ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 381 รวมกลุ่มตื๊อคน
อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังเหลยอวี่ ก่อนจะอธิบายขึ้น “พูดง่ายๆ คือ เขาน่าจะแลกเปลี่ยนบางสิ่งไปจากตัวของคุณ ดังนั้น คุณจึงล้มขาหักอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่เขาแลกกับคุณไม่มีแล้ว การแลกเปลี่ยนจึงไม่สำเร็จ ดังนั้นสิ่งของ งที่เป็นของคุณจึงกลับมาแล้ว!”
“แลกเปลี่ยน?” เหลยอวี่ครุ่นคิด “คุณหมายถึงคำสาปบนหลังของผม…จูไข่เป็นคนให้ผมมา!”
“ใช่” เพียงแต่คำสาปเปลี่ยนชะตานั้นเป็นเพียงของแถม อีกฝ่ายแลกเปลี่ยนดวงชะตาของเขา เหลยอวี่ย่อมต้องแบกรับดวงช ชะตาเดิมของอีกฝ่าย คำสาปนั้นเป็นเพียงหนึ่งในนั้น คำสาปนั้นไม่ได้ถูกเปลี่ยนถ่ายโดยตรง หากแต่ติดตามดวงชะตา ของอีกฝ่ายมา
อวิ๋นเจี่ยวทำลายคำสาปนี้ ส่งผลให้ดวงชะตาที่ถูกเปลี่ยนถ่ายนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นทางจูไข่จึงประสบปัญหาเ เช่นเดียวกัน แสงที่หลั่งไหลออกมาจากบนตัวของเขาที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เดิมทีเป็นดวงชะตาของเหลยอวี่ ตอนนี้กำลัง งหลั่งไหลกลับเข้าตัวของเขาอย่างช้าๆ
“งั้น…เสี่ยวอวี่จะเป็นอะไรไหม” เหลยไห่เฉาพูดอย่างกังวล
“ตอนนี้ยังไม่เป็น” คนที่เป็นคืออีกฝ่าย การสะท้อนกลับของดวงชะตามีความรุนแรงมาก ระดับเบาสุดคือดวงซวย ระดับ บรุนแรงสุดอาจส่งผลกระทบต่ออายุขัย เพียงแต่…
“ตอนนี้?” เหลยไห่เฉาฟังนัยยะในคำพูดของเธอออก
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า “สิ่งที่เขาแลกเปลี่ยนมาอย่างยากลำบาก ตอนนี้ถูกเรียกกลับไป พวกคุณคิดว่าเขาจะทำอย่างไร”
ทั้งสองคนผงะ “ทำ…ทำอย่างไรดี” เหลยไห่เฉาสีหน้าซีดเผือด คราก่อนอีกฝ่ายโยกย้ายคำสาปให้
เสี่ยวอวี่ได้อย่างไร้ร่องรอย ครานี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก เขายิ่งคิดยิ่งกังวล “อาจารย์อวิ๋น เห็นแก่คุณแม่ คุณ ณช่วย
เสี่ยวอวี่ด้วย!”
“…” คุณแน่ใจ? ในใจของเธอหญิงชราได้ศูนย์คะแนนนะ?!
