ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 408 ชักนำพลังอีกครั้ง
“สุดท้ายรับลูกศิษย์มาคนหนึ่ง เขาไม่เหมาะที่จะใช้วิธีที่ฉันฝึกฝน” อวิ๋นเจี่ยวหาเหตุผลมาอ้าง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” นายท่านเผยรับปากทันทีอย่างไม่ได้สงสัยอะไร จากนั้นขอบคุณเรื่องในวันนั้นอีกครั้งจึงวางสายไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็ได้รับพัสดุเร่งด่วนที่นายท่านเผยส่งมา เมื่อเปิดออกจึงพบว่าด้านในมีหนังสือหลายเล่ม เธอหยิบขึ้นมาดู พบว่าด้านบนเขียนเอาไว้ “วิชาเวทย์พื้นฐาน” “คัมภี ร์โจวอี้ปากั้ว” “คัมภีร์ห้าธาตุ”
ด้านหลังหนังสือยังมีกล่องหนึ่งใบพร้อมจดหมายหนึ่งฉบับ เธอเปิดกล่องออกมาดู พบว่าด้านในมีเครื่องหยกชิ้นหนึ่งวางอยู่ มีลักษณะคล้ายปลา ด้านบนมีพลังลมปราณแผ่ขยายออกมาเล็กน้ อย
เธอปิดจดหมายออกพร้อมกวาดตาดูเนื้อหา จดหมายนี้นายท่านเผยเป็นคนเขียนเอง ด้านในเขียนแนะนำหนังสือและเครื่องหยกนั้นเป็นสำคัญ เห็นได้ชัด ว่าหนังสือเหล่านั้นคือหนังสือพื้นฐาน นของดินแดนทางนี้ ส่วนเครื่องหยกที่แกะสลักไว้อย่างประณีตนี้คืออาวุธวิเศษที่นายท่านเผยพูดถึง
อวิ๋นเจี่ยวพลิกดูปลาตัวนั้นไปมาหลายรอบ คิดถึงอาวุธวิเศษของสำนักเทียนซือเหล่านั้น ถึงแม้จะเป็นการผลิตจำนวนมาก แต่อย่างน้อยก็สามารถพังทลายอาคารได้หลายหลัง แต่อาวุธวิเศษ ชิ้นนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่เหมือนอาวุธแม้แต่น้อย อีกทั้งเธอยังลองถ่ายทอดพลังลมปราณลงไป ปลาตัวนี้ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย เวลานี้เธอจึงมั่นในว่าสิ่งนี้เป็นเพียงเ เครื่องประดับ ไม่ใช่อาวุธวิเศษอย่างที่ว่า
อวิ๋นเจี่ยวระอาเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่านายท่านเผยไม่มีทางหลอกลวงเธอ เพราะเขายังต้องการขอยันต์อยู่! ดังนั้น…เขาคิดว่าสิ่งนี้คืออาวุธวิเศษจริงๆ?!
เธอวางเครื่องประดับรูปปลาในมือลง ก่อนจะหยิบหนังสือหลายเล่มขึ้นมาพลิกอ่าน ยิ่งอ่านเธอมีความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านคำแนะนำวัฒนธรรมเต๋า หนังสือเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข ข้องกับการฝึกฝน วิธีการชักนำพลังเข้าร่างกาย วิธีการเรียกพลังลมปราณออกมาใช้
เพียงแค่พูดถึงความเป็นมาของเต๋า การพัฒนาของเต๋า จนกระทั่งวัฒนธรรมเต๋าที่กระจายตัวในปัจจุบัน ไม่เหมือนหนังสือวิธีการฝึกฝน หากแต่เหมือนหนังสือประวัติศาสตร์ เธอขมวดคิ้ว ก่อนจ จะเปิดอีกเล่มขึ้นมา
เล่มนี้ไม่ได้พูดถึงประวัติศาสตร์เต๋าแล้ว หาแต่แนะนำว่าเต๋าคืออะไร คำศัพท์ที่ใช้ภาพในสวยงามและอ้อมค้อม อีกทั้งเนื้อหาในแต่ละหน้าทำให้คนอ่านอยากจะชื่นชมความสามารถในการ รเขียนของนักเขียน แต่เนื้อหาหลักนั้น…ไม่มีแม้แต่น้อย! คำชื่นชมมีมากมาย แต่เนื้อหาหลักไม่พูดถึง
