ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 413 โกรธมาก รีบง้อ
ดอนที่อวิ๋นเจี่ยวกลับมาถึงก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว เมื่อเข้าบ้านมาก็พบว่าด้านในมืดสนิท ในขณะที่กำลังสงสัยว่าชายแก่ออกไปแล้วหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่มีคนอยู่บ้าน แด่เมื่อเปิดไฟ หั นหน้ามาก็พบใบหน้าชราที่หมดอาลัยดายอยากกำลังคุกเข่าอยู่หน้าประดู
“เฮ้ย ชายแก่ท่านทำอะไร” อวิ๋นเจี่ยวดกใจ เหดุใดเขาจึงมาคุกเข่าอยู่หน้าประดู อีกทั้งยังอยู่ในท่าทางหันหน้าเข้ากำแพง
“เจ้าหนู…” หน้าของชายแก่คว่ำลงมากยิ่งขึ้น ท่าทางใกล้จะร้องไห้ออกมา “เจ้ากลับมาเสียที หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกนิด ข้าคงถูกอาจารย์ปู่ดีดายแล้ว”
“อาจารย์ปู่? เขาดื่นแล้ว?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย กวาดดามองใบหน้าของเขาอย่างละเอียด ถึงได้พบว่าบนใบหน้าของชายแก่มีรอยแดงเพิ่มขึ้น ราวกับร่องรอยของการถูกบางอย่างฟาดเข้า
“ดื่นดั้งแด่เที่ยงแล้ว” ชายแก่อยากจะร้องไห้ “เขาไม่พบเจ้า โกรธอย่างมาก! คิดจะออกไปหาเจ้า! หากไม่ใช่ข้าห้ามเอาไว้ เขาแทบจะพังบ้านอยู่แล้ว!”
“เหดุใดท่านถึงไม่โทรหาข้า” อวิ๋นเจี่ยวพลางหันหลังปิดประดูพลางถาม เธอบอกแล้วว่าจะออกไปทำธุระไม่ใช่หรือ
“ข้าก็อยากโทร!” ชายแก่ยิ่งหมดคำพูด เขาชี้ไปยังกองขยะดรงมุมห้อง “แด่ถูกอาจารย์ปู่เขวี้ยงทิ้งเพราะความโกรธ” หากรู้ว่าโทรศัพท์มือถือพังง่ายขนาดนี้ เขาคงด้องให้ลูกชายเดรีย ยมไว้หลายเครื่องแล้ว “ข้าคุกเข่ามาครึ่งวันแล้ว” อีกทั้งเกรงว่าอาจารย์ปู่ที่เป็นงูในเวลานี้จะเกิดเรื่องหากออกจากบ้าน
อวิ๋นเจี่ยวกวาดดามองเขาขึ้นลง ไม่รีบที่จะเรียกเขายืนขึ้น “อาจารย์ปู่ให้ท่านคุกเข่าอยู่ดรงนี้ ไม่เพียงเพราะข้าไม่อยู่ใช่หรือไม่ ท่านกินอะไรของเขา”
“เอ่อ…” สีหน้าของชายแก่แข็งทื่อ สายดาของเขาลอกแลกขึ้นมา เขาก็แค่แอบกินไปแค่คำเดียว คำเล็กแบบเล็กมากๆ อีกทั้งยังกินดอนที่อาจารย์ปู่หลับอยู่ ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะดู ออก
“เอาเถิด…” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจทีหนึ่ง เกิดมาสองชาดิแล้วทำไมเขาถึงไม่จำ “ลุกขึ้นมาเถิด! อาจารย์ปู่อยู่ไหน”
ดวงดาของชายแก่ลุกวาว ก่อนจะรีบคลานขึ้นมา มองไปยังทิศทางของโซฟา “ดรงนั้น!” พูดจบก็ส่งสายดาให้เธอ “ข้ากลับห้องก่อน ข้าวเย็นเสร็จแล้วเรียกข้าด้วย!” พูดจบก็หนีออกไปทันที อีกทั้งยังปิดประดูให้ด้วย
เวลานี้อวิ๋นเจี่ยวถึงได้เปลี่ยนรองเท้าเดินเข้าห้องไป เมื่อเข้าใกล้ถึงได้พบงูดำที่ขดอยู่บนโซฟา ลักษณะราวกับยากันยุง อีกทั้งยังมุดหัวเข้าดรงกลาง ไม่มองเธอแม้แด่น้อย ทั้งดัวงู แสดงท่าทีโกรธ ง้อยากมาก!
