ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 391 เหตุแห่งคำสาป
เผยซื่อจงตั้งสติกลับมาจากคำสาปบนตัวของเหลนถูกกำจัดไป เขาถอนหายใจยาว ราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ รอยย่นระหว่างคิ้วของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายชั้น “เฮ้อ! พูดถึงเรื่องนี้ ต้องเริ่มจากห้าสิบปีก่อน” เขามองอวิ๋นเจี่ยวทีหนึ่ง ก่อนจะอธิบาย “คำสาปบนตัวของเสี่ยวเฟิงไม่ได้มาจากคนอื่น หากแต่ได้รับการสืบทอดจากพ่อของเขา”
“สืบทอด!” หลินเย่ว์ตะลึง คำสาปสามารถสืบทอดได้เหรอ
“คำสาปสายเลือด?” อวิ๋นเจี่ยวพูดออกมา
“ที่แท้เรียกว่าคำสาปสายเลือดเหรอ!” เผยซื่อจงมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตกตะลึง “อันที่จริงเรื่องนี้เป็นความผิดของผม ทำให้ลูกหลานต้องเดือดร้อน ชีวิตเมื่อห้าสิบปีก่อนไม่สงบสุขเหมือนปัจจุบัน สังคมสมัยนั้นวุ่นวาย ผีมารปีศาจต่างออกมาปั่นป่วน เวลานั้นผมเพิ่งเรียนรู้วิชาเวท อายุน้อยมักจะทำเรื่องที่ไม่รอบคอบ ได้ยินว่าเมืองอี มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อหมู่บ้านเซียนจี้ มีปีศาจออกมาปั่นป่วน อีกทั้งกำลังมาก คนที่ฝึกฝนทางเต๋าส่วนใหญ่ล้วนตายที่นั่น ตอนนั้นลัทธิเต๋ารวบรวมคนกลุ่มหนึ่งเพื่อเดินทางไปจัดการ ตอนนั้นผมก็ตามไปด้วย”
“เมืองอี เมื่อห้าสิบปีก่อน...” หลินเย่ว์นึกบางอย่างขึ้นได้ เบิกตาโต “นายท่านเผยหมายถึงเรื่องผีร้ายดับหมู่บ้าน”
“ใช่ ที่นั่น!” เผยซื่อจงพยักหน้า “แต่ไม่ใช่ผี หากแต่เป็นมาร!”
“มาร!” หลินเย่ว์ตกตะลึง ตั้งแต่สร้างชาติมา บนโลกนี้ก็แทบไม่มีมารเหลืออยู่แล้ว
“ตอนที่พวกเราไปถึง ชาวบ้านกว่าร้อยล้วนถูกควักหัวใจ พวกเราตามสืบถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นปีศาจงูที่ฝึกฝนมาหลายร้อยปี”
“งั้น…ต่อมาล่ะ?” เกี่ยวอะไรกับคำสาป
“ปีศาจงูตัวนั้นมีกำลังมาก ตอนนั้นพวกเราไปกว่าหลายร้อยคนยังไม่อาจควบคุมมันได้ สุดท้ายต้องพยายามสุดชีวิตถึงจะฆ่ามันทิ้งสำเร็จ คนที่อยู่รอดกลับมานอกจากผมแล้ว มีเพียงสี่ห้าคน” เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นพลางถอนหายใจ “เพียงแต่พวกเราคิดไม่ถึงว่า ปีศาจงูนั้นแม้ตายก็ไม่ยอมปล่อยพวกเรา ก่อนตาย มันใช้พลังมารเฮือกสุดท้าย สาปแช่งทุกคนที่มีส่วนร่วมในการล้อมฆ่ามัน ไร้สิ้นลูกหลาน ไม่ตายดี”
“คำสาปนั้นเป็นฝีมือของปีศาจงู?” หลินเย่ว์ตะลึง
“ใช่!” เผยซื่อจงพยักหน้า “ตอนแรกพวกเราไม่รู้ว่ามันคือคำสาป คนที่อยู่รอดก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร คิดว่าปีศาจงูนั้นแค่พูดเท่านั้น แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่ปี บนตัวของลูกหลานพวกเราต่างปรากฏสัญลักษณ์นี้ อีกทั้งเมื่อมันปรากฏขึ้น จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสามปี พวกเราคิดหาวิธีมากมาย แต่ก็ไม่อาจยับยั้งได้”
สีหน้าของเขาโศกเศร้า ดวงตาของเขามืดมนลงไป แม้แต่น้ำเสียงก็สะอื้นขึ้นเล็กน้อย “พ่อของ
เผยหย่วนตายไปเพราะเหตุนี้! อีกทั้ง…” เขากำมือแน่น ราวกับพูดต่อไปไม่ได้ “ตอนแรก...คำสาปนี้จะปรากฏบนตัวของลูกหลานตระกูลเผยที่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ในไม่ช้า บนคนจำนวนมากปรากฏผนึกนี้ แม้แต่เสี่ยวเฟิงที่อายุสี่ขวบก็…”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กระแอมไอหนึ่งที เงยหน้ามองออกไปไกล “ต่อมาผมเพิ่งรู้ว่า ปีศาจงูนี้จงใจให้พวกเราเห็นญาติพี่น้องของตนเองตายไปต่อหน้าต่อตาทีละคน มันต้องการใช้สิ่งนี้แก้แค้นพวกเรา!”