หน้าของเธอดำทะมึน ก่อนจะพลิกดูเล่มต่อไป เล่มนี้พูดถึงเรื่องการฝึกฝนเล็กน้อย แต่วิธีการระบุไว้อย่างล่องลอย ใช่แล้ว ล่องลอย อีกทั้งเป็นการล่องลอยที่จับไม่ได้ สู้การใช้สาย ยตาสื่อสารกันยังไม่ได้ สัมผัสหนทางแห่งสวรรค์ ฝึกฝนให้ตรัสรู้ทางใจ หลอมรวมฟ้าดินอะไรต่างต่างนานา ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดเลื่อนลอย อีกทั้งเนื้อหาที่พูดถึงพลังแห่งห้าธาตุก็ กว้างเกินไป
อวิ๋นเจี่ยววางหนังสือลง ทันใดนั้นก็กระจ่างถึงระดับพลังของดินแดนทางนี้ พวกเขายังอยู่ในขั้นตอนที่กำลังคาดเดา ทดลองผิดทดลองถูกไปเรื่อย ไม่มีระบบการฝึกฝนที่ชัดเจน โดยเฉพาะค ความเข้าใจที่มีต่อพลังลมปราณ พวกเขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางเท่านั้น หากแต่ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ มิน่าตอนนั้นที่ไปกำจัดปีศาจงูในหมู่บ้าน พวกเขาถึงถลำเข้าไปในดินแดนลวงได้ง่ายด ดายเพียงนั้น
เธอมองไปยังเครื่องประดับรูปปลาตัวนั้นอีกครั้ง ตามความเข้าใจของพวกเขา สิ่งของที่มีพลังลมปราณประเภทนี้คงถือว่าเป็นอาวุธวิเศษแล้ว
อีกทั้งตามเนื้อหาในหนังสือพื้นฐานเหล่านี้ วิชาเต๋าที่ว่าแตกต่างจากวิชาเวทย์ที่เธอเรียนรู้จากอีกดินแดนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง วิชาเวทย์อาศัยการชักนำพลังลมปราณเข้าร่างกายเพื อฝึกฝน จากนั้นชำระล้างเส้นชีพจรภายในร่างกาย สุดท้ายฝึกฝนจนได้กระดูกแห่งเซียน เมื่อได้รับการยอมรับจากหนทางแห่งสวรรค์จึงได้บรรลุเป็นเทพ
แต่วิชาเต๋าของดินแดนนี้เหมือนจะใช้อีกวิธี พวกเขาไม่ได้ชักนำพลังลมปราณเข้าร่างกาย เธอพอจะเดาได้เพียงมีความเกี่ยวข้องกับการตรัสรู้ฟ้าดิน แต่วิธีที่ชัดเจน เธอไม่อาจรู้ได ด้จากหนังสือเหล่านี้
อวิ๋นเจี่ยวหยิบเครื่องประดับปลาตัวนั้นเดินไปยังตำแหน่งที่วางค่ายกลกลางห้อง จากนั้นชักนำพลังลมปราณที่อยู่ด้านในเข้าไปในค่ายกล นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่หินหยกที่สวยงามกลาย ยเป็นสีเทาอย่างช้าๆ
เธอวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบมีดด้ามเล็กขึ้นมา สลักค่ายกลชักนำพลังลมปราณไว้ด้านหลังหินหยก หินหยกนี้ถึงจะไม่มีพลังลมปราณแล้ว แต่มันสามารถดึงดูดพลังลมปราณได้ง่าย หาก กมีค่ายกลเสริมขึ้นไป บางทีอาจสามารถดูดซับพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากการฝึกฝนของชายแก่ เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นอาวุธวิเศษที่กึ่งสมบูรณ์แล้ว
อวิ๋นเจี่ยวทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ จึงปลุกคนที่ทำข้อสอบจนกระทั่งเกือบเช้าอยู่ห้องด้านข้างให้ตื่นขึ้นมา เริ่มต้นการฝึกฝนประจำวัน
ชายแก่ทำหน้าจะร้องไห้ เขาขัดขืนเล็กน้อย “ เจ้าหนู เจ้าไม่ได้บอกว่าดินแดนนี้มีพลังลมปราณเจือจางเกินไป ต้องเตรียมการหลายวันค่อยให้ข้าเริ่มฝึกฝนไม่ใช่เหรอ”