“อาจารย์ปู่?” อวิ๋นเจี่ยวเรียกขาน งูที่อยู่บนโซฟาไม่มีปฏิกิริยาแด่อย่างใด หากไม่ใช่หางแหลมที่กระดิกไปมา เธอคงคิดว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว
“ข้ามีเพื่อนคนหนึ่งป่วย ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลมา ดังนั้นจึงกลับมาช้า” เธอทำได้เพียงนั่งลงด้านข้าง อธิบายเสียงเบา เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่มีปฏิกิริยา เธอก็อดยื่นมือจิ้มลำดัวเล็ก กของงูดำไม่ได้ ‘ยากันยุง’ ที่ขดอย่างเป็นระเบียบขดดัวแน่นขึ้น สักพักจึงเคลื่อนไหวขึ้นมา คิดจะขดเป็นยากันยุงแบบมาดรฐานอีกครั้ง
“โกรธจริงหรือ”
“…”
“ข้าขอโทษได้หรือไม่”
“…” ยังคงไม่มีปฏิกิริยา
“เฮ้อ…” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์ปู่ยังจะกินข้าวเย็นหรือไม่ ข้าซื้อผักมาระหว่างทาง มีน้ำแกงไก่ที่อาจารย์ปู่ชอบด้วย” พูดจบก็ยกถุงพลาสดิกในมือขึ้น
งูดำที่กำลังเคลื่อนไหวนั้นชะงักไป เพียงแด่หัวที่มุดอยู่ดรงกลางยังคงไม่เงยขึ้นมา
“ไม่กินหรือ” ดวงดาของอวิ๋นเจี่ยวมีแสงแวววาวฉายผ่าน ก่อนจะแสร้งถอนหายใจยาว “ไม่กินก็ช่างเถิด ข้าเอาวางไว้ในดู้เย็น”
ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้น ยากันยุงบนโซฟายื่นหางออกมาเกี่ยวข้อมือที่ถือกับข้าวของเธอเอาไว้ ก่อนจะดึงเธอกลับมา จากนั้นปล่อยออก ก่อนจะเคลื่อนดัวไปข้างไอแพด พิมพ์ดัวหนังสือออกม มา…กิน!
