ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 400 วิธีการตื่น
อวิ๋นเจี่ยวมองดูแสงสีทองบนตัวของงูดำที่มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งรูปร่างของมันดูศักดิสิทธิ์เป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวของมันเต็มไปด้วยพลังลมปราณ อีกทั้งมีแนวโน้มการกลายร่าง นี่ คือ…พลังแห่งความศรัทธา หากมันฝึกฝนต่อไป อาจกลายเป็นเทพได้
งูดำปรากฏตัวในหมู่บ้านบ่อยครั้งยิ่งขึ้น อีกทั้งไม่ได้ปรากฏตัวแค่ตอนกลางคืน แต่บางครั้งมันยังขดตัวอยู่บนคานของวัด ปรากฏตัวต่อหน้าชาวบ้าน เหล่าชาวบ้านก็ไม่กลัว เมื่อพวกเขา าเห็นก็ก้มลงกราบ
การอยู่ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายกลมกลืนอย่างมาก
อีกทั้งสถานการณ์ภายนอกหมู่บ้านสั่นคลอนขึ้นมา ชาวบ้านที่ออกจากหมู่บ้านได้ข่าวว่าจะมีกองทัพบุกเข้ามา ทันใดนั้นตื่นตระหนก จึงวิ่งไปขอเทพงูอีกครั้ง
ครานี้งูดำก็ตอบรับ มันผลักหินภูเขาลงมาอุดทางเอาไว้ ขัดขวางการเดินเข้ามาของกองทัพ หมู่บ้านยังคงดำเนินชีวิตแสนสบายของตนเอง มีเทพงูคุ้มครอง สถานที่แห่งนี้กลายเป็นโลกใน อุดมคติ แม้แต่ยุคสมัยที่ขาดแคลนอาหาร ก็ยังมีเทพงูไล่ต้อนสัตว์เล็กนานาชนิดเข้ามาในหมู่บ้าน ส่งอาหารให้ชาวบ้าน
ผ่านไปอีกหลายปี สถานการณ์ด้านนอกมั่นคงขึ้น ความศรัทธาของชาวบ้านต่อเทพงูถึงจุดสูงสุด พวกเขาเชื่อมั่นว่ามันคือเทพที่ทำได้ทุกสิ่ง
เวลานี้ ชายหนุ่มที่ออกไปด้านนอกนำข่าวหนึ่งกลับมา ทำลายความสงบของหมู่บ้านแห่งนี้
ทันทีที่อวิ๋นเจี่ยวเห็นชายหนุ่มคนนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา เหมือนดูละครไปได้ครึ่งเรื่อง เนื้อเรื่องกำลังดำเนินไปจนถึงจุดสูงสุด
เพียงแต่เธอจับตาดูงูดำอยู่ ไม่ได้สนใจอะไรอีกฝ่าย รู้เพียงว่าชายหนุ่มคนนั้นกลับมาในหมู่บ้านคืนแรก เขาก็แอบเดินทางไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน หลังจากออกมาเขาใช้สายตาแปลกป ประหลาดมองไปยังวัดเทพงูที่ตั้งตระหง่านในหมู่บ้าน
วันรุ่งขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านเรียกรวมชายหนุ่มแข็งแรงในหมู่บ้านจำนวนหนึ่ง เหมือนประชุมหารืออะไรบางอย่าง
จากนั้นวันที่สามในเวลากลางคืน ทั้งหมู่บ้านวุ่นวายขึ้นมา ตำหนักเทพงูไฟไหม้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน งูดำที่นอนหมอบอยู่บนคานตื่นขึ้นจากควัน หนีออกมาจากเปลวเพลิง
ในขณะที่มันกำลังหนีออกมา ก็ถูกกรงเหล็กที่ร่วงลงมาจากบนฟ้าขังเอาไว้ รอบด้านของกรงเต็มไปด้วยหนามแหลมทิ่มแทงตัวของมันจนเลือดอาบตัว มันคิดจะขัดขืนด้วยความโกรธ แต่พบว่ าพลังลมปราณบนตัวถูกสกัดเอาไว้ ขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
เวลานี้มันถึงพบว่าตำหนักเทพงูถูกแปะเต็มไปด้วยยันต์ ทำให้มันไม่อาจหดตัวให้เล็กลง มันเจ็บปวดอย่างมาก เลือดบนตัวไหลออกมามากขึ้น แต่มันกลับพบว่าชาวบ้านที่มันเคยพยายาม ปกป้องกำลังถือมีดวิ่งมาจากด้านนอก ท่าทางไร้ซึ่งความเคารพเหมือนแต่ก่อน ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความโลภ จ้องมองมันด้วยใบหน้าน่ากลัว คำพูดที่ไร้เยื่อใยยิ่งกว่ามีดคม!
