ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 407 อัปลักษณ์แต่อยากงดงาม
“ชอบแล้วทำไม ชอบก็ต้องรับเป็นลูกบุญธรรมเหรอ” เขาถลึงตาใส่คนทั้งสอง “เจ้าหนูเป็นเจ้าหนูที่ดีที่สุด แต่ฉันไม่มีทางรับเป็นลูกบุญธรรม”
“ไม่ได้อยากรับเป็นลูกบุญธรรม…” เหลยไห่เฉาผงะ สักพักเขานึกบางอย่างขึ้นได้ เบิกตาโต สีหน้าแดงก่ำ พูดอย่างตะลึง “แม่ แม่ไม่ได้…ไม่อยากได้คุณอวิ๋น ให้…ให้ผมแต่งงานกับเธอ เป็นลูกสะใภ้หรอกนะ?!”
พู่…
ชายแก่แทบจะกระอักเลือดใส่หน้าเขา อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นประทับฝ่ามือลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย “แกอยากตายหรือ! แต่งงานกับเจ้าหนู แกฝันเหรอ! ไม่ส่องกระจกดูตัวเองว่าอายุเท่าไหร่ เจ้าหนูอายุเท่าไหร่ แกสมควรหรือ” แย่งคนกับอาจารย์ปู่ ซื่อไป๋จะถูกตีตายอยู่แล้ว พวกแกมีความกล้ามาก
“คุณย่า…” ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ เหลยอวี่ที่ขับรถอยู่พูดขึ้น “คุณย่าคงไม่ได้อยากให้เธอเป็นหลานสะใภ้หรอกนะ?” หมออวิ๋นเป็นคนดี หากคุณย่าต้องการ เขาก็…
เฮ้ย!
ชายแก่เกือบถีบเจ้าเด็กสองคนนี้ให้ตาย ทันใดนั้นก็มีความคิดที่จะทิ้งสองคนนี้รีบกลับไปชิงหยางขึ้นมา ลูกหลานที่โง่ขนาดนี้ มีประโยชน์อะไร!
“ถุย!” เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายกำลังขับรถอยู่ ชายแก่จึงทำได้เพียงกระโดดขึ้นมาประทับฝ่ามือให้คนด้านหน้าคนละรอย “พวกแกสองคนหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ฝันได้สวยหวาน! วันๆ ไม่ทำเรื่องที่มีประโยชน์ มัวแต่คิดเหลวไหลอะไร สภาพของพวกแกคู่ควรกับเจ้าหนูเหรอ ฉันจะเตือนพวกแกเอาไว้ อย่าได้แม้แต่จะคิด! ล้มเลิกความคิดชั่วร้ายของพวกแกอย่างเร็ว! เจ้าหนู…เธอมีแฟนอยู่แล้ว! ไม่มาถึงพวกแกอย่างแน่นอน!” อีกทั้งยังเป็นคนที่แตะต้องไม่ได้ด้วย
พ่อลูกทั้งสองลูบคลำใบหน้าที่ถูกตบจนแดง สีหน้าน้อยใจ ภายในใจยิ่งคิดไม่ตก เธอไม่มีความคิดนี้ แต่วิ่งไปอยู่บ้านคนอื่นทุกวัน ต้องการอะไรกันแน่
ชายแก่ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาลากคนทั้งสองบ่นไปตลอดทาง ล้มเลิกความคิดของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง
…
ชายแก่อยู่บ้านสองวัน นึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชาตินี้ อาจเป็นเพราะฟื้นคืนความทรงจำ เรื่องที่เกิดขึ้นในชาตินี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนฝันที่เลือนรางขึ้นมา
เขาครุ่นคิดอยู่สองวันก่อนจะตัดสินใจ กลับไปย่อมต้องกลับไป ยังไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่อาจารย์ปู่บอกไว้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพา เจ้าหนูกลับไป เขาเองก็อยากกลับไปชิงหยาง ถึงแม้จะเสียดายทางนี้ แต่ลูกชายและหลานชายโตแล้ว ไม่ต้องให้เขาเป็นห่วงอะไร ทางนี้จึงไม่มีอะไรน่าเสียดายแล้ว
เพียงแต่ต้องหาโอกาสบอกเรื่องนี้กับพวกเขา ส่วนเรื่องการเริ่มต้นฝึกฝนใหม่ต้องเริ่มต้นให้เร็ว เพราะมีเพียงเขาที่สามารถวาดยันต์ข้ามมิติ ส่งเจ้าหนูกลับไปอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นไป๋อวี้อยู่ตระกูลเหลยเพียงสองวัน ก็เก็บสัมภาระไปหาเจ้าหนูอีกครั้ง แน่นอนว่าสองวันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ข้อสอบที่ต้องทำ คาถาที่ต้องฝึกฝน เขาไม่ได้ละเลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพราะความเคยชินจากการฝึกฝน แต่เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นที่เขากลับมา อวิ๋นเจี่ยวก็ส่งเอกสารการฝึกฝนกองสูงเท่าคนมาให้เขาด้วย
ชายแก่จะทำอย่างไรได้ เขาเองก็สิ้นหวัง ฝึกฝนต่อหน้าเจ้าหนูกับฝึกฝนในตระกูลเหลยมีความแตกต่างอย่างไร ในดินแดนที่หาคนลอกข้อสอบยังไม่ได้นี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความแตกต่าง!
