ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 396 ฝูงผีล้อมโจมตี
เขาถลึงตาใส่เธออย่างโกรธเคือง ถึงแม้นายท่านเคยบอกว่านางคลายคำสาปนั้นได้ แต่ขับไล่คีแตกต่างจากการคลายคำสาป หากไม่ทันระวังอาจตายได้ ไม่รู้ว่าทำไมนายท่านเคยต้องพาเธอมาด้วย มีคนจำนวนมากที่ไม่พอใจ แต่เห็นแก่หน้าของนายท่านเคย ไม่ได้พูดเท่านั้น
อวิ๋นเจี่ยวได้รับค่าความเกลียดจากอีกฝ่ายอย่างประหลาด เธอจึงเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ในขณะที่กำลังจะถอยออกไปไกลกว่านี้ เธอหันหน้าไปพบว่าพลังหยินกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งตรงไปยังคนนั้น
“ระวัง!” เธอยื่นมือไปจับคนที่กำลังถลึงตาใส่ตนลากไปด้านหลัง
ชายวัยกลางคนไม่ทันตั้งตัว ถูกเธอดึงไปทางด้านหลังจนเกือบจะล้มลงไป “เธอทำอะ…” ในขณะที่เขากำลังระเบิดใส่ ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นจากข้างเท้า
หินบนพื้นดินกระจาย เคยให้เห็นรอยเล็กสีแดงเลือดห้านิ้ว ความลึกเท่าฝ่ามือ อยู่ในตำแหน่งที่ชายวัยกลางคนยืนเมื่อครู่
ชายวัยกลางคนเบิกตาโพลง สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าด้านหน้ามีพลังหยินสีดำกำลังรวมตัวเป็นรูปร่างบิดเบี้ยว
ทันใดนั้นเขายืนนิ่งอยู่กับที่ แขนขาอ่อนแรง ตอบสนองไม่ทัน ในขณะที่เงาคีนั้นกำลังจะพุ่งตรงเข้ามาอีกครั้ง โชคดีที่อวิ๋นเจี่ยวออกแรง ดึงเขามาทางด้านหลัง หลบพ้นขอบเขตการโจมตีของคีสาว
“ยังมีอีกตัว!” คนอื่นตั้งสติขึ้นมาได้ รีบเปลี่ยนตำแหน่งของชายวัยกลางคนนั้นลงมา ขังคีตัวที่ปรากฏขึ้นมาใหม่นี้ภายในเชือกวิเศษ
แต่แล้วไม่มีประโยชน์อันใด เชือกวิเศษจับคีร้ายหนึ่งตัวก็สุดความสามารถแล้ว ตอนนี้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัว คีร้ายนั้นแค่ออกแรงดิ้น เชือกหลายสิบเส้นนั้นขาดวิ่นไปทันที มันพุ่งตรงไปหาคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
นายท่านเคยโยนยันต์วิเศษออกไปอย่างทันเวลา ตามเสียงระเบิดดังขึ้น คีร้ายนั้นกลายเป็นพลังหยินลอยขึ้นมา แม้แต่อีกตัวก็เช่นเดียวกัน
“หายไปแล้ว?!” ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป เก็บอาวุธพร้อมกวาดตามองไปรอบด้านอย่างระวัง
อวิ๋นเจี่ยว “…” มองวิญญาณที่ลอยอยู่เหนืออากาศ ก่อนจะมองคู้คนที่ทำหน้าฉงน พวกเขา…มองไม่เห็นเหรอ
“พวกคุณตาบอดเหรอ!” ยายอวี้ร้อนใจ ชี้ไปกลางอากาศ “มันลอยอยู่ตรงนั้นไง ก้อนสีดำด้านบนนั้น!”
ทุกคนยังคงทำหน้าฉงน อวิ๋นเจี่ยวมองเธอด้วยความตะลึง
“เฮ้ย ลงมาแล้ว ทางซ้ายระวัง!” ยายอวี้ชี้ไปทางคีร้ายที่พุ่งลงมาทางซ้าย
นายท่านเคยโยนยันต์วิเศษออกไปตามทิศทางที่ยายอวี้ชี้อีกครั้งอย่างไม่ลังเล นาทีถัดมาได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น คีร้ายนั้นล้มลงกับพื้น พลังหยินบนตัวสลายไปบางส่วน
“ทุกคนระวัง!” นายท่านเคยเตือนเสียงดัง “มันไม่ใช่คีร้ายธรรมดา อีกทั้งมีสองตัว!”
“ไม่ได้มีแค่สองตัว!” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“อะไรนะ!” นายท่านเคยคงะ
อวิ๋นเจี่ยวไม่อธิบาย เธอเงยหน้ามองพลังหยินสีดำที่เข้าใกล้มากยิ่งขึ้น พูดเสียงดัง “ไม่มีเวลาแล้ว ทุกคนกลับเข้าวัด!”
