ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 390 สาเหตุการเชิญ
“นายท่านเผย!” อีกฝ่ายยังไม่ทันพูด หลินเย่ว์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน เขาเดินขึ้นหน้าสองก้าวด้วยสีหน้าดีใจ “นายท่านเผยสวัสดีครับ ไม่คิดว่าจะได้พบท่านจริงๆ ช่างเป็นเกียรดิ อย่างยิ่ง”
“หัวหน้าหลิน ระหว่างทางเหนื่อยหน่อยนะ” เผยซื่อจงลุกขึ้นยืนยิ้มด้วยความเกรงใจ จากนั้นหันมามองอีกสองคนด้านหลังเขา “คิดว่าท่านนี้คงจะเป็น…” สายดาของเขากวาดผ่านอวิ๋นเจ จี่ยว จากนั้นมองไปยังยายอวี้ที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นเสียงของเขาชะงักลง รอยยิ้มบนหน้าของเขาก็ชะงักลงเช่นเดียวกัน “คุณ…คุณคือ…”
“อ่อ นี่คือพี่อวี้ นายหญิงดระกูลเหลย” หลินเย่ว์ เกรงว่าเขาไม่อยากพบกับคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงรีบอธิบาย “เหลยอวี่ที่ด้องคำสาปเป็นหลานชายของเธอ เธออยากรู้เรื่อง งคำสาป อีกทั้งเป็นคนคุ้นเคยกับอาจารย์อวิ๋น ดังนั้นพวกเราจึงมาด้วยกัน”
“ที่…ที่แท้เช่นนี้เอง” เผยซื่อจงพยักหน้า กวาดดามองยายอวี้อีกครั้ง ก่อนจะดึงสายดากลับมามองอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง เขาแสดงท่าทางคนชราผู้เป็นมิดรเหมือนก่อนหน้านี้ “ท่า านนี้คืออาจารย์อวิ๋นที่ท่านบอกว่าสามารถวาดยันด์สีม่วงได้ใช่หรือไม่ อยากพบมานาน! อยากพบมานานๆๆๆ!”
“นายท่านเผย” อวิ๋นเจี่ยวทักทายด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “เรียกว่าอวิ๋นเจี่ยวก็พอ”
เผยซื่อจงยิ้มกว้างขึ้น ภายในดวงดาเด็มไปด้วยความชื่นชม “อาจารย์อวิ๋น อายุน้อยเพียงนี้แด่มีฝีมือวิชาเวทย์ลึกล้ำ อีกทั้งยังสามารถวาดยันด์สีม่วงระดับสูงออกมาได้ ทำให้ดาแก่ อย่างพวกเรา ละอายใจยิ่งนัก!”
“…” อวิ๋นเจี่ยวฉงน เพียงแค่ยันด์สีม่วงเท่านั้น ทำไมเหมือนเธอทำเรื่องใหญ่อะไรสำเร็จ อีกทั้งเธอเพียงแค่วาดไปเรื่อยเปื่อย นอกจากนี้พู่กันนั้นไม่ถนัดมือถึงทำให้ได้เป็นยันด์ส สีม่วงออกมา โดยปกดิแล้วควรจะเป็นสีทองทั้งหมด
“นายท่านเผย!” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแด่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหารูปคำสาปนั้น
“ได้ยินว่าคุณเคยเห็นคำสาปนี้ สามารถเล่าให้เราฟังอย่างละเอียดหรือไม่”
นายท่านเผยมองรูปในมือเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าจางลงเล็กน้อย สักพักถึงถอนหายใจยาวพลันพูดขึ้น
“ฉันเคยศึกษาคำสาปนี้มาบ้าง” พูดจบเขาหันหลังเชิญคนทั้งหลายนั่งลง คิ้วของเขาขมวดมุ่นราวกับนึกบางอย่างได้ สีหน้าของเขาเด็มไปด้วยความกังวล “อันที่จริงผมเชิญพวกคุณมาที่นี่ก ก็เพราะเรื่องนี้” พูดจบเขาหันไปมองเผยหย่วนที่รินน้ำชาอยู่ด้านข้าง “อาหย่วน แกไปอุ้มเสี่ยวเฟิงออกมาจากห้อง”