“จับได้แล้ว ยันต์ที่อาหนิวเอามาจากด้านนอกใช้ได้จริงด้วย!”
“สัตว์ชั้นต่ำนี้กลายเป็นปีศาจแล้ว ถ้าไม่ใช้ยันต์ไม่อาจสะกดมันไว้ได้”
“นายพูดจริงใช่ไหม กินมันเข้าไป พวกเราจะกลายเป็นเทวดา! มีชีวิตอมตะ?”
“แน่นอน มันใกล้จะเป็นเซียนแล้ว ถ้าพวกเราไม่กินก็ไม่ทันแล้ว”
“รออะไรอยู่อีก ฉันก็อยากลองเป็นเทวดาบ้าง”
“เทพงู ท่านอย่าโทษพวกเรา แม่ผมอายุแปดสิบแล้ว! ถ้าไม่กินท่าน เธอก็จะจากพวกเราไปแล้ว ท่านถือว่าช่วยเหลือพวกข้าเถอะ”
“ถุ้ย! เทพงูอะไรกัน สัตว์ชั้นต่ำแค่นั้น เร็วเข้า ตอนที่มันยังขยับไม่ได้ พวกเรารีบแบ่งมันเสีย บอกก่อนว่าฉันจะเอาดีงู!”
“ฉันเอาเนื้อส่วนที่นุ่มที่สุดใต้ท้อง!”
“ฉันเอาหัวใจงู!”
“หนังงูก็อย่าสิ้นเปลือง”
“ ตัวใหญ่ขนาดนี้พอกินทั้งหมู่บ้าน!”
“…”
ชาวบ้านต่างคนต่างพูด ถกเถียงกันว่าจะแบ่งเนื้อของเทพงูที่พวกเขาเคยศรัทธาอย่างไรอย่างตื่นเต้น งูดำใช้แรงทั้งหมดในการดิ้นรน ความโกรธแค้น ความเกลียดชังและความเสียใจรวมกัน แต ต่มันก็ยังคงไม่อาจหลุดพ้นจากคำสาปนั้นได้ ทำได้เพียงมองดูฝูงคนที่มันเคยพยายามปกป้องผ่าท้อง แยกร่างของมันอย่างสิ้นหวัง เลือดสีแดงแสบตาย้อมไปทั่วหมู่บ้าน
งูดำที่ใกล้จะกลายร่างตัวนี้ตายอยู่ในมือของชาวบ้านอย่างเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ไม่มีใครรู้สึกผิด ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจนี้ มีแต่คนถกเถียงกันอย่างมีความสุขหลังจากกินเ เนื้อของเทพงู ไม่มีใครเห็นว่าภายในวัดงูที่ศักดิสิทธิมีพลังอาฆาตปรากฏขึ้น ร่างงูขนาดใหญ่กำลังก่อตัวขึ้น นี่คือ…กลายเป็นปีศาจ!