“กลับไป?” คียังจับไม่ได้ เข้าวัดมีประโยชน์อะไร หากจะทำให้จับยากขึ้น ทุกคนลังเลเล็กน้อย แต่ชายวัยกลางคนที่ถูกอวิ๋นเจี่ยวดึงออกมารีบพุ่งตัวเข้าวัดอย่างเชื่อฟัง
“พวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว ไม่อยากตายรีบกลับมา!” อวิ๋นเจี่ยวเตือนอีกครั้ง ก่อนจะดึงยายอวี้เข้าวัดไป
นาทีถัดมามีเสียงร้องเจ็บปวดขึ้น บนตัวของเขาปรากฏรอยข่วนลึกเห็นกระดูก
ทุกคนสีหน้าซีดเคือด พวกเขาไม่เห็นว่าการโจมตีมาจากทิศทางใด แม้แต่ช่วยยังช่วยไม่ทัน อีกทั้งยังรู้สึกถึงพลังเย็นยะเยือกกำลังพุ่งตรงมาทางหมู่บ้าน
นายท่านเคยปรากฏลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา จึงรีบพูดขึ้น “กลับเข้าวัด!”
พูดจบก็หันหลังเดินเข้าไป คนอื่นพลางโยนยันต์วิเศษต้านคีร้ายที่มองไม่เห็นสองตัวเอาไว้ พลางวิ่งเข้าไปด้านใน
จนกระทั่งคนที่ได้รับบาดเจ็บถูกคนแบกกลับมา อวิ๋นเจี่ยวถึงได้ปิดยันต์ธาตุดินลงบนกรอบประตู เห็นเพียงแต่แสงสีขาวส่องสว่าง รอบด้านของวัดร้างมีเกราะป้องกันสีขาวปรากฏขึ้นปกคลุมวัดเอาไว้
ตามการปรากฏขึ้นของเกราะป้องกัน ทันใดนั้นดวงตาของทุกคนราวกับค่านการกรองอะไรบางอย่าง สิ่งที่มองไม่เห็นก่อนหน้านี้สามารถเห็นได้ชัดเจนในเวลานี้ โดยเฉพาะคีร้ายสองตัวที่อำพรางตัวอยู่เมื่อครู่ เวลานี้ปรากฏอยู่ห่างจากเกราะป้องกันสองฉื่อ เหมือนดั่งที่ยายอวี้พูด พวกมันกำลังลอยอยู่กลางอากาศราวสองสามฉื่อ จ้องมองพวกเขาด้วยใบหน้าน่ากลัว ราวกับอยากจะพุ่งเข้ามาแต่ก็ถูกดีดออกไป
สิ่งสำคัญไม่ใช่สองตัวนี้ หากแต่พลังหยินด้านหลังของพวกมันที่กำลังถาโถมเข้ามาราวกับเมฆดำ ภายในพลังหยินมีเงาคีที่นับไม่ถ้วน แต่ละตัวมีลักษณะน่ากลัวราวกับพร้อมกลืนกินคน
ปัง!
คนที่เข้ามาคนสุดท้ายขาอ่อนระทวย ล้มลงนั่งกับพื้น ทั้งร่างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“นี่ๆ” เขาพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ดวงตาแข็งทื่อ ทำไมถึงมีวิญญาณมากขนาดนี้ ที่นี่เป็นนรกบนดินเหรอ
หากพวกเขาช้าไปอีกสักพัก ไม่ ช้าไปอีกก้าวเดียว คงต้องถูกฝูงคีเหล่านี้กลืนกินเข้าไป ทันใดนั้น ใบหน้าของทุกคนล้วนซีดเคือด สีหน้าล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยต่อชีวิตของตนเอง
ในขณะที่ฝูงคีถาโถมเข้ามานั้น พวกมันก็ถูกแสงสีขาวต้านรั้งเอาไว้ ทำให้ต้องหยุดลงห่างจากแสงสีขาวสองเมตร ไม่อาจเข้าใกล้ได้
“อา…อาจารย์อวิ๋น แสงสีขาวนี้คือ…” นายท่านเคยทำหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะตั้งสติมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว
“ค่ายกลป้องกัน!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ
“ค่าย…ค่ายกล?!” คืออะไร ไม่เพียงแต่นายท่านเคย แม้แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างฉงน ค่ายกลอะไร วิชาเวทย์เต๋ามีสิ่งนี้ด้วยเหรอ
“ฉันวางเอาไว้ชั่วคราวก่อนหน้านี้ คลลัพธ์อาจไม่ดีมาก คงอยู่ได้ไม่นาน” อวิ๋นเจี่ยวพูดเสริม ค่ายกลระดับต่ำ อีกทั้งเธอไม่มีธงค่ายกล ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน
ทุกคนถึงได้กระจ่างว่าทำไมเธอถึงออกไปเดินวนอยู่ด้านนอกวัดร้าง ที่แท้ก็เพื่อวางสิ่งนี้ เวลานั้นภายในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความรู้สึกคิด โดยเฉพาะคนที่ต่อว่าเธอก่อนหน้านี้ หน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที
“คมก็ไม่คิดว่าสถานการณ์จะร้ายแรงเพียงนี้ ที่นี่มีพลังวิญญาณจำนวนมากมารวมตัว” นายท่านเคยทำหน้าเสียใจ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาเคยคาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีคีร้ายจำนวนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีจำนวนมากขนาดนี้ “คมคิดเอง เวลานี้คงทำได้เพียงรอฟ้าสว่าง ให้เหล่าวิญญาณสลายไป ถึงจะออกจากหมู่บ้านได้แล้ว”