ในใจของชายแก่เต็มไปด้วยน้ำตา จากนั้นเขาก็วิ่งกลับไปหาอวิ๋นเจี่ยวอีกครั้ง อยู่ทางนี้อย่างน้อยเจอข้อสอบที่ทำไม่ได้ยังถามอาจารย์ได้ ถึงแม้จะถูกลงโทษให้คัดสิบรอบ แต่ก็ยังดีกว่าเว้นว่างไว้ จากนั้นถูกลงโทษให้คัดยี่สิบรอบ
อืม เป็นอีกวันที่ตั้งใจเรียน!
ส่วนสองวันนี้อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ได้อยู่ว่าง เธอคำนึงถึงความเร็วในการเรียนของชายแก่ อีกทั้งความแตกต่างของสองดินแดน อวิ๋นเจี่ยววางค่ายกลรวมพลังลมปราณหลายอันไว้ในบ้านเป็นการชั่วคราว ช่วยให้ชายแก่ดูดซับพลังลมปราณได้ง่ายยิ่งขึ้น
เมื่อเริ่มต้นวางค่ายกลอวิ๋นเจี่ยวถึงได้พบว่าทั้งสองดินแดนมีความแตกต่าง เมื่อเทียบกับโลกทางนั้นที่สามารถวางค่ายกลได้ทุกที่ โลกทางนี้ราวกับทำไม่ได้ ถึงแม้จะวางค่ายกลสำเร็จ แต่พลานุภาพไม่อาจเทียบเท่าหนึ่งในสิบของโลกทางนั้น ถึงแม้ค่ายกลรวมพลังลมปราณจะสามารถรวบรวมพลังลมปราณภายในรัศมีหลายสิบลี้ได้ แต่พลังลมปราณที่รวบรวมมานั้นเจือจางอย่างมาก ยังไม่อาจเทียบกับสถานที่ที่มีพลังลมปราณเจือจางที่สุดในสำนักเทียนซือได้
อวิ๋นเจี่ยวพอจะคาดเดาได้ อาจเป็นเพราะพลังลมปราณในดินแดนนี้เจือจางเกินไป ดังนั้นพลังลมปราณที่รวบรวมจึงมีจำกัด หากตามการฝึกฝนปกติ ชายแก่ยังไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะมีพลังเทียบเท่าแต่ก่อน
ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดวิธีการแก้ไข นายท่านเผยซื่อจงโทรมาพอดี
“ยันต์กำจัดปีศาจ?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไป นึกย้อนไปหลังจากที่กลับมาจากหมู่บ้านเล็กบนเขาครั้งนั้น เธอเคยกำชับไว้ว่า หากคนที่ได้รับบาดเจ็บเกิดอะไรขึ้น สามารถมาเอายันต์จากเธอได้ “เกิดอะไรขึ้น พลังปีศาจบนตัวคนเหล่านั้นกำจัดไม่หมดเหรอ” ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตอนที่ฝังเข็มเธอตรวจอย่างดีแล้ว
“อ่อ ไม่ใช่ครับ!” นายท่านเผยรีบพูด “อาการของพวกเขาแทบจะหายดีแล้ว เพียงแต่ผ่านเรื่องราวอันตรายแบบนั้นมา อยากจะขอเพื่อความสบายใจเท่านั้น ดังนั้นจึงให้ผมมาขอยันต์กับอาจารย์อวิ๋น”
“อืม วาดยันต์ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากมากขนาดนี้…” เสียงของอวิ๋นเจี่ยวต่ำลง ทันใดนั้นคิดหาวิธีจัดการพลังลมปราณเจือจางได้
“อาจารย์อวิ๋นวางใจ พวกเขาไม่ขอฟรี” นายท่านเผยรีบพูดเสริม “แค่เพียงอาจารย์อวิ๋นยอมวาด เงินไม่ใช่ปัญหา”
“ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน” แน่นอนว่าหากมีเธอก็ไม่ปฏิเสธ “วาดยันต์ต้องสิ้นเปลืองพลังลมปราณ โดยเฉพาะยันต์กำจัดปีศาจ แน่นอนว่าหากพวกคุณมีอาวุธวิเศษอะไรที่สามารถรวบรวมพลังลมปราณได้ ฉันสามารถวาดให้มากขึ้นหลายใบ” เธอจำได้ว่าตอนนั้นที่เดินทางไปตระกูลเผย พลังลมปราณในนั้นไม่เจือจางแม้แต่น้อย อีกทั้งภายในตระกูลมีอาวุธวิเศษสำหรับรวบรวมพลังลมปราณไม่น้อย
“อาวุธวิเศษพวกเรามีอยู่บ้าง แต่พลังลมปราณ…” นายท่านเผยผงะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความฉงน “อะไรคือพลังลมปราณ”
“…” ครานี้กลายเป็นอวิ๋นเจี่ยวที่ผงะไป พวกเขาไม่รู้จักพลังลมปราณ? พลังของเขามาจากไหนกัน
เธอรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง วิชาเวทในโลกนี้อาจมีความแตกต่างอย่างมากจากวิชาเวทที่เธอเข้าใจ หลังจากครุ่นคิด เธอก็เปลี่ยนความคิดไปทันที พูดขึ้น “อย่างนี้ ทางคุณคงจะมีหนังสือการฝึกฝนขั้นพื้นฐานอยู่บ้างใช่ไหม ฉันขอยืมสักสองสามเล่มได้ไหม”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” นายท่านเผยตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เพียงแต่ถามด้วยความประหลาดใจ “หนังสือเหล่านี้คนที่ฝึกฝนทางเต๋าล้วนมี เพียงแต่อาจารย์อวิ๋นมีวิชาแก่กล้าขนาดนี้แล้ว จะเอาหนังสือพื้นฐานเหล่านี้ไปทำไมกัน”