ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 39 รักษาเซ่าเซี่ยน
“ตื่นแล้วเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวถาม
เซ่าเซี่ยนนิ่งอึ้ง ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร อวิ๋นเจี่ยวก็เดินขึ้นหน้าหยิบเข็มเงินออกจากบนตัวเขา พลางหยิบพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ร่างกายของเจ้าดีขึ้นมากแล้ว อีกเดี๋ยวกินยาก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
“เจ้าบอกว่า โรคของข้า…หายแล้ว?!” ตาของเซ่าเซี่ยนเบิกโตอย่างตกตะลึง ก้มลงมองมือของตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน โรคของเขารักษาหายได้จริงหรือ
“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก เก็บเข็มเสร็จก็หันหลังเดินออกไปด้านนอก “ข้าไปยกยามาให้”
จนกระทั่งอีกฝ่ายลับสายตาไป เซ่าเซี่ยนก็ยังคงมีความรู้สึกราวกับฝัน ทั้งที่หลายปีนี้ มีหมอมากมายมาดูอาการของเขา แต่กลับไม่ดีขึ้นเลยสักครั้ง อีกทั้งกลับทรุดหนักมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดท่านพ่อเองยังไม่มีวิธี เขาได้เตรียมใจที่จะตายได้ทุกเวลา ไม่คิดว่าตอนนี้จะหายดีแล้ว!
เมื่อนึกถึงบิดาที่แสนจะบ้าคลั่งของตนเอง คนทั้งคนซึมเศร้าลงไปทันที ใบหน้าแสดงออกถึงความเศร้าใจเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่บิดาทำ แต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นบิดา
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ใส่ใจอารมณ์ของอีกฝ่ายมากนัก เดินตรงออกไปยังห้องครัว ไป๋อวี้ที่คอยดูไฟให้ขยับเข้ามาใกล้ในทันที “เจ้าหนู เจ้าหนุ่มตื่นแล้วหรือ”
“ตื่นแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะเทของเหลวที่กลิ่นคล้ายยาออกจากในหม้อ
“งั้นพวกเราจะกลับไปเมื่อไหร่” ตาโจวดูดวงให้เขา บอกว่าช่วงนี้เขาดวงไม่ค่อยดี ดังนั้นออกจากอารามก็เจอผี กลับไปอารามคือทางที่ปลอดภัยที่สุด
อวิ๋นเจี่ยวพลางถือยาเดินออกจากประตูไป พลางตอบเขากลับ “ใกล้แล้ว รอเขาดื่มอันนี้เสร็จ พวกเราก็กลับอาราม”
“อ่อ” ไป๋อวี้วางพัดที่ใช้พัดไฟลง รีบเดินตามไปทันที มองไปยังยาในมือของอวิ๋นเจี่ยว อดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้าหนู เจ้าเคยบอกว่าเจ้าหนุ่มนั้นไม่ได้เป็นโรคไม่ใช่เหรอ”
“ก็ไม่ได้เป็นโรคจริงๆ !”
“ฮะ? แล้วนี่…” เขาชี้ไปยังยาที่อยู่บนมือนาง ทำไมถึงยังต้มยาให้เขากินละ!
อวิ๋นเจี่ยวถึงได้หันไปมองเขา พูดเสียงทุ้ม “ที่เขาเป็นมันไม่ใช่โรค แต่เป็นคำสาป!”
“คำสาป!” ชายแก่ตะลึง “คำสาปอะไร”
“คำสาปแรงแค้น”
ชายแก่นิ่งไป สักพักถึงได้เบิกตาโต อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “เห้ย! ตาอ้วนเซ่านั่นจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!” มิน่าเจ้าหนูถึงได้ใช้เข็มเงินในการระงับวิญญาณของเซ่าเซี่ยน
คำสาปแรงแค้นที่ว่าก็คือคำสาปที่รวบรวมแรงแค้นแรงอาฆาต ซึ่งเป็นคาถาอาคมที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกภูตผีปีศาจหรือพวกนอกรีตใช้สำหรับพิธีกรรมชั่วร้ายอย่างการเลี้ยงผี หรือฝึกฝนทางวิญญาณ ผีร้ายเกิดมาจากแรงอาฆาต ยิ่งผีร้ายที่มีพลังมาก แรงอาฆาตก็จะยิ่งมาก
ท่านเซ่าอยากจะรักษาความร่ำรวยของตัวเองเอาไว้จึงสร้างข่ายพลังร้อยผีเสริมดวงขึ้นมา ผีร้ายจำนวนมากมายเช่นนั้นถูกกักขังไว้ในข่ายพลังไม่อาจหลุดพ้นได้ จึงเกิดเป็นแรงอาฆาตมากมาย คนที่สร้างข่ายพลังนั้นย่อมง่ายต่อการถูกแรงอาฆาตที่เกิดขึ้นโจมตีกลับ ท่านเซ่าเองเป็นคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องวิชาอาคมมากนัก ดังนั้นเขาจึงปลูกฝังคำสาปแรงแค้นไว้ในตัวของลูกชาย ให้แรงอาฆาตของผีร้ายนั้นย้ายไปอยู่บนตัวของลูกชายแทน
ถึงว่ายันต์ขับไล่ไม่สามารถใช้กับเขาได้ เขาสามารถมีชิวิตอยู่รอดได้ถึงปัจจุบันก็ถือว่าเป็นปาฏิหารย์แล้ว
“ดังนั้นโรคของเขาหายสนิทได้เพราะว่าท่านเซ่าตายแล้ว” ชายแก่คิดถึงข้อนี้
“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
ผู้ร่ายคำสาปตายแล้ว คำสาปก็ไม่มีผลไปโดยปริยาย อีกทั้งผีนับร้อยนั้นได้กลืนกินท่านเซ่าเข้าไปแล้ว ถือว่าแก้แค้นได้สำเร็จ แรงอาฆาตเหล่านั้นก็สลายหายไปด้วย นางทำเพียงแค่ปิดชีพจรของเขา ทำให้เขาไม่ถูกแรงอาฆาตกระทบจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปก่อนที่แรงอาฆาตจะสลายหายไปเท่านั้น โรคของเซ่าเซี่ยนจะหายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
“งั้น…นี่ยาอะไร” เขาชี้ไปยังถ้วยบนมือของนาง ไม่ได้บอกว่าต้องดื่มยาถึงจะหายเหรอ
“อ่อ อันนี้เหรอ!” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “น้ำแกงโสมธรรมดาถ้วยหนึ่งเท่านั้น” เสริมพลังในตัวได้ก็คือเป็นยาแล้ว
น้ำแกง…โสม!
