ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 382 ตามหาแหล่งต้นตอ
เมื่ออวิ๋นเจี่ยวตัดกระดาษยันต์เสร็จ เธอจึงหยิบพู่กันขึ้นมา ท่องคาถาภายในใจ จากนั้นวาดลงบนกระดาษ ตามการเคลื่ อนไหวของปลายพู่กัน เห็นเพียงยันต์สีเหลืองธรรมดาแผ่นหนึ่งมีแสงสีขาวส่องสว่างขึ้น ทันทีที่อวิ๋นเจี่ยววาดเสร็จ สีของกระดาษเหลืองเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทันที ไม่ถึงครึ่งนาทีกระดาษแผ่นนั้นกลายเป็นสีม่วงไปเสียแล้ว
พ่อลูกตระกูลเหลยจ้องมองด้วยความตกตะลึง หมึกแดงและกระดาษเหลืองพวกเขาเป็นคนเรียกคนไปซื้อ สิ่งที่ซื้อมาล้วน นเป็นสิ่งของธรรมดา แต่หลังจากที่วาดเสร็จสีก็เปลี่ยน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นสาเหตุจากอะไร แต่รู้สึกได้ว่าเก่งกาจ จอย่างมาก
ยายอวี้จ้องอวิ๋นเจี่ยววาดยันต์ตาไม่กะพริบ แตกต่างไปจากสองพ่อลูก เธอมีความรู้สึกว่าฝีมือ และวิธีการวาดยัน นต์ของอีกฝ่ายมีความคุ้นเคยอย่างยิ่ง ราวกับ…เธอเคยวาดมาก่อน?
ยายอวี้ยิ่งดูความคุ้นชินภายในใจยิ่งมีมากขึ้น เธอจ้องมองปลายนิ้วของเธอไม่ขยับ อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะพูดออกมา “อยากเรียนหรือ”
“ไม่อยาก!” ทันทีที่สิ้นเสียง หญิงชราที่เขยิบเข้าใกล้กระเด้งตัวออกไปราวกับถูกไฟช็อต เธอถอยห่างจากโต๊ะหนังสือ ออย่างรวดเร็ว ส่ายหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ไม่อยาก ไม่อยาก ไม่อยากอย่างแน่นอน! ตีให้ตายก็ไม่เรียน!” เธอสัมผัส ได้ว่าต้องมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นหากเธอบอกว่าอยากเรียน!
อวิ๋นเจี่ยว “…”
พ่อลูกตระกูลเหลย “…”
เธอเพียงแค่ถามเท่านั้น จำเป็นต้องหลบไปอยู่หลังโซฟาหรือ
อวิ๋นเจี่ยววาดยันต์ทั้งหมดหกใบจึงหยุดลง มีห้าใบเป็นยันต์สีม่วง อีกหนึ่งใบเป็นยันต์สีทอง หมึกแดงด้านบนกำล ลังไหลเวียนราวกับมีชีวิต เห็นได้ชัดว่ามีระดับสูงกว่ายันต์ใบอื่น
“พวกนี้เป็นยันต์ป้องกัน หากพวกคุณพกติดตัวเอาไว้ย่อมไม่มีใครทำอะไรพวกคุณได้” เธอถอนหายใจยาว ก่อนจะยื่นยันต ต์ทั้งหกไปให้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ใบหนึ่งพกไว้ อีกใบสำรอง” ทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์ แต ต่ก็ถูกพวกเขาผลักเข้าหุบเหวลึกแห่งความงมงายนี้จนได้!
พ่อลูกทั้งสองผงะ ในขณะที่กำลังจะรับ ยายอวี้ด้านหลังโซฟาพุ่งพรวดออกมา หยิบยันต์สีทองที่มีเพียงใบเดียวและยั นต์สีม่วงอีกหนึ่งใบไป “สองใบนี้ให้ฉัน!”
ทั้งสองคน “…” พวกเขาถูกเก็บมาจริงด้วย?
พ่อลูกตระกูลเหลยรับยันต์ที่เหลือทั้งสี่ใบไป เหลยอวี่นำยันต์พับครึ่งเพื่อใส่เข้ากระเป๋ากางเกง ทันใดนั้นแสง งสีขาวในมือสว่างขึ้น เกราะป้องกันโปร่งใสแผ่ขยายออกบริเวณรอบตัวของพ่อลูก
ตามมาด้วยเสียงบางอย่างกระทบเข้ากับเกราะป้องกัน บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยควันสีดำ ก่อนจะค่อยๆ สลายออกไป
“นี่…นี่คือ…” พ่อลูกทั้งสองผงะ
“อีกฝ่ายลงมือแล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวพูดอย่างมั่นใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเร็วเพียงนี้ วันนั้นที่พบจูไข่ โชคชะตาบนตัวข ของเขายังไม่สลายไปจนหมด อีกทั้งบนตัวของเขาไม่มีกำลังการฝึกฝน ไม่น่าจะพบว่าคำสาปเปลี่ยนชะตาหมดฤทธิ์ได้เร็ว ว ไม่คิดว่าวันที่สองจะเริ่มโจมตีกลับ แสดงว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายมีคนอยู่
อวิ๋นเจี่ยวไม่ลังเล เธอก้มหน้าวาดยันต์อีกใบอย่างรวดเร็ว จากนั้นโยนขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นพลังสีดำที่กำลังจะ สลายไปถูกดูดเข้ายันต์ทั้งหมด
“ในเมื่อลงมือแล้ว ก็หาคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาด้วยเลยแล้วกัน! จะได้ไม่ต้องลำบากอีก!” ไม่อย่างนั้นเธอยังต้อ องถูกตระกูลเหลยขออยู่ด้วย!
