ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 376 รอยสักพิเศษ
ขาของหลานชายยายอวี้หายดีแล้ว อันที่จริงไม่เกี่ยวกับอวิ๋นเจี่ยวแต่อย่างใด อีกฝ่ายใส่เฝือกมาเป็นเวลานาน กระดูกก็สมควรที่จะต่อติดกันแล้ว แต่ยายอวี้กลับยืนกรานว่าเธอเป็นคนรักษา อีกทั้งยังใช้ข้ออ้างนี้มาก่อกวนเธอทุกวัน บางวันชวนเล่นไพ่นกกระจอก บางวันชวนตกปลา บางวันชวนเดินเล่น หากไม่ใช่อายุของทั้งสองคนที่ห่างกันมาก อวิ๋นเจี่ยวคงต้องสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับตนเอง
ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะหลบเธอออกไปเมืองอื่นเสียสองสามวัน พร้อมทั้งไปตรวจตาที่โรงพยาบาลอื่นๆ ด้วย เพราะโรงพยาบาลในเมืองนี้เธอหามาจนทั่วแล้วนั้น ยายอวี้ก็ดึงเธอกลับไปอีกครั้ง เพราะ…หลานชายเธอขาหักอีกแล้ว!
ยังคงเป็นสูตรเดิม เรื่องเดิม เขาตกลงมาจากบันไดที่มีเพียงสามขั้นหน้าประตูจนขาหัก แม้แต่ประตูใหญ่คฤหาสน์ยังไม่ได้ออกไปแม้แต่ก้าวเดียว! ขาข้างที่หักก็ยังคงเป็นข้างเดิม
ขาหักต่อเนื่องสี่ครั้ง ถือว่าเป็นมหัศจรรย์ของแผนกศัลยกรรมกระดูกแล้ว!
โดยเฉพาะตอนที่เธอเห็นพลังแห่งความโชคร้ายสีดำที่ลอยอยู่รอบขาข้างนั้นของเขาอีกครั้ง ครานี้เข้มข้นยิ่งกว่าครั้งก่อน อีกทั้งแทบจะลามขึ้นมาถึงหน้าอกแล้ว
“หมออวิ๋น รบกวนด้วย!” ครั้งนี้เหลยไห่เฉาก็อยู่ เขามองเธอด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เดิมทีลูกชายเขากระดูกหักล้วนหาหมอด้านกระดูกที่รู้จักกัน ครานี้แม่ของเขาดื้อรั้นจะเปลี่ยนคนให้ได้ อีกทั้งยังบอกว่าขาของเสี่ยวอวี่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากกระดูกหักเท่านั้น
เขาหมดวิธีการ จึงทำได้เพียงเชิญอวิ๋นเจี่ยวมา อีกทั้งกระดูกหักหลายครั้งเช่นนี้ทำให้เขาเกิดความสงสัยเช่นเดียวกันว่าเป็นอุบัติเหตุจริงหรือไม่ อีกทั้งเรื่องของแม่ของเขาครั้งก่อน เขาเคยสืบประวัติของอวิ๋นเจี่ยว รู้ว่าเธอเป็นหมอที่มีฝีมือมาก ดังนั้นจึงเชิญเธอมาโดยไม่ได้คัดค้าน
“เอกซเรย์หรือยัง” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้รีบขจัดพลังแห่งความโชคร้ายเหล่านั้น เพียงแต่เริ่มทำการตรวจตามขั้นตอนปกติของการกระดูกหัก
“มีครับๆ!” เหลยไห่เฉารีบยื่นเอกสารและประวัติการรักษาไปให้อีกฝ่าย
อวิ๋นเจี่ยวรับเอกสารการตรวจมาดูอย่างละเอียด ตัดสาเหตุการกระดูกหักจากความเคยชิน ก่อนจะดูแผ่นเอกซเรย์หลังจากที่กระดูกหักมาหลายครั้ง พบว่ากระดูกขาของอีกฝ่ายมีรอยร้าวหลายจุด อันที่จริงรอยร้าวเหล่านี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไร อีกฝ่ายยังอายุน้อย พักรักษาตัวก็สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ แต่คงไม่อาจหักบ่อยขนาดนี้ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป กระดูกขาเขาคงแหลกละเอียด เมื่อถึงเวลาคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว อีกทั้งการตรวจของหมอคนก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สิ่งสำคัญคือการพักรักษาตัว เข้าเฝือกเอาไว้รอกระดูกขางอกกลับไปเอง
เธอถอนหายใจ ก่อนจะต้องพุ่งเป้าไปยังพลังแห่งความโชคร้ายเหล่านั้นอย่างจำยอม เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเข็มสีทองออกมา “ฉันลองฝังเข็มให้เขาก่อนแล้วกัน”
ในหัวของเธอปรากฏค่ายกลการเดินเข็มหลายรูปแบบขึ้นมา จากนั้นเธอจึงลงมือฝังเข็มบริเวณตันเถียนของอีกฝ่าย แทบจะชั่วพริบตา พลังแห่งความโชคร้ายที่กำลังคืบคลานขึ้นมาบนหน้าอกถดถอยลงไปจากทั้งสองข้าง โดยเฉพาะพลังสีดำบนขานั้น สลายไปจนหมดสิ้น
ในขณะที่กำลังจะเก็บเข็ม เธอก็พบว่าพลังสีดำเย็นเฉียบลอยผ่านปลายนิ้วของเธอไปอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากความรู้สึกจากพลังแห่งความโชคร้ายอย่างสิ้นเชิง พลังกลุ่มนั้นมุดเข้าด้านหลังของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ด้านหลังคุณมีอะไร” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“อะไร” คนบนเตียงผงะไป ทำหน้าฉงน
ยายอวี้ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เธอพุ่งพรวดออกมาราวกับแฟนคลับตัวยงที่เชื่อมั่นอีกฝ่ายอย่างไร้เงื่อนไข “เร็ว! เสี่ยวอวี่หันไปให้เจ้าหนูดู!” พูดจบ เธอยังยื่นมือออกไปทำท่าจะหมุนตัวของอีกฝ่าย
เขาผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะพลิกตัวอย่างให้ความร่วมมือ
ทันใดนั้น อวิ๋นเจี่ยวเห็นพลังสีดำกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวอยู่กลางหลังของเขาจำนวนมาก
“ถอดเสื้อออก!” เธอพูด
ยังไม่ทันรอเหลยอวี่ตอบสนอง ยายอวี้ก็เดินขึ้นหน้าถกเสื้อยืดของหลานชายออกมา เผยให้เห็นผนึกวงกลมสีดำ ผนึกนั้นแปลกประหลาดอย่างมาก มันมีลักษณะคล้ายกับเถาวัลย์ที่ขดกันเป็นก้อนอย่างเงียบๆ บนหลังของอีกฝ่าย ดูแล้วสมจริงอย่างมาก ราวกับมันสามารถขยายออกมาได้ทุกเวลา อีกทั้งยังมีพลังเย็นกลุ่มหนึ่งส่งออกมาจากด้านใน…พลังอาฆาต?!