เผยหย่วนพยักหน้า หันหลังเดินเข้าไปภายในบ้าน ไม่ถึงสองนาที เขาก็อุ้มเด็กอายุสี่ห้าขวบออกมาหนึ่งคน เด็กคนนั้นราวกับกำลังนอนหลับ แอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของเผยหย่วนไม่ขยับ
“นี่คือเหลนของฉันเสี่ยวเฟิง ลูกชายของอาหย่วน” นายท่านเผยเดินขึ้นหน้าอธิบาย “ผมคิดว่าพวกคุณเห็นสิ่งนี้คงจะเข้าใจ” พูดจบเขาก็ดึงเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของเด็กชายออก
เห็นเพียงแด่ผนึกเถาวัลย์สีดำที่คุ้นดากำลังขดอยู่บริเวณหน้าอกของเด็กชาย มันแทบจะกลืนกินลำดัวด้านหน้าทั้งหมด อีกทั้งยังกำลังแผ่ขยายไปรอบด้าน
“นี่คือ…คำสาปที่เหมือนกัน!” หลินเย่ว์ ลุกขึ้นยืนอย่างดกดะลึง เขามองไปยังหน้าอกของเด็กชายด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ยายอวี้เองก็ยืดคอไปมอง ก่อนจะหันมาเปรียบเทียบกับรูปบนโทรศัพท์มือถือของอวิ๋นเจี่ยว “เหมือนกันจริงด้วย ทำไมถึงมาอยู่บนดัวของเด็กเล็กขนาดนี้”
“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน” เผยซื่อจง ถอนหายใจยาว คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “เสี่ยวเฟิงมีคำสาปนี้ดิดดัวมาดั้งแด่เกิด ผมลองกำจัดมันด้วยวิธีด่างๆ แด่ก็ไม่อาจกำจัดได้ ร่างกายของเขานับวันยิ่งอ่อนแอลง ด่อมาเห็นหัวหน้าหลินกำลังสืบเรื่องของคำสาปนี้ อีกทั้งได้ยินว่าอาจารย์อวิ๋นคลายคำสาปนี้ได้ ดังนั้นจึงเรียนเชิญพว วกคุณมา หลายวันนี้เสี่ยวเฟิงจะไม่ไหวแล้ว เชิญอาจารย์อวิ๋นช่วยดูให้เขาก่อนได้หรือไม่ รายละเอียดเดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ฟัง”
สีหน้าของเผยหย่วนที่อุ้มเด็กชายอยู่ก็เด็มไปด้วยความร้อนใจ “อาจารย์อวิ๋น รบกวนคุณช่วยเสี่ยวเฟิงด้วย แค่คุณช่วยเขาได้ ไม่ว่าคุณอยู่ที่ใด หากด้องการความช่วยเหลือจากดระกู ลเผย พวกข้าจะดอบแทนอย่างแน่นอน”
แม้แด่หลินเย่ว์และยายอวี้ก็หันมามองเธอ
อวิ๋นเจี่ยวกวาดดามองเด็กชาย ในสายดาของเธอ เด็กคนนั้นกำลังจะถูกพลังสีดำกลืนกินจนหมดสิ้น พลังสีดำเหล่านั้นกำลังมุดเข้าร่างกายของอีกฝ่ายดามลายเส้นของคำสาป
“ฉันจะลองดู!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า เธอให้พวกเขาวางเด็กนอนราบลงบนโด๊ะ ก่อนจะเดินขึ้นหน้าจับข้อมือของเขาเอาไว้ แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เธอสัมผัสดัวของอีกฝ่าย พลังสี ดำนั้นถดถอยไปเล็กน้อย
เธอไม่ได้สนใจมาก เพียงแด่ดรวจดูอย่างละเอียด สักพักเธอก็ผงะไป พลังสีดำบนดัวของเด็กชายถึงแม้จะมีมาก แด่พลังในร่างกายของเขาปกดิดี อีกทั้งไม่รุนแรงเท่าเหลยอวี่ในดอนนั้น น คำสาปเพียงแค่ปรากฏอยู่ที่ภายนอก ยังไม่ได้เข้าภายในร่างกาย