“เดิมเป็นเช่นนั้น แต่วันนี้นายท่านเผยส่งเครื่องหยกที่มีพลังลมปราณมาให้ พลังลมปราณภายในค่ายสมบูรณ์แล้ว สามารถช่วยเจ้าชักนำพลังเข้าร่างกายได้” เธอชี้ไปยังค่ายกลกลางห้อง ง
“อ่อ” ชายแก่มองค่ายกลกลางห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในค่ายกลอย่างคอตก
อวิ๋นเจี่ยวย้ำวิธีการชักนำพลังเข้าร่างกายกับเขาอีกครั้ง ก่อนจะบอกให้เขาเริ่มได้ จากนั้นนั่งลงบนโซฟา วางโน้ตบุ๊คไว้บนขา เริ่มออกข้อสอบชุดต่อไป
อืม หากจะบอกว่าสิ่งที่ทำให้เธอพึงพอใจที่สุดหลังจากกลับมาก็คือภายใต้เทคโนโลยีชั้นสูง ความเร็วในการออกข้อสอบเพิ่มขึ้นไม่น้อย ไม่ต้องใช้เวลานานมากในการพิมพ์ออกมา! บางทีหลัง งจากกลับไป สามารถให้เหล่าลูกศิษย์ที่ฝึกฝนด้านอาวุธของสำนักเทียนซือลองศึกษาทางนี้
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของการออกข้อสอบด้วยวิชาเวทย์ ทางชายแก่ก็หลับตาลง เริ่มต้นการชักนำพลังลมปราณภายในค่ายกลตามวิธีในความทรงจำ
อาจเป็นเพราะว่าร่างกายที่เปลี่ยนไป เริ่มแรกนั้นชายแก่ไม่คุ้นชินเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเขาก็พบว่าเส้นชีพจรของตนเองโล่งโปร่งอยากมาก หลังจากชักนำเข้าร่างกายก็หลอมรวมเข้ าภายในเส้นชีพจรอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เผชิญกับอุปสรรคแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับการฝึกฝนครั้งแรกในชิงหยาง ครั้งนี้ราบรื่นกว่าอย่างมาก
หลังจากพลังลมปราณเข้าร่างกาย ตัวของเขาเบาขึ้น ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นทำให้เขาเร่งการหมุนเวียนของพลังลมปราณตามสัญชาตญาณ จากนั้นใช้ดูดซับพลังลมปราณอย่างรวดเร็ว ตามพลังลมปร ราณที่มากขึ้น ร่างกายก็ผ่อนคลายลง อีกทั้งความเหน็ดเหนื่อยจากการนอนดึกของเมื่อคืนก็สลายไป วิชาเวทย์ที่เคยศึกษามาก็ปรากฏขึ้นในสมองอย่างชัดเจน ราวกับมีความรู้สึกกลับไปเม มื่อก่อน
ชายแก่ดูดซับพลังลมปราณอย่างต่อเนื่อง คนทั้งคนจมอยู่ในความมหัศจรรย์ที่ไม่เคยประสบมานาน จนกระทั่งเสียงร้อนใจของอวิ๋นเจี่ยวดังขึ้น “ชายแก่…ชายแก่! รีบหยุดลง!”
ตามมาด้วยพลังเย็นกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาที่ระหว่างคิ้ว ชายแก่ตกใจ ก่อนจะหยุดการชักนำพลังลมปราณเข้าร่างกาย ลืมตาขึ้นมา
“เจ้าหนู?” เขามองไปยังคนที่ทำหน้าเคร่งขรึมตรงหน้า ก่อนจะตกใจเมื่อกวาดตามองเห็นสภาพห้อง “เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น” ทำไมกลายเป็นแบบนี้
ห้องรับแขกที่สะอาดเป็นระเบียบก่อนหน้านี้เละเทะไม่เป็นท่า โต๊ะน้ำชา ตำรา เก้าอี้ล้วนกองอยู่บนพื้น แม้แต่โซฟาด้านข้างก็ล้มลงบนพื้น ทั้งห้องราวกับถูกพายุพัดผ่าน แม้แต่กำแ แพงก็ปรากฏรอยขีดข่วน