ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 401 ทำลายดินแดนลวง
ทำไมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้ง…ทำไมเธอถึงตะโกนประโยคนั้นออกไป
ยายอวี้หมุนไปหมุนมาเหมือนแมลงวันไร้หัว สักพักราวกับตั้งสติได้ เธอผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหันมองรอบด้าน จากนั้นหันมามองอวิ๋นเจี่ยว “เอ๊ะ? ที่นี่คือ…เจ้าหนู?”
“ตื่นเสียที!” อวิ๋นเจี่ยวโล่งใจ ก่อนจะลากคนเดินออกไปด้านนอก ครานี้อีกฝ่ายไม่ได้เป็นเพียงเงาเท่านั้นแล้ว “เร็วเข้า พวกเราไปวัดงู!”
“วัด…วัดงู?” ยายอวี้ทำหน้าฉงน
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว งูนั้นจะกลายเป็นปีศาจแล้ว เร็วเข้า!” อวิ๋นเจี่ยวลากคนออกจากบ้านไป แต่ในขณะที่ก้าวออกจากประตูบ้าน บริเวณรอบด้านมืดลงอย่างกะทันหัน
“เอ๊ะ ฟ้ามืดแล้วเหรอ” ยายอวี้สงสัย
“ไม่ทันแล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวผงะ เห็นเพียงทิศทางของวัดงูมีแสงสีแดงสว่างขึ้น ก่อนจะปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้านราวกับทะเลเพลิง กลางอากาศปรากฏดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่ง พลังสีดำพุ่งตรงลงมาจากบนท้องฟ้ามุดเข้าบ้านของชาวบ้าน ทันใดนั้นเสียงโหยหวนดังขึ้นทุกทิศทั่วทาง แต่ละบ้านล้วนเต็มไปด้วยเสียงโอดครวญ
มีคนวิ่งออกมาอย่างโซซัดโซเซ เห็นเพียงแต่บนตัวของพวกเขาพัวพันไปด้วยพลังสีดำ พลังสีดำเหล่านั้นเหมือนดั่งสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดเข้มข้น มันกัดกร่อนเลือดเนื้อของชาวบ้าน ไม่ถึงชั่วครู่ คนเป็นทั้งคนเละจนเป็นน้ำ สิ่งสำคัญคือคนนั้นไม่อาจตายไปทันที ทำได้เพียงมองดูเลือดเนื้อของตนเองละลายไป
“นี่…นี่คืออะไร” ยายอวี้ตกตะลึงอย่างมาก เหงื่อผุดออกมาในทันที
“พลังปีศาจ!” อวิ๋นเจี่ยวพูดอย่างมั่นใจ งูดำนั้นกลายเป็นปีศาจแล้ว อีกทั้งพลังปีศาจเหล่านี้แตกต่างจากทั่วไปอย่างมาก เหมือนจะร้ายกาจกว่า
“ฮะ?” ไม่ใช่มารเหรอ ทำไมถึงกลายเป็นปีศาจได้
เสียงกรีดร้องในหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พลังปีศาจกำลังจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ไม่เพียงแต่ชาวบ้าน แม้แต่คณะของนายท่านเผยที่ตามพวกเธอเข้ามาก็คงต้องสละชีวิต
“พวกเราต้องรีบหาเสาหลักของดินแดนลวงนี้ ทำลายดินแดนลวง” มิฉะนั้นคงไม่ทันการ
ยายอวี้มองไปรอบด้าน “แต่วุ่นวายขนาดนี้ เสาหลักจะอยู่ที่ไหน”
“น่าจะอยู่ที่วัดงู!” อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองส่วนลึกสุดในแสงสีแดง ทุกสิ่งเริ่มต้นจากตรงนั้น “พวกเราข้ามไปก่อน!”
“ได้!” ยายอวี้พยักหน้า ถึงแม้ภายในใจจะกลัวมาก แต่เธอเชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นเจี่ยวอย่างไร้เหตุผล
ทั้งสองคนเดินตรงไปยังวัด ระหว่างทางพบชาวบ้านที่ถูกกัดกร่อนจำนวนไม่น้อย พลังปีศาจเหล่านั้นพุ่งตรงมายังพวกเธอ ทั้งสองคนทำได้เพียงแปะยันต์ป้องกันไว้บนตัวถึงพุ่งตรงเข้าไปในวัดงูนั้นได้
วัดงูในเวลานี้มีความคล้ายคลึงกับวัดร้างที่พวกเธอพักผ่อนก่อนหน้านี้ บนพื้นยังคงมีร่องรอยเลือดงู ปะปนไปด้วยเกล็ดงูไหลนองอยู่เต็มพื้น โต๊ะบูชา เตาปักธูปล้มระเนระนาด อีกทั้งพลังปีศาจในสถานที่แห่งนี้เข้มข้นกว่าด้านนอกเสียอีก
พวกเขาแปะยันต์ป้องกันอีกสองใบเพื่อกีดกันพลังปีศาจเหล่านั้น
“วัดนี้ใหญ่ขนาดนี้ เสาหลักของดินแดนลวงคืออะไร” ยายอวี้มองไปรอบด้าน พูดอย่างร้อนใจ
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองไปภายในวัด สุดท้ายจับจ้องไปบนรูปปั้นเทพหัวงูตัวคนที่อยู่ตรงกลาง เธอจำได้ว่ารูปปั้นเทพเจ้าในวัดร้างไม่ได้สมบูรณ์ขนาดนี้ เมื่อมองดูอย่างละเอียด เธอก็พบพลังสีดำหลั่งไหลออกมาจากบนรูปปั้นนั้น “รูปปั้น! รูปปั้นเป็นเสาหลักของดินแดนลวง!”