เธอเก็บยันต์ที่อยู่กลางอากาศ หันหน้ามองไปยังคนทั้งสอง “ไป หาคน!”
พูดจบเธอก็เดินออกจากประตูไป ยายอวี้รีบเดินตามไปทันที พ่อลูกตระกูลเหลยผงะเล็กร้อย ก่อนจะตั้งสติกลับมาจา ากเกราะป้องกันโปร่งใสนั้น จากนั้นจึงรีบเก็บยันต์ที่เหลือเดินตามขึ้นไป
…
ทางใต้ของเมือง
คนที่กำลังร่ายวิชาเวทย์อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ เทียนสองเล่มที่อยู่บนโต๊ะดับไปทันที
“อาจารย์จาง เป็นยังไงบ้าง ทำไมเทียนถึงดับ” จูไข่ถามอย่างรีบร้อน
“คำสาปของฉันถูกคนต้านเอาไว้” ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตสีเหลืองกุมหน้าอกอาเจียนออกมาเป็นเลือด ใบหน้าที่ไร้ส สีของเขายิ่งซีดลง “ทางนั้นอาจมีอาจารย์ผู้มีวิชาอยู่!”
“ทำ…ทำยังไงดี คุณบอกว่าเปลี่ยนชะตาเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือ” จูไข่สีหน้าตื่นตระหนก “พวกเราถูกพบเข้าแล้วเห หรอ พวกเขารู้ว่าเป็นผมหรือ”
ชายวัยกลางคนหันมาถลึงตาใส่เขา “รู้แล้วทำไม แค่เปลี่ยนชะตาเท่านั้น พวกเขาจะทำอะไรพวกเราได้” อีกทั้งถึงแม้ว่า าอีกฝ่ายจะรู้ ก็รู้เพียงแค่คนโง่ตรงหน้าเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเขา
“แต่อาจารย์ทางฝั่งนั้นคงไม่หันกลับมาทำอะไรผมใช่หรือไม่” จู่ไข่ถามอย่างกังวล
“วางใจ!” ชายวัยกลางคนสีหน้าไม่ใส่ใจ “คิดจะรับมือกับจางฝาน ไม่ง่ายขนาดนั้น!” แต่ภายในใจของเขาไร้ซึ่งความมั่นใจ เขาสัมผัสได้ว่าคำสาปของเขาถูกทำลายไปในชั่วพริบตา รวดเร็วจนเขาไม่อาจรับมือได้ คนที่มีความสามารถเช่นนี้ ไม ม่ธรรมดา!
“แต่ตระกูลเหลยรวยขนาดนั้น หากมาหาถึงที่…” จูไข่ยังคงมีความกังวล มองไปยังชายวัยกลางคนด้วยความโกรธ “อาจารย์ จาง ตอนนั้นคนที่เสนอให้ผมเปลี่ยนดวงชะตากับเหลยอวี่คือคุณ อีกทั้งคุณได้รับผลประโยชน์จากตระกูลจูไปกว่าครึ่ งแล้ว คุณต้องรับผิดชอบ! ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นผมจะสารภาพเรื่องของคุณด้วย!”
“คุณกำลังข่มขู่ผม?” จางฝานสายตาเย็นลง
จูไข่ถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความกลัว “ผม…ผมแค่เตือนอาจารย์จางเท่านั้น”
จางฝานหัวเราะ ก่อนจะเก็บสีหน้าเย็นชาลง ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “วางใจ พวกเราเป็นมดบนด้ายเส้นเดียวกัน ผมจะทิ้งค คุณได้ยังไง! ดวงชะตาของเหลยอวี่ยืมไม่ได้ เปลี่ยนคนยืมก็พอ คุณยกธุรกิจกว่าครึ่งของตระกูลจูให้ผมแล้ว ผมจะ ะผิดสัญญาได้ยังไง ผมว่าดวงชะตาของตระกูลหลิวไม่เลว ถึงแม้จะเทียบตระกูลเหลยไม่ได้ แต่ก็เป็นอันดับต้นๆ ในเมือ องซี”
ทันใดนั้นดวงตาของจูไข่ลุกวาว “ตระกูลหลิวก็ได้หรือ คุณบอกว่ายืมดวงชะตาต้องดูวันเดือนปีเกิดที่เหมาะสมกันไ ไม่ใช่หรือ”
“ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้จักคุณจึงหาข้ออ้างแบบนี้ ยืมดวงชะตา ยืมของใครไม่ใช่ยืม!” จางฝานอธิบาย ก่อนจะชี้ไปยังค่าย กลบนพื้น “เวลาไม่คอยใคร ฤกษ์ดีใกล้จะผ่านไปแล้ว คุณรีบเข้าไปในค่ายกล หากพลาดเวลานี้ไป ต้องรอครั้งต่อไปแล ล้ว”
จูไข่ไม่สงสัยแม้แต่น้อย เพียงแค่คิดว่าสามารถยืมดวงชะตาตระกูลหลิวได้ เขาจึงรีบนั่งลงไป
ดวงตาของจางฝานลุกวาว เขาไม่ได้หยิบดาวไม้ท้อจากบนพื้นขึ้นมา หากแต่เดินไปหยิบขวดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือบริเวณ กำแพงออกมา
“อาจารย์จาง วิชาเวทย์ใหม่หรือ” จูไข่มองขวดสีดำสนิทนั้น ถามด้วยความสงสัย
“ใช่!” จางฝานพยักหน้าพูดเสียงเย็น “เป็นวิชาเวทย์ที่ผมเตรียมให้คุณโดยเฉพาะ!”
“ให้ผม?” จูไข่ผงะ ก่อนจะรู้สึกถึงความผิดปกติ “คุณจะทำอะไร” เขาเดินออกจากค่ายกลด้วยสีหน้าซีดเผือด