ฟังจบ ทั้งสามคนเงียบไป วิธีนี้ของปีศาจงูร้ายกาจอย่างมาก จงใจไม่ลงคำสาปบนตัวของคนที่ฆ่ามัน แต่ลงบนตัวของคนที่พวกเขาให้ความสำคัญ อีกทั้งให้เขามองดูลูกหลานของตัวเองตายต่อหน้า
“แล้วจางฝานละ?” อวิ๋นเจี่ยวนึกถึงคนที่ตายไปอย่างกะทันหัน
“จางฝานเป็นคนของตระกูลจาง” เผยซื่อจงอธิบาย “ตอนนั้นนายท่านตระกูลจาง จางเฉิงหยงกับผมเข้าภูเขาฆ่าปีศาจงูด้วยกัน”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หมายความว่าคำสาปบนตัวของจางฝานได้รับการสืบทอดมาเหมือนกัน
“เช่นนี้…ถึงแม้อาจารย์อวิ๋นจะแก้คำสาปนั้นแล้ว แต่ก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาต้นตอได้” หลินเย่ว์เพิ่งตระหนักได้ว่าคำสาปนี้ปรากฏบนตัวของคนตระกูลเผย คลายคำสาปได้คนหนึ่ง ก็ยังมีคนต่อไป
สีหน้าของเผยซื่อจงยิ่งโศกเศร้า เขาพยักหน้า “ไม่รู้ว่าคำสาปจะปรากฏบนตัวของใครเป็นคนถัดไป”
“ไม่มีวิธีแก้ไขเหรอ” หลินเย่ว์ก่นด่าปีศาจงูในใจหลายรอบ ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยสีหน้าคาดหวัง
อวิ๋นเจี่ยวถูกเขามองจนชะงัก มุมปากกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบกลับไป “ส่งวิญญาณปีศาจงูนั้นให้ไปสู่สุคติก็ได้แล้ว” คำสาปนี้ก่อเกิดจากความแค้นของปีศาจงูที่มีต่อพวกเขาก่อนตาย เพียงแค่เข้ายมโลกและแม่น้ำหยิน ย่อมสามารถชำระล้างความแค้นบนตัว คำสาปนี้ย่อมหายไป
“การส่งวิญญาณไปสู่สุคติเป็นวิธีเดียว” เผยซื่อจงพยักหน้า แต่คิ้วของเขาขมวดมุ่น “ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยคิดจะเข้าไปส่งวิญญาณ แต่สถานที่ที่ปีศาจงูตายเป็นหุบเขาที่มีพลังหยินหนาแน่น อีกทั้งก่อนหน้าที่มันตาย มันฆ่าล้างคนทั้งหมู่บ้าน ปัจจุบันสถานที่แห่งนั้นกลายเป็นสถานที่รวมพลังหยิน แม้แต่เข้าไปยังยากลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตามหาตัวมัน ส่งวิญญาณมันไปสู่สุคติ”
“ยี่สิบปีก่อน ผมกับสหายหลายคนไปด้วยกัน ผนึกสถานที่แห่งนั้นไว้อย่างยากลำบาก ไม่ให้พลังหยินหลั่งไหลออกมาด้านนอกกระทบต่อคนอื่น” เขาส่ายหัว “เพียงแต่ผ่านไปเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าผนึกนั้นจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน อีกทั้งคนที่สามารถส่งวิญญาณไปสู่สุคตินับวันยิ่งน้อยลง พวกเราอายุมากแล้ว ร่างกายไม่เหมือนแต่ก่อน ถึงมีใจคิดจะส่งวิญญาณไปสู่สุคติก็ไม่อาจทำได้แล้ว”
“อาจารย์อวิ๋นสามารถส่งวิญญาณไปสู่สุคติได้!” หลินเย่ว์พูด
“อะไรนะ!” เผยซื่อจงมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตะลึง
“ผีร้ายที่จางฝานเลี้ยงเอาไว้ก่อนหน้านี้ อาจารย์อวิ๋นเป็นคนส่งมันไปสู่สุคติ” หลินเย่ว์อธิบาย
“ดีจริง!” สายตาที่เผยซื่อจงมองเธอลุกวาวมากยิ่งขึ้น “ไม่คิดว่าวิชาเวทของเธอจะลึกล้ำเพียงนี้ หากเป็นเช่นนี้ อาจจะทำได้…”
เขาลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์อวิ๋น! รบกวนคุณไปกับผมสักครั้ง สถานที่แห่งนั้นมีปัญหามากเกินไป ถึงจะไม่ทำเพื่อคลายคำสาป แต่พลังหยินบริเวณนั้นต้องจัดการ ถือว่าตาแก่อย่างผมขอร้อง”
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้พยักหน้าทันที หากแต่กวาดตามองเขา ก่อนจะมองหลินเย่ว์ที่ทำหน้าตื่นเต้น สักพักถึงตอบ “ขอฉันคิดดูก่อน!”
“อาจารย์อวิ๋น...” หลินเย่ว์ร้อนใจ คิดจะเกลี้ยกล่อม
“ไม่รีบ” เผยซื่อจงพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “เรื่องใหญ่เช่นนี้ต้องใช้เวลาในการคำนึงและเตรียมตัว วันนี้คุณช่วยเหลนของผมเอาไว้ แค่นี้ก็เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว เรื่องนี้ไม่รีบ”
หลินเย่ว์ถอนหายใจอย่างเสียดาย