ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 393 มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านภูเขา
“คุณไปทำไม เป็นตัวถ่วงเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเธอ แทงใจดำอย่างไม่ลังเล
“ฉัน…” ยายอวี้ผงะไป ก่อนจะตอบ “ฉัน…หากฉันไม่ตามเธอไป เธอถูกตาแก่ตระกูลเผยหลอกจะทำอย่างไร เจ้าหนู เธออายุน้อยไม่รู้ว่าตาแก่บนโลกนี้ร้ายกาจแค่ไหน สิบคนมีเลวเก้าคน อีกคนเลวเป็นพิเศษ”
“…” คนที่เคยตกทรัพย์อย่างคุณมีสิทธิ์อะไรไปว่าคนอื่น
เพียงแต่…
เธอกวาดตามองยายอวี้ขึ้นลง ทำไมเธอรู้สึกว่ายายอวี้มีอคติกับนายท่านตระกูลเผยอย่างประหลาด
“ครั้งนี้คุณไปไม่ได้!” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย “วันนั้นคุณก็ได้ยินแล้ว สถานที่นั้นอันตรายเกินไป อยู่บ้านเล่นไพ่นกกระจอกของคุณไป อย่าก่อกวน”
“ก็เพราะว่าอันตราย ฉันถึงให้เธอไปคนเดียวไม่ได้” ยายอวี้ทำท่าจะเกาะติดเธอไปตลอด “อีกอย่าง…ฉันไม่เล่นไพ่มานานแล้ว” ไม่จับตาดูเอาไว้ เจ้าหนูหายไปจะทำอย่างไร
อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ตัดสินใจจะพูดด้วยเหตุผลกับเธอ “คุณลองบอกมา คุณตามฉันไปมีประโยชน์อะไร จับผีได้หรือช่วยส่งไปสู่สุคติได้?” นอกจากเป็นตัวถ่วงแล้ว เธอนึกถึงประโยชน์อื่นไม่ออก
“ฉัน…” ยายอวี้ถูกสกัดไว้อีกครั้ง เธอมองไปรอบด้านอย่างร้อนใจ สุดท้ายชี้ไปยังกระดาษเหลืองบนโต๊ะ “ฉันช่วยวาดยันต์ได้ แต่ก่อนฉันก็เคยวาด ฝีมือวาดดีมาก”
“…” เกี่ยวอะไรกับฝีมือวาดดีมาก
ยายอวี้เดินตรงไปที่โต๊ะ หยิบพู่กันขึ้นมาวาด อีกทั้งท่าทางตั้งใจเป็นพิเศษ แม้แต่ท่าการจับพู่กันก็มีมาตรฐานกว่าเธอมาก
อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย วาดเป็นจริงเหรอ เธอลุกขึ้นมองไปทางนั้น เห็นเพียงอีกฝ่ายจรดปลายพู่กันอย่างคล่องแคล่วราวกับคุ้นเคยลายเส้นของยันต์ สักพักบนโต๊ะก็มียันต์ปรากฏขึ้นสี่ห้าใบ อีกทั้งแต่ละใบยังไม่เหมือนกัน
เธอมองยันต์เหล่านั้น พบว่านอกจากยันต์ป้องกันแล้ว ยังมียันต์ที่เธอไม่เคยวาด สิ่งที่น่าแปลกคือ เธอเพียงแค่กวาดตามองก็รู้ถึงประโยชน์ของยันต์เหล่านั้น ยันต์ระเบิด ยันต์เปลวเพลิง ยันต์สายฟ้า…
แต่ละใบวาดได้อย่างแม่นยำ ราวกับใช้อุปกรณ์พิเศษวัดและวาดออกมา เพียงแต่ด้านบนไม่มีพลังลมปราณ ยันต์เหลืองยังคงเป็นยันต์เหลือง ไม่มีฤทธิ์อะไรทั้งสิ้น
“เป็นอย่างไร เจ้าหนู?” ยายอวี้มองเธอด้วยสีหน้าได้ใจ “ฉันวาดได้ไม่เลวใช่ไหม! ฉันจะบอกอะไรให้ สิ่งเหล่านี้ฉันวาดเป็นตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้ว”
“คุณเคยเรียน?” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“เปล่า!” ยายอวี้ส่ายหัว “แต่ว่ายันต์หน้าตาก็คล้ายคลึงกันหมด ฉันวาดไปวาดมาก็วาดออกมาแล้ว”
“…” ที่แท้ก็วาดมั่ว?
วาดมั่วสามารถกลายเป็นยันต์ได้เหรอ เธอหยิบยันต์สีเหลืองบนโต๊ะขึ้นมา ทันใดนั้นพลังลมปราณถ่ายทอดเข้าไปผ่านฝ่ามือ นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่ยันต์สีเหลืองนั้นประกายแสงสีทองขึ้น ยันต์ทั้งใบกลายเป็นสีทองบริสุทธิ์ แม้แต่หมึกแดงด้านบนก็กลายเป็นคาถา ยันต์ทั้งใบราวกับมีชีวิต หลั่งไหลไปด้วยพลังลมปราณ
ยันต์…สำเร็จแล้ว! อีกทั้งยังเป็นยันต์สีทองระดับสูง!
“เอ๊ะ ทำไมถึงเปลี่ยนไปแล้ว” ยายอวี้เองก็ผงะ “อีกทั้งยังเป็นยันต์สีทอง เจ้าหนู เมื่อกี้เธอทำอะไร”
“…” เธอไม่ได้ทำอะไรแม้แต่น้อย เพียงแค่…ถ่ายทอดพลังลมปราณ?