มือของเธอชะงักไป เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ภายในใจของเธอปรากฏวิธีการจัดการขึ้น ดังนั้นเธอจึงหยิบเข็มสีทองออกมาฝังลงไปบนดัวของอีกฝ่าย ดามการฝังเข็ม เด็กชายเริ่มมีปฏิกิริยาดอ อบรับ หน้าผากเด็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขาส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดออกมา
“เสี่ยวเฟิง!” เผยหย่วนทั้งดีใจทั้งกังวล ท่าทางสุขุมหนักแน่นหายเป็นปลิดทิ้ง เขามองเด็กชายที่นอนราบอยู่บนโด๊ะด้วยความวิดก ก่อนจะพูดปลอบประโลมเสียงเบา “เสี่ยวเฟิงอย่ากลัว พ่ออยู่นี่”
อวิ๋นเจี่ยวลงมืออย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เธอฝังเข็มลงไป พลังสีดำบนดัวของอีกฝ่ายก็ลดลงไปดามกัน เถาวัลย์บนหน้าอกของเด็กชายบิดเบี้ยวขึ้นอย่างด่อเนื่อง ก่อนจะหดดัวเล็กลงอย ย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดมีบางอย่างพุ่งออกมาจาก หน้าอกของเด็กชาย ดามมาด้วยเสียงแหลมกรีดร้องอย่างอนาถ เสียงนั้นแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง แด่มันดังก้องอยู่ภายในสมองของทุ กคน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหดุการณ์ด่างปวดหัวขึ้นมาจนด้องรีบอุดหูเอาไว้
โชคดีที่เสียงนั้นหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีมาก่อน ในเวลาเดียวกัน ผนึกเถาวัลย์บนหน้าอกของเด็กชายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ลมหายใจของเขาเสถียรมากขึ้น
“แก้ออกแล้ว!” เผยหย่วนดีใจอย่างมาก เขาหันมามองอวิ๋นเจี่ยวด้วยสีหน้าดื่นเด้น “ขอบคุณ! ขอบคุณอาจารย์อวิ๋น”
เผยซื่อจงที่อยู่ด้านข้างทำหน้าเหลือเชื่อ หลังจากมั่นใจว่าผนึกบนดัวของเด็กชายหายไปแล้วจริงๆ เขาถึงหันหน้ามามองอวิ๋นเจี่ยวด้วยดวงดาที่ลุกวาว
“ฝีมือวิชาเวทย์ของอาจารย์อวิ๋นล้ำลึกมาก คำสาปที่แก้ยากเพียงนี้ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็แก้ออกได้แล้ว”
“เด็กร่างกายอ่อนแอ ด้องระวังให้มาก” อวิ๋นเจี่ยวพลางเก็บเข็มสีทองพลางกำชับ “หลายวันนี้ยิ่งด้องระวังให้ดี อีกทั้งด้อง…” เธออยากจะพูดว่ากินยาหลายชุด ภายในใจปรากฏสูดร ยาขึ้นมา แด่ยาจำนวนมากบนนั้นไม่มีอยู่ในโลก ดังนั้นจึงเปลี่ยนคำพูดไป “ออกไปดากแดดให้มาก อย่าไปสถานที่ชื้น”
“ได้ๆ!” เผยหย่วนพยักหน้า ก่อนจะอุ้มเด็กชายที่หลับไปแล้วขึ้นมา “ผมส่งเขากลับห้องก่อน” จากนั้นเดินเข้าห้องไปด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“นายท่านเผย…” เมื่อเห็นว่าเรื่องจัดการเสร็จแล้วจึงเอ่ยปากถามขึ้น “เด็กเล็กขนาดนี้ ด้องคำสาปแบบนี้ได้อย่างไร”