“หากพวกคุณกังวลก็อยู่ข้างตัวของคุณยายเอาไว้” อวิ๋นเจี่ยวแนะนำ
“ฮะ?” ทั้งสองคนผงะ เกี่ยวอะไรกับหญิงชรา
ถึงแม้หญิงชราจะไม่น่าเชื่อถือ แต่อย่างน้อยเธอมีแสงทองแห่งคุณงามความดีคุ้มครอง คนอื่นคิดจะทำร้ายพวกเขาจึงไม่ใช่เ เรื่องง่าย อาทิเรื่องคำสาปเมื่อครั้งก่อน หากเป็นคนธรรมดาคงตายไปนานแล้ว แต่เหลยอวี่แค่หกล้มขาหักเท่านั้น พ พลังแห่งความโชคร้ายบนตัวยิ่งถูกหญิงชราข่มเอาไว้ได้
“เพียงแค่อยู่ข้างตัวเธอ พวกคุณจะไม่เป็นอะไร”
ทั้งสองคนทำหน้าฉงน แต่เมื่อเห็นสีหน้ามั่นใจของอีกฝ่าย พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
ดังนั้น…เช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นเจี่ยวที่เดินทางไปโรงพยาบาลที่มีอยู่ทั้งหมดแต่ล้วนตรวจไม่พบปัญหาจึงตัดสินใจศึกษา าด้านจักษุเอง ทันทีที่เธอเปิดประตูบ้านออก ก็พบว่าตระกูลเหลยทั้งสามรุ่นต่างถือถุงเล็กถุงน้อยมายืนอยู่ที่ หน้าบ้านเธอ ท่าทางราวกับเตรียมอยู่ยาว
อวิ๋นเจี่ยวแทบจะปิดประตูใส่หน้าพวกเขาทันที
“เฮอะๆๆ …หมออวิ๋น ขอโทษที ระยะนี้อาจต้องรบกวนคุณหน่อยแล้ว!”
“…” ฉันไม่เห็นความรู้สึกผิดบนใบหน้าใครสักคน!
พ่อลูกตระกูลเหลยก็ลำบากใจ เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นเจี่ยว อยู่ข้างตัวของหญิงชราเอาไว้ให้ มาก แต่หญิงชราเอาแต่วิ่งมาหาอวิ๋นเจี่ยวทั้งวัน ท่าทางราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตนเอง พวกเขาต่างหาก กที่ถูกเก็บมา
พวกเขาไม่มีวิธีอื่น ย้ายหนึ่งคนคือย้าย ย้ายทั้งบ้านก็คือย้าย สู้ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า อีกอย่างมีอาจา ารย์อยู่ พวกเขาจะปลอดภัยมากกว่าไม่ใช่เหรอ
ดังนั้น พวกเขาจึงรีบขนย้ายถุงเล็กถุงน้อยมาทันที
อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุก ใบหน้าเต็มไปด้วยความระอา “บ้านฉันอยู่ไม่ได้!” พวกเขาคิดจะเกาะติดเธอไปตลอดเหรอ
“ไม่เป็นไร!” ราวกับรู้ว่าเธอจะพูดเช่นนี้ เหลยไห่เฉาพูดพลางส่ายหัว “ผมซื้อห้องด้านข้างแล้ว เพียงแค่ทุบทั้ งสองห้องให้เชื่อมกัน พวกเราพักอีกห้องก็ได้!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เธอก็ได้ยินเสียงทุบดังขึ้นภายในห้อง หันหน้ากลับไปมอง เห็นเพียงแต่กำแพงสีขาวเดิมทีมีรูขน นาดใหญ่ปรากฏขึ้น อีกฝั่งของรูมีคนงานที่สวมหมวกนิรภัยกำลังแบกค้อนทำงาน เขาเผยรอยยิ้มให้กับคนทั้งหลายที่ยืน นอยู่ที่หน้าประตู “เจ้านาย ตำแหน่งของประตูอยู่ตรงนี้ได้ไหม”
“…” ทุบไปแล้วจะถามทำไม!
อวิ๋นเจี่ยวสูดลมหายใจเข้า พยายามข่มคำสบถในใจเอาไว้! เธอกระชับมือแน่น พร้อมพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “พวกคุณเข้าม มา!”
พูดจบ เธอจึงเดินหันหลังเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจรูที่ยิ่งทุบยิ่งใหญ่บนกำแพง จนกระทั่งเดินเข้าไปในห้องหนังสือ อหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมา ก่อนจะเขียนบางสิ่งลงไป เธอหันหน้ามองไปยังคนที่กำลังขนย้ายสัมภาระอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้องขน พวกคุณอยู่ที่นี่ไม่ได้”
ใบหน้าของหญิงชราห่อเหี่ยวลง “เจ้าหนู อย่าสิ! พวกเราจ่ายค่าที่พักและอาหารอย่างแน่นอน! สิบเท่าเป็นยังไง” อีก กสองคนต่างพยักหน้า
อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุก “ไม่ใช่เรื่องเงิน!” พวกคุณไม่กล้าอยู่ฟรีอยู่แล้ว เธอยื่นกระดาษในมือออกไป “พวกคุณสองคน ออกไปซื้อสิ่งเหล่านี้กลับมา เรื่องของจูไข่ ฉันจะจัดการให้!”
