะปีนลงมาจากเตียงด้วยแขนขาอาบเลือดที่บิดเบี้ยวผิดรูป
“เหอะๆๆ …พวกแกลงมาอยู่กับฉันเถิด!”
“อ๊าก!!!” ในขณะที่คนทั้งสามกำลังจะพุ่งตัวเข้ามา หญิงชราส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือดขึ้นมาอีกครั้ง
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ตกใจกับอีกฝ่าย แต่ถูกเสียงร้องของหญิงชราทำให้ตกใจ ภายในใจตื่นตระหนกอย่างมาก นี่มันอะไรกัน ไม่ใช่วิทยาศาสตร์แม้แต่น้อย แต่เธอสามารถมองเห็นพลังสีเทาของทั้งสามอย่างชัดเจน อีกทั้งพลังนั้นเข้มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีพื้นที่ภายในลิฟต์ไม่กว้างมากอยู่แล้ว ทั้งสามห่างจากพวกเธอแค่สองสามก้าวเท่านั้น พวกเขายื่นมือซีดเผือดที่อาบเลือดออกมาหาคนทั้งสอง
ในช่วงเวลาคับขันนั้น อวิ๋นเจี่ยวยกมือขึ้นวาดลงกลางอากาศ ยันต์หนึ่งปรากฏขึ้นทันที นาทีถัดมาแสงสีทองประกายขึ้น พร้อมจู่โจมไปยังร่างทั้งสาม
“อ๊าก!!!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เห็นเพียงร่างที่น่ากลัวทั้งสามหายไปราวกับหมอกควันที่ถูกสลาย เผยให้เห็นร่างกึ่งโปร่งใสชุดแดงที่อยู่ด้านหลัง เธอราวกับถูกบางอย่างทรมาน กำลังกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น
พื้นที่คับแคบของลิฟต์ก็สลายไป พวกเธอกลับมายืนอยู่ในทางบันไดชั้นสองอีกครั้ง แต่ร่างสีแดงนั้นเลือนรางลงเรื่อยๆ ไม่ถึงสิบวินาที เธอก็กลายเป็นเงาสีเจือจาง อีกทั้งยังส่งเสียงร้องขอชีวิต
“ฉันผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้ว! อาจารย์ไว้ชีวิตด้วย! ไว้ชีวิตด้วย!”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย กำฝ่ามือทีหนึ่ง ยันต์สีทองกลางอากาศจึงสลายไป บริเวณรอบด้านมืดลง แสงไฟสีเหลืองบนทางบันไดสว่างขึ้นอีกครั้ง
อวิ๋นเจี่ยวมองดูเงาที่เลือนรางราวกับจะสลายไปทันทีเมื่อถูกลมพัด ก่อนจะพบว่าหญิงชุดแดงคนนี้มีบาดแผลเต็มตัว อีกทั้งยังคุ้นตาอย่างมาก...เธอคือหญิงชุดแดงที่อวิ๋นเจี่ยวเกือบจะชนบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลเมื่อตอนเช้า
“เธอคืออะไรกันแน่ ทำไมต้องทำร้ายพวกเรา” ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เป็นฝีมือของหญิงชุดแดงเป้าหมายก็เพื่อเอาชีวิตของพวกเธอ
หญิงสาวหดตัวอยู่บนพื้นลุกขึ้นไม่ได้ เธอเงยหน้ามองคนทั้งสองอย่างหวาดกลัว ภายในดวงตาฉายแววเคียดแค้นและเจ็บใจ แต่เธอไม่ได้พูดออกมา
“ไม่พูดใช่ไหม” อวิ๋นเจี่ยวทำท่าจะวาดยันต์
“ฉันพูด ฉันพูด…” หญิงสาวรีบเปิดปากพูดทันที ราวกับเกรงกลัวแสงเมื่อสักครู่อย่างมาก สักพักเธอพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ก้มต่ำ “คะ…คนที่พวกคุณช่วยเหลือเมื่อกี้ทำร้ายฉัน! ฉันอยากแก้แค้น เดิมที…เดิมทีจะสำเร็จแล้ว แต่พวกคุณกลับช่วยเหลือเขา! ฉันเจ็บใจ! ฉันเจ็บใจ!”
เธอราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สายตาของเธอฉายแววบ้าคลั่ง “เขาควรจะลงมาเป็นเพื่อนฉัน! เขาเคยพูดว่าเขาจะรักฉันเพียงคนเดียว พวกเราจะไม่แยกออกจากกันตลอดไป เขากับเมียของเขาไม่มีความรักต่อกัน! แต่ว่า…เขากลับจะเลิกกับฉัน! ฉันไม่ยอม เขาก็เลยหาคนมาชนฉัน! ฉันตายไปแบบนี้ เขาควรจะมาเป็นเพื่อนฉัน! เขาบอกว่าไม่มีวันแยกจากกัน!”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
หญิงชรา “…”
บทละครน้ำเน่าหญิงร้ายชายเลวอะไรกัน
ผีสาวยิ่งพูดยิ่งบ้าคลั่ง พลังหยินบนตัวก่อตัวขึ้นอีกครั้ง รอบตัวของเธอประกายแสงสีแดงอีกรอบ “ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ฉันแก้แค้นเขา ฉันผิดอะไร พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน ทำไมต้องช่วยเขา! เขาสมควรตาย! เขาสมควรตาย!”
อวิ๋นเจี่ยวเสียงทุ้มต่ำ “เธอไม่ได้ฆ่าเขาเพียงคนเดียวใช่ไหม” อวิ๋นเจี่ยวไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เธอรู้ว่าแสงสีแดงบนตัวของอีกฝ่ายคือพลังอาฆาต ซึ่งหมายความว่าวิญญาณตรงหน้าคร่าชีวิตของคนอื่น ชายเลวคนนั้นฟื้นกลับมาแล้ว ดังนั้นคนที่เธอฆ่าคือคนอื่น
ผีสาวผงะไป ภายในดวงตาขุ่นเคืองนั้นฉายแววเคียดแค้นยิ่งกว่าเดิม “มัน! เป็นความผิดของมัน ถ้าไม่ใช่มันยั่วยวนเขา หมินเจ๋อจะเลิกกับฉันได้อย่างไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาจะหย่ากับมันอยู่แล้ว! ใครใช้ให้มันโชคไม่ดี เดิมทีฉันแค่อยากให้หมินเจ๋อรถชน ลงมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ใครจะไปรู้ว่าคนที่ตายคือมัน มันสมควรที่จะได้รับสิ่งนี้!”
“เฮ้ย!” ทันทีที่สิ้นเสียง แม้แต่หญิงชราก็ห้ามไว้ไม่อยู่ “ไม่เคยเห็นเมียน้อยที่หน้าด้านเหมือนเธอขนาดนี้มาก่อน!” ทั้งที่เธอเป็นมือที่สาม ทำให้ภรรยาคนอื่นตายไม่พอ ยังสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้อีก อีกทั้งยังมีผู้ชายเลวคนนั้นที่ควบคุมขาที่สามของตนเองไม่อยู่ นอกจากส่งผลร้ายต่อตัวเองแล้วยังส่งผลร้ายต่อผู้อื่นอีก รู้อย่างนี้ไม่ช่วยตั้งแต่แรกแล้ว!