ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 414 พลังลมปราณสะท้อนกลับ
คณบดีหลินพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลกว่าครึ่งเดือน ร่างกายของเขาถึงหายดี หลังจากนั้นอวิ๋นเจี่ยวไปเยี่ยมอีกสองครั้ง พลังสีแดงแปลกประหลาดบนตัวของเขาหายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว อีกทั้ งไม่กลับมาอีก เธอเคยใช้ยันต์ติดตามเพื่อตามหาแหล่งที่มาของพลังเหล่านั้น แต่ก็ไร้ประโยชน์ สิ่งนั้นเหมือนปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแจ้งเรื่องนี้ต่อสำนักงานจัด ดการพิเศษ ให้พวกเขาไปสืบอย่างละเอียด จากนั้นจึงไม่ได้สนใจอีก
คนกลุ่มที่ขึ้นไปบนหมู่บ้านภูเขาในครั้งนั้นต่างส่งอาวุธวิเศษมาเพื่อแลกยันต์ อวิ๋นเจี่ยวดูอย่างละเอียด แต่พบว่าสิ่งที่ส่งมานั้นล้วนเหมือนกับสิ่งของที่นายท่านเผยส่งมา ส่วนใหญ ญ่เป็นหยก แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นวัตถุโบราณ หากแต่พลังลมปราณที่มีอยู่ด้านในไม่มาก เทียบกับหินวิเศษที่เอาไว้เก็บกักพลังลมปราณไม่ได้แม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเส้นชีพจรพลั งลมปราณ
แต่มีก็ดีกว่าไม่มี อวิ๋นเจี่ยววางค่ายกลชักนำพลังลมปราณอีกครั้ง นอกจากนี้มีอาจารย์ปู่อยู่ด้านข้างคอยชี้แนะเธอ ค่ายกลรวมพลังลมปราณในครั้งนี้จึงมีผลดีกว่าเดิมไม่น้อย อย่างน้อ อยพลังลมปราณที่รวมมามากกว่าครั้งที่แล้วสี่ถึงห้าเท่า
อีกทั้งยังมีพลังลมปราณที่ดึงออกมาจาก ‘อาวุธวิเศษ’ เหล่านั้น ค่ายกลในเวลานี้สามารถเทียบเท่ากับยอดเขาที่มีพลังลมปราณหนาแน่นที่สุดในสำนักเทียนซือได้แล้ว
“นี่คือยันต์ค่ายกล” อวิ๋นเจี่ยวยื่นยันต์ค่ายกลให้ชายแก่สองใบ กำชับ” หากเกิดปัญหาอะไร หรือว่าร่างกายรับไม่ไหว ใช้ยันต์นี้หยุดค่ายกล เข้าใจไหม”
“ได้!” ชายแก่พยักหน้า “เจ้าหนู เจ้าวางใจ แค่ชักนำพลังเข้าร่างกาย ข้าเคยทำมาก่อน ไม่เกิดเรื่องอย่างแน่นอน! อีกอย่าง ยังมีอาจารย์ปู่อยู่”
อวิ๋นเจี่ยวอยากกรอกตาขาว ท่านมั่นใจว่าสถานการณ์ของอาจารย์ปู่ในเวลานี้จะช่วยท่านได้?!
“เข้าไปเถิด!” อวิ๋นเจี่ยวโบกมือ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ชายแก่ถึงได้เดินสาวเท้าเข้าไป แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เขานั่งลง พลังลมปราณภายในค่ายกลก็เริ่มเคลื่อนไหว นาทีถัดมาราวกับถูกบางอย่างชักนำ เริ่มหลั่งไหลเข้าร่างกายของชายแก่ อย่างบ้าคลั่ง
ตอนแรกชายแก่ยังรู้สึกสบายอย่างมาก สักพักเริ่มดูดซับได้ยาก เหงื่อบนหน้าผากผุดออกมาไม่หยุด สีหน้าเริ่มแย่ลง ราวกับกำลังประสบเรื่องโศกเศร้าบางอย่าง
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี นาทีถัดมาชายแก่ก็กระอักเป็นเลือดออกมา
“ชายแก่!” อวิ๋นเจี่ยวตกใจ รีบพูดเตือนเสียงดัง “หยุดค่ายกลลงเร็ว!”
พลังลมปราณรอบด้านเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะแผ่ขยายไปรอบด้าน ชายแก่หยิบยันต์ค่ายกลออกมา เห็นเพียงแต่แสงสีขาวประกายขึ้น ค่ายกลจึงดับลง
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของพลังลมปราณไม่หยุดลงแม้แต่น้อย หากแต่ไร้การควบคุมของค่ายกล เริ่มแผ่ขยายไปรอบด้าน โต๊ะเก้าอี้ภายในห้องถูกซัดล้ม ส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ไฟบนหัวก็ร่วงลงมา กำแพงปรากฏรอยร้าวขึ้นทีละรอย ราวกับจะซัดให้กำแพงโดยรอบพังทลายลง
ไม่เพียงแต่ชายแก่ แม้แต่อวิ๋นเจี่ยวก็ตกใจ เธอไม่เคยเห็นพลังลมปราณเช่นนี้มาก่อน ในขณะที่กำลังจะร่ายคาถา งูดำที่พันอยู่รอบข้อมือของเธอพุ่งออกไปก่อน แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ค่ ายกลสีทองปรากฏขึ้นภายในห้อง พลังลมปราณที่ราวกับถูกบางอย่างชักนำ หลั่งไหลเข้าไปภายในค่ายกล จากนั้นรวมอยู่บนตัวของงูดำ
ระยะเวลาไม่ถึงห้านาที การเคลื่อนไหวภายในห้องก็หยุดลง พลังลมปราณก็หายไปจนหมดสิ้น
“อาจารย์ปู่…” อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ต่างผงะไป เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในขณะที่กำลังจะถาม พวกเธอก็เห็นงูดำบนพื้นบิดตัวไปมา ลำตัวพันราวกับกำลังจะผูกเป็นโบว์
“อาจารย์ปู่!” ทั้งสองคนตกตะลึง คิดจะเดินขึ้นหน้า แต่ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น
“อย่าเข้ามา!”