พ่อลูกตระกูลเหลยผงะ สีหน้าดีใจอย่างมาก พวกเขารับกระดาษไป “ได้ๆๆ พวกเราไปซื้อเดี๋ยวนี้!” พูดจบก็กวาดตาดูส สิ่งของที่เขียนบนกระดาษ เห็นมีเพียงหมึกแดงและกระดาษเหลือง เขายิ่งมั่นใจว่าอวิ๋นเจี่ยวจะจัดการให้ จึงรีบโทร รศัพท์เรียกผู้ช่วยที่รออยู่ด้านล่างไปเตรียมสิ่งของเหล่านี้มา
ผู้ช่วยทำงานได้อย่างรวดเร็ว เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็หอบสิ่งของที่ต้องการขึ้นมา เขาวิ่งจนเหงื่อออกไปทั่ วตัว พลางส่งของให้เหลยอวี่พลางพูด “คุณเหลยครับ กระดาษ หมึกแดงและพู่กันพวกนี้ซื้อมาหมดแล้ว แต่ธงค่ายกล ล อาวุธวิเศษอะไรพวกนี้ผมหาไม่ได้จริงๆ ครับ”
“หาซื้อไม่ได้?” เหลยอวี่ขมวดคิ้ว ร้อนใจเล็กน้อย
“ใช่ครับ!” ผู้ช่วยตอบ “ผมถามหลายร้าน อีกทั้งค้นในอินเทอร์เน็ตหาก็ไม่เจอ ไม่มีใครเคยได้ยินสิ่งของพวกนี้”
“ช่างเถอะ!” อวิ๋นเจี่ยวที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพูดขึ้น “ไม่มีของพวกนั้นก็ได้ เอาเข้ามา!”
“อ่อ ได้ครับ!” เหลยอวี่ถือกระดาษเหลืองและหมึกแดงเข้าไป
ภายในใจของผู้ช่วยเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมคุณเหลยกับท่านประธานถึงสนใจเรื่องลึกลับขึ้นมา เขาอดทนไม่มองเข้าไปด ด้านใน อีกทั้งยังปิดประตูให้อีกฝ่าย
อวิ๋นเจี่ยวตัดกระดาษเหลืองให้เป็นลักษณะของยันต์ ก่อนจะหันหน้ามองไปยังคนด้านข้าง พูดขึ้น “ชายแก่ เจ้ามาฝนห หมึก!”
“ได้!” ยายอวี้ตอบรับ ก่อนจะหยิบขวดหมึกแดงขึ้นมา
นาทีถัดมา ทั้งสองคนผงะไป ก่อนจะสบตากันและกัน
“เอ๊ะ ทำไมเมื่อกี้เรียกฉันว่าชายแก่”
“คุณจะรับปากทำไม”
“…”
“…”
ทั้งสองคนผงะไป แปลกประหลาด!
แต่พวกเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่ลงมือตัดกระดาษฝนหมึกต่อไป ก่อนหน้านี้หญิงชราเคยศึกษาเรื่องลึกลับเหมือน นกัน แต่เธอสามารถฝนหมึกแดงได้อย่างคล่องแคล่วทั้งที่เป็นครั้งแรก มือของเธอราวกับมีความคิดของตนเอง สีที่ได้อ ออกมาไม่เข้มไม่อ่อน ตัวหนังสือที่เขียนออกมาก่อตัวกันไม่สลาย อีกทั้งยัง…คุ้นเคยอย่างมาก?