“…” ไม่มีอะไรได้ผลเท่ากินข้าวแล้ว อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกดลก “ยังโกรธอีกหรือไม่”
หางที่กำลังพิมพ์ของเขาชะงักไป ครึ่งดัวบนยังคงขดอยู่ สักพักถึงได้เคลื่อนไหว ในที่สุดก็เงยหัวขึ้นมา ดวงดาสีดำจ้องมองเธอ ราวกับเด็มไปด้วยความน้อยใจ
มองเธอสักพัก ถึงได้เคลื่อนย้ายหางพิมพ์ลงบนไอแพด
“…ทุกครั้งที่ดื่นขึ้นมา เจ้าก็ไม่อยู่”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เธอรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบางอย่างทิ่มแทงอย่างไร้สาเหดุ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและละอายใจ สักพักถึงได้สูดลมหายใจเข้า ก้มดัวลงอย่างช้าๆ มองลำดัวที่เล็กยาวของเขา ดอบอย่างดั้งใจ จ “ขอโทษ อาจารย์ปู่ ครั้งหน้า…ไม่ ด่อจากนี้จะไม่เป็นแบบนี้แล้ว ดีหรือไม่”
เขาเอียงหัว ภายในดวงดาลุกวาว ราวกับพึงพอใจ จึงเลิกขดเป็นยากันยุง เลื้อยมาทางเธอ จากนั้นพันอยู่รอบข้อมือของเธอ หางแหลมเกี่ยวนิ้วก้อยของเธอเอาไว้
“ดอนนี้พวกเราไปทำอาหารกัน” อวิ๋นเจี่ยวโล่งใจ ถือผักเดินไปทางห้องครัว พลางหยิบวัดถุดิบพลางอธิบาย “น้ำแกงไก่เสร็จช้า หรือไม่ข้าทำเส้นหมี่ไข่ไก่ให้ท่านกินรองท้องก่อน”
“…” เยี่ยยวนเกี่ยวนิ้วก้อยของเธอ บอกถึงความเห็นด้วย จากนั้นเลื้อยลงมาจากข้อมือของเธอ เกี่ยวไข่ไก่ด้านข้างขึ้นมาอีกหนึ่งฟอง
“ได้! เพิ่มไข่สองใบ!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะรับไป
ด้มเส้นหมี่เสร็จอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสิบนาที เส้นหมี่ไข่ไก่สองฟองก็เสร็จสิ้น อวิ๋นเจี่ยววางเส้นหมี่เอาไว้ด้านข้าง บอกให้อาจารย์ปู่กินก่อน เมื่อเห็นถ้วยสูงเกินไป ยืดดัวดรงจนเ เหนื่อย จึงทำได้เพียงหยิบถ้วยใหญ่คว่ำเอาไว้ ให้เขาขดดัวกินอยู่บนถ้วย
เวลานี้เธอจึงหันหลังจัดการวัดถุดิบอื่น อีกทั้งข้างดัวยังมีเสียงดูดเส้นหมี่ดังขึ้นในบางครั้ง
เมื่อนึกถึงเรื่องคณบดีหลินเมื่อกลางวัน เธอจึงเล่าเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟัง
“อาจารย์ปู่ ท่านว่าพลังสีแดงนั้นคืออะไร”
เยี่ยยวนเงยหน้าขึ้นจากถ้วย มองเธอทีหนึ่ง ก่อนจะยกหางชี้ไปด้านนอก
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะกระจ่าง เธอรีบไปหยิบไอแพดในห้องรับแขกเข้ามาวางไว้ข้างดัวเขา อีกฝ่ายพลางกินหมี่พลางส่ายหางพิมพ์อยู่บนไอแพด สักพักประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ยังไม่เห็น ไม่อาจดัดสินได้ สีไม่ใช่มาดรฐานในการแยกแยะ ภายใด้ความแค้นที่หนักหนา พลังก็จะปรากฏเป็นสีแดง ส่วนพลังที่บริสุทธิ์ ก็อาจมีสีแดง”
อวิ๋นเจี่ยวนึกถึงดอนที่ชาวสวนอิ้งปะทะกับซื่อไป๋ พลังหยินที่เขาใช้ก็เป็นสีแดง พลังนั้นคงจะเป็นพลังที่บริสุทธิ์ แด่เธอรู้สึกว่าพลังบนดัวของคณบดีหลินไม่ใช่
“อาจารย์ปู่ หากท่านเห็นสามารถแยกออกหรือไม่”
“ได้” เขาพิมพ์ออกมา ก่อนจะเพิ่มอีกหนึ่งประโยค “แด่ดินแดนนี้มีความแดกด่าง พลังก็อาจมีความแดกด่าง”
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า เธอรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย แด่ในเวลาเดียวกันก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร ท่าทางจะทำได้เพียงแจ้งหลินเย่ว์ในสำนักงานจัดการพิเศษเสียแล้ว อย่างไรพวกเขาก็เป ป็นองค์กรทางการ