ยายอวี้หันกลับไปมอง พบถึงความแตกต่างของรูปปั้น เธอหยิบไม้ขึ้นมาท่อนหนึ่งคิดจะทุบลงไป
“ใช้ยันต์ระเบิด!” อวิ๋นเจี่ยวพูด รูปปั้นใช้ไม้ทุบต้องทุบถึงเมื่อไหร่
ทั้งสองคนหยิบยันต์สีทองออกมา ในขณะที่จะติดลงบนรูปปั้น ทันใดนั้นพลังปีศาจพัดกระหน่ำขึ้น ดันคนทั้งสองออกไป ท่ามกลางพลังปีศาจปรากฏดวงตาสีแดง มันกำลังจ้องมองคนทั้งสองเขม็ง พลังปีศาจก่อตัวขึ้นเป็นลักษณะของงู
“เจ้า…เจ้าหนู!” ยายอวี้ตกใจ เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างวิตก อะไรกันเนี่ย
อวิ๋นเจี่ยวไม่คิดว่างูดำจะทิ้งชาวบ้านเหล่านั้นเอาไว้ เพื่อปรากฏตัวขัดขวางพวกเธอ แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดเธอก็กระจ่าง เรื่องในหมู่บ้านเป็นแค่ภาพลวงตา ไม่ว่ามันจะจับตาดูหรือไม่ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว แต่เธอกับยายอวี้เป็นสองคนที่ไม่ถูกควบคุมด้วยภาพลวง มันย่อมต้องมาขัดขวางพวกเธอเอาไว้ก่อน
ซึ่งหมายความว่างูดำที่นี่เป็นของจริง!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอจึงไม่ลังเลอีกต่อไป มือทั้งสองข้างติดผนึก คาถาหนึ่งมุ่งตรงไปยังอีกฝ่าย คาถาสีทองทะลุผ่านพลังปีศาจทีละชั้น มุ่งตรงไปยังงูดำ
โฮกก...
งูดำเปล่งเสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง ทันใดนั้นแม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน มันถูกยั่วยุให้โมโห ลำตัวกำยำของมันบิดไปมาอย่างบ้าคลั่ง พลังปีศาจหลั่งไหลออกมาโจมตีทั้งสองคน
อวิ๋นเจี่ยวยังคงผนึกด้วยความพยายาม เธอเรียกพลังลมปราณภายในร่างกาย คาถาแล้วคาถาเล่าถูกใช้ออกมา จากนั้นแอบวางค่ายกลอย่างลับๆ ถึงแม้งูดำนี้จะเป็นปีศาจแล้ว อีกทั้งความสามารถของมันร้ายกาจยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ แต่ไม่รู้ทำไม เธอมีความรู้สึกว่าตนเองเคยเผชิญหน้ากับเป้าหมายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้มาก
ตอนที่รับมือเธอไม่มีความตื่นตระหนก หรือความหวาดกลัวแต่อย่างใด คาถาแต่ละบทราวกับสลักอยู่ในกระดูก เพียงแค่นึกถึงก็จะปรากฏขึ้นมา เธอรู้สึกได้ว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่ปกติ แต่ก็นึกไม่ออกว่าตนเองเคยเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ บางที…เธออาจลืมอะไรบางอย่างไปจริงๆ
เธอเหม่อลอยไปชั่วขณะ แต่คาถาบนมือยังคงมั่นคงดุจดั่งภูผา สะกดงูดำที่กลายเป็นปีศาจเอาไว้อย่างแน่วแน่ ยายอวี้ที่อยู่ด้านหลังเธอมองดูอย่างกังวล อาศัยช่วงเวลาที่ทั้งสองปะทะกัน เธอหยิบยันต์ระเบิดในมือเดินขึ้นไปด้านหลัง ปีนป่ายขึ้นไปข้างรูปปั้นอย่างเงียบๆ “เจ้าหนู ฉันช่วย”
พูดจบเธอยกยันต์ระเบิดในมือขึ้นตบเข้าบนรูปปั้นหิน
“ตอนนี้อย่า…” อวิ๋นเจี่ยวตะลึง คิดจะห้ามแต่ก็ไม่ทัน ยันต์นั้นติดลงบนรูปปั้นไปแล้ว เสียงระเบิดดังขึ้น รูปปั้นหินระเบิดออกทันที
นาทีถัดมา ภาพรอบด้านเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ พลังปีศาจที่อบอวล ชาวบ้านที่ถูกกัดกร่อนสลายไป เสียงร้องโหยหวนหยุดลง กลายเป็นลักษณะที่เต็มไปด้วยต้นหญ้า วัดร้างที่พวกเขาอยู่ยิ่งเก่าและพัง กลายเป็นลักษณะเดียวกับตอนที่พวกเขาเดินทางเข้าหมู่บ้านมา
ดินแดนลวงถูกพังทลาย พวกเธอกลับมาอยู่ภายในวัดร้าง แต่งูดำตรงหน้ายังไม่สลายไป ไม่เพียงเท่านี้ รูปร่างของมันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งดูจับต้องได้มากขึ้น พลังปีศาจรอบตัวมันหนามากยิ่งขึ้น พุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้า! หากบอกว่าร่างเมื่อครู่ของมันเป็นเพียงปีศาจที่เพิ่งกำเนิด ร่างในเวลานี้ก็คือปีศาจที่ร้ายกาจที่สุด
“เอ๊ะ?” ยายอวี้ผงะไป ทำไมเป็นแบบนี้