“เอ๊ะ?” เหลยไห่เฉาก็เห็นผนึกนั้นเช่นกัน เขาถามด้วยคิ้วขมวด
“เสี่ยวอวี่ แกไปสักที่หลังตั้งแต่เมื่อไรกัน” น่ากลัวเสียจริง!
“สัก?” เหลยอวี่ที่ถูกย่าของตนเองบังคับให้ถอดเสื้อผงะไป “ผมเปล่านะ! ผมไม่เคยสักอะไรเลย!”
เขาไม่ใช่เด็กวัยสิบกว่าขวบที่ดื้อรั้น ไม่มีทางไปสักอะไรเด็ดขาด อีกทั้งเรื่องในบริษัทยุ่งขนาดนี้ เขามีเวลาที่ไหนกัน ไม่ใช่รอยสัก!
“แล้วมันคืออะไร” เหลยไห่เฉาสีหน้าฉงน
มันคือคำสาป!
ในหัวของอวิ๋นเจี่ยวผุดคำตอบขึ้นมา เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังแม่ลูกที่อยู่ข้างเตียง จากนั้นพูดขึ้น “พวกคุณหลบหน่อย”
ยายอวี้และเหลยไห่เฉารีบถอยออกไป อวิ๋นเจี่ยวลงมือฝังเข็มขึ้นอีกครั้ง แตกต่างจากความเชื่องช้าในตอนแรก ครั้งนี้เธอลงมืออย่างรวดเร็ว ตำแหน่งของเข็มดูซับซ้อน แต่มีกฎเกณฑ์อย่างประหลาด
เดิมทีเหลยไห่เฉาไม่เชื่อเรื่องผีสางอะไร เห็นอวิ๋นเจี่ยวฝังเข็ม เขายังคงนึกว่าอีกฝ่ายทำเพื่อให้แม่ของตนสบายใจ แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่
สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าอยู่ด้านหลัง ตามการฝังเข็มที่มากขึ้นของอีกฝ่าย บนเข็มสีทองนั้นปรากฏแสงสีขาวขึ้นเชื่อมต่อกัน อีกทั้งสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ถึงครึ่งนาที รูปสีขาวที่มองไม่ออกก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของเหลยอวี่ ลอยเหนืออยู่ด้านบนหลายเซนติเมตร
“เอ๊ะ? นี่คืออะไร” มีเอฟเฟกต์บนเข็มหรือ
เหลยไห่เฉายังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด สิ่งที่น่าประหลาดยิ่งกว่าคือ รอยสักที่คล้ายกับเถาวัลย์บนหลังของเหลยอวี่นั้นเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา มันสะบัดหนามแหลมสีดำและแผ่ขยายเถาวัลย์ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับต้องการดิ้นรนให้หลุดพ้นจากแสงสีขาวด้านบน แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ยังคงถูกครอบคลุมเอาไว้ อีกทั้งกิ่งก้านของมันจะถูกเผาไหม้เมื่อสัมผัสกับแสงสีขาว
เหลยไห่เฉาผงะไป อวิ๋นเจี่ยวยังคงมีสีหน้าเหมือนเคย เธอฝังลงไปอีกเข็ม เข็มนี้ทำให้แสงสีขาวใจกลางรูปนั้นสว่างขึ้นทันที พร้อมมุ่งตรงลงไปยังเถาวัลย์ด้านล่าง
“อ๊าก”
ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับโจมตีเข้ากับบางอย่าง เสียงนั้นทั้งแหลมทั้งแสบ ทำให้คนฟังขนลุกซู่ พลังสีดำเย็นยะเยือกลอยออกมาจากด้านหลังของเหลยอวี่พุ่งตรงขึ้นไปยังเพดานราวกับคิดจะหนี แต่มันก็สลายไปภายใต้การส่องสว่างของแสงสีขาว!
“เกิดอะไรขึ้น” เหลยอวี่ที่นอนหมอบอยู่บนเตียงมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลัง แต่เสียงเมื่อกี้ทำให้เขาตกใจ “เมื่อกี้เสียงอะไร”
ไม่มีคนตอบ เหลยไห่เฉากำลังตกตะลึงอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้า ท่าทางนิ่งอึ้ง ส่วนยายอวี้มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยสายตาที่ลุกวาวมากยิ่งขึ้น