“หรือไม่เจ้าหนู เธอลองอีกครั้ง ลองอีกหลายๆ ใบ!” ยายอวี้เร่งเร้าอย่างตื่นเต้น เธอหยิบยันต์บนโต๊ะขึ้นมาส่งให้อวิ๋นเจี่ยวทีละใบ
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด อีกทั้งรับมันมา จากนั้นใช้วิธีเมื่อสักครู่กระตุ้นพลังลมปราณ ทันใดนั้นยันต์วิเศษเปล่งประกายแสงสีทองอีกครั้ง ยันต์สีทองระดับสูงอีกหนึ่งใบ เธอลองทีละใบ จนกระทั่งยันต์ที่ยายอวี้วาดเอาไว้สิบกว่าใบจนหมด นอกจากสองใบสุดท้ายเป็นยันต์สีม่วงแล้ว ใบอื่นล้วนเป็นยันต์สีทอง
อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังยายอวี้ด้วยความประหลาดใจ ถามขึ้นอีกครั้ง “คุณไม่เคยเรียนมาก่อนจริงๆ ?” ยันต์เหล่านี้ถึงแม้จะเป็นยันต์ที่สำเร็จได้เนื่องจากพลังลมปราณของเธอ แต่คนที่วาดยันต์คือยายอวี้ ถึงแม้ยันต์อักขระจะดูง่าย แต่ด้านในประกอบไปด้วยห้าธาตุและกฎเกณฑ์หมุนเวียน การถ่ายทอดพลังลมปราณเป็นเรื่องที่ง่ายสุด หากไม่มีการวาดของเธอ ยันต์ไม่อาจสำเร็จได้ ถึงจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ไม่มีทางบังเอิญเป็นสิบกว่าใบ
“ไม่เคย!” เธอส่ายหัวอย่างมั่นใจ “ฉันเหมือนกับ…เป็นตั้งแต่เกิด” เธอไม่เคยเรียนมาก่อน อีกทั้งก่อนที่จะเห็นยันต์ที่อวิ๋นเจี่ยววาดออกมาเกิดผล เธอคิดมาตลอดว่ายันต์ป้องกันอะไรนั่นเป็นเพียงแค่ความสบายใจ
“…” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้สงสัยว่ายายอวี้จะหลอกเธอ เพียงแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้นับวันยิ่งแปลกประหลาดขึ้น ไม่เคยเรียนมาก่อนแต่วาดเป็น ทำไมเหมือนเธอเลย หรือว่าบนตัวของทุกคนล้วนมีวิญญาณอาจารย์มากฝีมือ เมื่อถึงเวลาจึงถ่ายทอดวิชาให้พวกเธอ
เธอวางยันต์ในมือลง ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวันก็หาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ จึงทำได้เพียงชี้ไปที่ยันต์ อธิบายให้เธอฟังว่าเป็นยันต์อะไร เพื่อให้เธอรู้ถึงประโยชน์ของยันต์แต่ละใบ หลีกเลี่ยงการใช้ผิดทำร้ายถูกตัวเอง
ตระกูลเผยปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว หลินเย่ว์จากไปไม่ถึงสองชั่วโมง ทางนั้นก็ส่งข่าวมาแล้ว ยืนยันว่าสามวันหลังจากนี้ออกเดินทางไปยังสถานที่รวมพลังหยิน อีกทั้งส่งคนมารับพวกเธอโดยเฉพาะ
เมื่อเทียบกับเมืองเอ เมืองอีที่ต้องไปในครั้งนี้มีระยะทางใกล้กว่ามาก คนของตระกูลเผยที่มารับพวกเธอส่งพวกเธอมายังสถานที่นัดหมาย เวลานี้อวิ๋นเจี่ยวถึงพบว่า ตระกูลเผยยังเรียกคนมาจำนวนไม่น้อย นอกจากนายท่านตระกูลเผย เผยซื่อจงแล้ว ยังมีชายชราที่อายุใกล้เคียงกับเขาอีกคน อีกทั้งแตกต่างไปจากหลินเย่ว์ พวกเขาแต่ละคนล้วนมีพลังลมปราณอยู่ในตัว เห็นได้ชัดว่ามีฝีมือจริง กวาดตามองไป ภายในโถงมีคนหลายสิบคนยืนอยู่
หันกลับมามองทางนี้มีเพียงอวิ๋นเจี่ยวและยายอวี้ที่ดื้อด้านจะตามมา
“อาจารย์อวิ๋น!” เมื่อเห็นพวกเธอมาถึง เผยซื่อจงรีบเดินเข้ามาต้อนรับ เขายิ้มอย่างเป็นมิตร “คุณมาแล้ว”
“นายท่านเผย!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า สีหน้ายังคงเคร่งขรึมไม่เปลี่ยนแปลง
ชายชราด้านข้างเผยซื่อจงเดินเข้ามา กวาดตามองเธอขึ้นลง “ตาเผย นี่คือคนที่นายบอกว่าสามารถส่งปีศาจงูไปสู่สุคติได้?” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ใช่ คือเธอ!” เผยซื่อจงพยักหน้า “ตาจาง ถึงแม้เธอจะอายุน้อย แต่วิชาของเธอไม่เลว คำสาปบนตัวของเสี่ยวเฟิงเธอเป็นคนช่วยคลายออก”
ทันทีที่สิ้นเสี่ยง ไม่เพียงแต่คนด้านข้าง คนทั้งกลุ่มต่างผงะไป ก่อนจะหันหน้ามามองอย่างพร้อมเพรียง
คิ้วของตาจางคนนั้นขมวดมุ่น สายตาที่มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวฉายแววพินิจ ก่อนจะพูดอย่างมีนัย “เธอเองเหรอ...” เขาอ้าปากเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด หากแต่เร่งเร้านายท่านเผย “เอาล่ะ ตาเผย ในเมื่อคนมาครบแล้วก็รีบออกเดินทางเถอะ”