○| ̄|_
บอกกันตั้งแต่แรกสิ! ทำให้เขานึกว่าเป็นของสำคัญอะไร เฝ้าดูอยู่ในห้องครัวไปสองชั่วยามเต็ม
ชายแก่แสดงสีหน้าเคืองๆ อวิ๋นเจี่ยวกลับถือยาและผลักประตูแล้วเดินเข้าไปแล้ว ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเลยว่ากระบอกไม้ไผ่บนเอวขยับขึ้นมาหนึ่งที
“ยาของเจ้า!” พอเข้าห้อง อวิ๋นเจี่ยวก็ยื่นถ้วยที่ถือในมือออกไป
เซ่าเซี่ยนในตอนนี้ฟื้นกลับมาค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว พยักหน้ากับพวกเขาอย่างมีมารยาท “ขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยชีวิต หากมีโอกาส ข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน”
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้ารับ “อืม ไม่ต้องเกรงใจ” ในเมื่อพวกเขาจะเก็บเงินอยู่แล้ว “รีบดื่มเถอะ ดื่มเสร็จก็จะหายดี”
เซ่าเซี่ยนถึงได้ยกถ้วยขึ้น กำลังจะดื่มแต่กลับรู้สึกถึงน้ำแกงในถ้วยเกิดความสั่นไหวขึ้นมา ทันใดนั้นรวมตัวกันเป็นสายน้ำลอยออกมา มุ่งตรงไปยังกระบอกไม้ไผ่ที่อยู่บนเอวอวิ๋นเจี่ยว ตามมาด้วยเสียงของฝากระบอกที่เปิดออกเอง สายน้ำนั้นไหลเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่จนหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เสร็จแล้วฝาที่เปิดออกนั้นก็ปิดกลับเข้าไปใหม่ อีกทั้งยังหมุนซ้ายหมุนขวาให้ปิดแน่นด้วยตนเอง
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ไป๋อวี้ “…”
เซ่าเซี่ยน “…”
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ถึงชั่วอึดใจ ถ้วยในมือของเซ่าเซี่ยนก็ว่างเปล่า เขานิ่งอึ้งไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะหันมามองคนตรงหน้าทั้งสอง เมื่อกี้เขาไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ยาของเขาบินหนีไปเอง “ท่านเซียนทั้งสอง ยา…”
“ยาเจ้าดื่มหมดแล้ว!” เขายังพูดไม่ทันจบ อวิ๋นเจี่ยวรีบเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว ตบไปยังไหล่ของเขา และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “วางใจได้ โรคของเจ้าหายแล้ว!” สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เซ่าเซี่ยนยื่นมือออกมาอยากจะชี้ไปยังกระบอกไม้ไผ่บนเอวนาง “ไม่ใช่ ท่านเซียน เมื่อกี้…”
“ยาเมื่อกี้เป็นห่อสุดท้ายแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวกดมือของเขาลง ก่อนที่เอ่ยขัดอีกรอบ “พลังร้ายบนตัวเจ้าได้กำจัดออกไปหมดแล้ว”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่า! หรือว่านายน้อยเซ่ากำลังสงสัยในการรักษาของข้าเหรอ”
“ไม่ๆๆ ข้าจะบอกว่า…”
“เจ้ายังมีตรงไหนไม่สบายเหรอ หรือว่าตรงไหนยังไม่หายดี”
“ไม่มี…”
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าอย่างแรง จ้องมองเข้าไปยังดวงตาของเขา “โรคของเจ้าหายดีแล้ว!”
“ข้า…” เซ่าเซี่ยนมึนงง ถูกนางขัดหลายรอบจนลืมว่าตนเองจะถามอะไร มองไปยังสีหน้าของอีกฝ่ายที่จริงจังอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเมื่อกี้ตัวเองตาฝาดหรือเปล่า ก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณด้วยความเคยชิน “ขอบคุณท่านเซียน”
“ไม่เป็นไร!” อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกโล่งในในทันที หลังจากนั้นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม “ในเมื่อเจ้าหายดีแล้ว งั้นภารกิจของพวกข้าก็ถือว่าสำเร็จแล้ว รบกวนเจ้าจ่ายค่ารักษาด้วย ขอบคุณ!” พูดจบก็ยื่นมือออกไป “ตามที่ประกาศ ทั้งหมดเป็นทองคำหนึ่งร้อยตำลึง เจ้าจะจ่ายเงินสด หรือว่าตั๋วเงิน”
เซ่าเซี่ยน “…” รับถ้วยเปล่าแพงขนาดนี้เชียวเหรอ
ไป๋อวี้ “…” ขนาดนี้แล้วยังคลี่คลายสถานการณ์ได้อีก
กระบอกไม้ไผ่ “…” เอิ๊ก