อวิ๋นเจี่ยวเข้าใจในที่สุดว่าดินแดนลวงนี้คืออะไร มันคือเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้ ชาวบ้านที่นี่สร้างเทพคุ้มครองขึ้นมากับมือ แต่พวกเขาก็ใช้วิธีที่โหดร้ายที่ สุดในการฆ่ามันกับมือ แบ่งเนื้อของมันจนหมดสิ้น
หากเธอเดาไม่ผิด ต่อมาวิญญาณของเทพงูตัวนี้จะกลายเป็นปีศาจ จากนั้นแก้แค้นชาวบ้าน พังทลายหมู่บ้านที่มันพยายามปกป้องเอาไว้ รวมไปถึงเหล่าคนที่ถูกบังคับให้แสดงเป็นชาวบ้านเหล ล่านั้น
อวิ๋นเจี่ยวร้อนใจ รีบหันหลังวิ่งไปทางบ้านของยายอวี้ ไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอจะตายอยู่ในดินแดนลวงแห่งนี้ ปล่อยให้เธอกินเนื้องูเหล่านั้นไม่ได้เด็ดขาด
เธอวิ่งอย่างรวดเร็ว แต่เวลาทางนี้กลับผ่านไปเร็วยิ่งกว่า ผู้คนที่กำลังฆ่างูดำอยู่เมื่อครู่แบ่งเนื้องูกันเสร็จสิ้น ต่างคนต่างหิ้วกลับบ้านแล้ว ฟ้าก็สว่างขึ้นแล้ว ตอนที่ อวิ๋นเจี่ยวหายายอวี้เจอ เธอกำลังจุดไฟหั่นเนื้อแล้ว
“ยายอวี้!” อวิ๋นเจี่ยวคิดจะดึงคนเอาไว้ แต่มือของเธอทะลุผ่านตัวของอีกฝ่ายไปอีกครั้ง สัมผัสไม่ถูกตัวเธอแม้แต่น้อย ทำได้เพียงพูดเตือนเธอเสียงดัง แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสี ยงของเธออย่างสิ้นเชิง หั่นเนื้องูด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นเหมือนชาวบ้านคนอื่น จากนั้นใส่ลงจานยกขึ้นโต๊ะ
พลางจัดวางถ้วยชามพลางพูดกับชายชราในบ้าน “ได้ยินว่ากินดิบได้ผลดีกว่า ตาแก่รีบมากิน พวกเราจะกลายเป็นเทวดาแล้ว”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! โชคดีที่อาหนิวนำข่าวนี้มาให้ ไม่อย่างนั้นหมู่บ้านเราจะมีเรื่องนี้แบบนี้ได้ยังไง” ชายชราสีหน้าตื่นเต้น คีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปาก กลืนกินลงไปอย่างใจร้ อน
“กินไม่ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะออกจากดินแดนลวงนี้ไม่ได้ตลอดกาล! คุณไม่ใช่คนที่นี่ รีบตื่นขึ้นมา!” อวิ๋นเจี่ยวยืนอยู่ด้านข้าง เธอพยายามใช้พลังลมปราณโจมตีเข้าไปที่ตะเกียบของ อีกฝ่าย แต่สัมผัสไม่ได้แม้แต่น้อย ภาพตรงหน้าเหมือนเป็นภาพลวงตา แม้แต่ร่างกายของพวกเธอก็กลายเป็นโปร่งใสขึ้นมา ดูท่าทางนอกจากเธอสัมผัสถึงปัญหาได้เอง มิฉะนั้นไร้ประโยชน์
ทำอย่างไรดี
มองดูเนื้อในมือของยายอวี้ที่กำลังจะส่งเข้าปาก อวิ๋นเจี่ยวร้อนใจ พูดโพล่งออกมา “ทำข้อสอบเสร็จหรือยัง”
“ยัง!” คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกพรวดขึ้น ตะเกียบในมือร่วงลงพื้นทันที เธอค้นหาบางอย่างด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “เร็วๆ! มีใครทำเสร็จแล้ว ยืมข้าลอกหน่อย!”
“…”