ทั้งสองคนตะลึง นี่คือ…เสียงของอาจารย์ปู่?!
เสียงนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความอดทน “ข้าอาจจะ…กลายร่างแล้ว”
“ฮะ…” หมายความว่าอย่างไร
ยังไม่รอพวกเขาครุ่นคิดอย่างละเอียด นาทีถัดมางูที่มีขนาดเท่านิ้วบนพื้นนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ลำตัวเล็กใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากใหญ่เท่านิ้ว จากนั้นใหญ่เท่าข้อมือ จา ากนั้นใหญ่เท่าแขน...สิบนาทีต่อมามีขนาดเท่าเอวแล้ว
ถึงแม้จะพยายามขดตัวเอาไว้ แต่ก็กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งห้องรับแขก ชายแก่และอวิ๋นเจี่ยวต่างกลืนน้ำลาย ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นอาจารย์ปู่ แต่เห็นงูตัวใหญ่ขนาดนี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าก็ยัง รู้สึกหวาดกลัว
โชคดีที่ลักษณะของงูใหญ่ไม่ได้อยู่นานมาก ตัวของงูถูกแสงสีทองปกคลุมเอาไว้ อีกทั้งยังสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ถึงชั่วครู่ก็สว่างจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ส่วนร่างกายยาวเล็กของอ อีกฝ่ายก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ปรากฏเป็นรูปร่างของคนอย่างเชื่องช้า
นาทีถัดมา งูใหญ่ใจกลางห้องหายไป ร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งสอง ยังคงเป็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ ผมสีดำแผ่สยายตกอยู่บนพื้น บนตัวไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม เผยให้เห็น หน้าอกที่แข็งแกร่งแต่ขาวจนแสบตา ล่างลงไปอีกคือกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แบ่งอย่างชัดเจน ลงไปด้านล่างอีกคือทั้งยาวทั้งดำ…หางงู!
“พลังลมปราณน้อยเกินไป ไม่อาจกลายร่างสมบูรณ์ได้” เขาขมวดคิ้ว ก้มหน้ามองหางงูด้านล่างอย่างรังเกียจ ก่อนจะเลื้อยไปทางอวิ๋นเจี่ยว จากนั้นโอบเอวของเธอเอาไว้ด้วยความเคยชิน หางที่ หนาขึ้นรัดไว้ที่ข้อเท้าขวาของเธอ
“…เจี่ยว” ในที่สุดก็กอดได้แล้ว
อวิ๋นเจี่ยว “…” ตกลงว่าท่านเป็นงูหรือหมี
“ใส่เสื้อผ้าก่อน!” อวิ๋นเจี่ยวรีบดึงผ้าห่มบนโซฟาขึ้นมาห่อตัวของเขาเอาไว้ จากนั้นจับเขานั่งลงบนโซฟา
“อาจารย์ปู่ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น”
เยี่ยยวนขมวดคิ้ว ยื่นมือออกมาจากใต้ผ้าห่มกอดเอวของเธอเอาไว้ ก่อนจะตอบ “ข้าดูดกลืนพลังลมปราณภายในค่ายกล ดังนั้นจึงกลายร่างครึ่งหนึ่ง”
“เรื่องนี้ข้ารู้” อวิ๋นเจี่ยวถามต่อ “แต่เหตุใดชายแก่ซึมซับพลังลมปราณเหล่านั้นไม่ได้ แต่อาจารย์ปู่ทำได้” สถานการณ์เมื่อสักครู่ คือปรากฏการณ์ที่ชายแก่ถูกพลังลมปราณสะท้อนกลับ ทั้งที่ครั้งก่อนที่ดูดซับพลังเข้าร่างกายมีสถานการณ์แตกต่างจากเวลานี้ ครั้งก่อนพลังลมปราณไม่เพียงพอ เหตุใดครานี้จึงถูกสะท้อนกลับ
เยี่ยยวนหันหน้าไปมองชายแก่ ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉย “เขาโง่!”
ชายแก่ “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่พูดออกมาโดยตรงเช่นนี้ น่าเจ็บใจเกินไปแล้ว!
“พลังลมปราณในดินแดนนี้แตกต่างจากที่อื่น” เขาพูดเสริมขึ้น “ไม่อาจซึมซับได้โดยตรง”
“เหตุใด” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ไม่เข้าใจความหมายของเขา
เยี่ยยวนครุ่นคิด ก่อนจะยกมือขึ้น ยื่นนิ้วจิ้มลงบนใจกลางหน้าผากของเธอเบาๆ พูดขึ้น “หลับตาลง ปล่อยจิตตามข้ามาดู”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ…