ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 418 การถามตอบตระกูลเผย
แตกต่างจากครั้งก่อนที่นอนพักหนึ่งคืนถึงได้พบนายท่านตระกูลเผย ครานี้อวิ๋นเจี่ยวนั่งลงได้ไม่นาน นายท่านตระกูลเผยก็เดินทางมาพบอย่างรีบร้อน
“อาจารย์อวิ๋น!” นายท่านตระกูลเผยพลางเดินพลางถาม “ทำไมคุณถึงได้มาอย่างกะทันหัน หรือว่าอาวุธวิเศษที่ส่งไปให้ครั้งก่อนมีปัญหา?” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล นอกจากเรื่องนี้แ แล้ว เขาไม่รู้ว่ามีเหตุผลอันใดที่พวกเธอเดินทางมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังใช้วิธีการแบบนั้น
ถึงแม้จะรู้ว่าหญิงสาวที่ชื่ออวิ๋นเจี่ยวแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แต่การใช้วิชาเวทย์ปรากฏตัวในบ้านของเขาอย่างกะทันหันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ! อย่างน้อยเขารู้ว่าภายใน นวิชาเต๋าที่เขารู้ไม่มีวิชาเวทย์เช่นนี้อยู่
“ไม่ใช่เรื่องของอาวุธวิเศษ ฉันมาเพื่ออีกเรื่อง!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว ไมได้พูดอะไรมาก เพียงแต่ยื่นซองเอกสารที่หลินเย่ว์มาให้เธอไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะพูดทีละคำ “ฉันคิดว่าคุณค คงมีความสนใจ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลจาง”
“ตระกูลจาง?!” มือที่ยื่นเข้ามารับเอกสารของเผยซื่อจงชะงัก ภายในดวงตาฉายแววฉงน ก่อนจะเปิดซองเอกสารออกอย่างรวดเร็ว อ่านเนื้อหาของเอกสารอย่างละเอียด ยิ่งอ่านสีหน้าของเขายิ่ง ดำลง คิ้วของเขาขมวดมุ่น สักพักจึงเงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นเจี่ยว “สิ่งเหล่านี้…”
“คนที่ป่วยหนักที่สุดคือหลินอวิ๋นผิง คณบดีของโรงพยาบาลที่ฉันเคยทำงาน” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย “โรคของเขา ฉันเป็นคนรักษา!”
“ที่แท้ก็เช่นนี้!” มิน่าเธอถึงได้สนใจเรื่องนี้ขึ้นมา เผยซื่อจงกระจ่าง ครุ่นคิดสักพักถึงได้หันไปพูดกับเผยหย่วนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไปบอกตระกูลจาง ให้ตาแก่จางเฉินหยงมาที่นี่ หลายปีนี้ตระกูลจางเหลวไหลมากขึ้นทุกวัน!” พูดจบก็หันไปพูดกับอวิ๋นเจี่ยว “อาจารย์อวิ๋นวางใจ เรื่องนี้พวกเราจะสืบให้ถึงที่สุด จับตัวคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายนี้ออกมาให้ได้”
“นายท่านเผยหมายความว่า…จะสืบเรื่องนี้กับตระกูลจาง?” อวิ๋นเจี่ยวหรี่ตาถาม
“เฮ้อ อาจารย์อวิ๋นอาจไม่รู้…” เผยซื่อจงอธิบาย “ถึงแม้ตระกูลจางกับตระกูลเผยจะฝึกฝนทางเต๋าเหมือนกัน แต่คนในตระกูลซับซ้อนกว่าตระกูลเผย สายเลือดที่แตกออกไปมีจำนวนมาก ถึงแม้จางเ เฉินหยงเป็นผู้ดูแลตระกูลจาง แต่สายเลือดโดยตรงของเขาทั้งสามรุ่นล้วนไม่มีผู้สืบทอดที่ดี ทำให้คนในตระกูลต่างคิดแตกแยก มีคนบางส่วนยิ่งกระทำการอย่างไม่เกรงกลัวอันใด หากจางเฉินหยง งอยู่ยังดี เกรงว่าหากเขาไม่อยู่…”
เผยซื่อจงส่ายหัว สีหน้าระอา “ผมไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับคุณ หลายปีนี้ ภายในตระกูลจางเกิดเรื่องวุ่นวายไม่น้อย พวกเราไม่ได้จัดการแทนพวกเขาเป็นครั้งแรกแล้ว”
“ดังนั้น เรื่องพวกนี้เป็นคนของตระกูลจางเป็นคนทำ?” อวิ๋นเจี่ยวถามต่อ
“เฮ้อ ถึงแม้จางเฉินหยงอยากจะควบคุมก็ไม่มีแรง! เขาไม่อาจเฝ้าจับตาดูคนด้านล่างได้อยู่ตลอดเวลา” เผยซื่อจงถอนหายใจอีกครั้ง ครุ่นคิดก่อนจะพูดเสริมขึ้น “เพียงแต่ล้วนเป็นคนในลัทธิเต ต๋า เมื่ออาจารย์อวิ๋นมาแล้ว เรื่องนี้ตระกูลเผยก็ไม่นิ่งดูดาย ย่อมต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด ส่วนผู้เสียหายเหล่านี้ พวกเขาขาดอะไร พวกเราก็ย่อมชดเชยให้อย่างสุดความสามารถ”
อวิ๋นเจี่ยวลูบคลำแก้วชาในมือ ใบหน้ายังคงแสดงความเคร่งขรึมไม่เปลี่ยนแปลง สักพักถึงพูดขึ้น “นายท่านเผยรู้สึกว่า เรื่องนี้นายท่านตระกูลจางไม่รู้เรื่อง?”
เผยซื่อจงผงะ ก่อนจะพยักหน้า “ย่อมแน่…”
“ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้น!” อวิ๋นเจี่ยวไม่รอเขาพูดจบก็ขัดขึ้นทันที “ตระกูลจางถือเป็นตระกูลโบราณทางเต๋า ตระกูลใหญ่เช่นนี้ หากมีคนที่ไปในทางเหลวไหลคนสองคนก็ย่อมเป็นได้ แต่อ อัตราการเกิดคนเลวในตระกูลจางมีมากไปหน่อยหรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เรื่องของจางฝานครั้งก่อนห่างจากเรื่องครั้งนี้เพียงไม่กี่เดือนเองใช่ไหม”
“นี่…” สีหน้าของเผยซื่อจงเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความลำบากใจ
“นายท่านจางจะไร้ความสามารถเพียงใด แต่อย่างน้อยก็เป็นผู้อาวุโสทางเต๋า” อวิ๋นเจี่ยวพูดต่อ “หากเขาไม่มีอำนาจควบคุมในตระกูลจาง ผู้อาวุโสเช่นนี้ก็คงน่าขำสิ้นดี ลูกหลานของตระกูลจ จางไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเพียงใด ถึงได้ก่อเรื่องขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า”
“อาจารย์อวิ๋น...” สีหน้าของเผยซื่อจงผงะไป ถึงแม้คำพูดจะฟังดูแย่ แต่ก็เป็นเหตุเป็นผล
“หรือว่า…” ดวงตาของอวิ๋นเจี่ยวหรี่ลง พูดด้วยความเคร่งขรึมกว่าเดิม “ทั้งที่เขารู้เรื่องเหล่านี้ แต่ก็ยังปล่อยปะละเลย อีกทั้งยัง…สนับสนุน?!”
“เป็นไปไม่ได้!” เผยซื่อจงตบขาด้วยความตกใจ บนใบหน้าปรากฏความขุ่นเคือง “อาจารย์อวิ๋น อย่างไรตระกูลจางก็เป็นตระกูลเต๋าแท้จริง ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางทำเรื่องทำร้ายคนด้วยความ มเจตนาอย่างแน่นอน”
“ไม่เจตนาเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“แน่นอน!” เผยซื่อจงพยักหน้าอย่างมั่นใจ ชี้ไปยังภาพถ่ายบนกองเอกสารนั้น “คนเหล่านี้ถูกพลังอาฆาตพัวพัน ถึงแม้ตระกูลจางจะมีความสามารถนี้ แต่พวกเขาฝึกฝนทางเต๋ารุ่นสู่รุ่น ไม่พูดถึ งเรื่องอื่น เขามีคนในทางขาวและดำ หากคิดจะจัดการกับคนที่ไม่รู้วิชาเต๋า เหตุใดจึงต้องใช้วิธีนี้ ทำให้ตนเองเป็นที่จับจ้อง” สำหรับตระกูลเต๋า เงินทองและอำนาจเป็นสิ่งที่ไม่ขา าดแคลน
“เรื่องนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่!” สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวไม่เปลี่ยนแปลง วิเคราะห์ต่อ “หากไม่จงใจปล่อยปะละเลย คนที่ฝึกฝนทางเต๋าอย่างพวกเขาเหตุใดจึงลงมือกับคนธรรมดา เป็นการแก้แค้น.. ..หรือต้องการได้อะไรจากบนตัวของพวกเขา”
“…” เผยซื่อจงผงะ
“หากเป็นการแก้แค้น คงจะบังเอิญมาก คนที่มีความแค้นกับตระกูลจางล้วนเป็นหมอทั้งหมด?” อวิ๋นเจี่ยวไม่สนใจเขา วิเคราะห์ต่อ “สิ่งสำคัญคือภายในคนเหล่านี้ นอกจากคนที่อายุมากที่สุดอ อย่างคณบดีหลินเกือบตายแล้ว คนอื่นเพียงแค่อ่อนเพลียพักฟื้นในโรงพยาบาลไม่กี่วัน แสดงว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะเอาชีวิตของพวกเขาตั้งแต่ต้น เช่นนั้นการแก้แค้นในครั้งนี้…น่าขำไปหน่อยหรือ อไม่” ระดับของการแก้แค้นควบคุมแม่นยำเกินไปหน่อยหรือไม่
“…” เผยซื่อจงพูดไม่ออก
“หากไม่ใช่การแก้แค้น แต่ทำไมถึงต้องเรียกหมอชื่อดังหลายคนเดินทางไกลไป ไหว้ครูศึกษาวิชาแพทย์เหรอ แบบที่เรียนจบปลูกพลั่วอาฆาตให้คนอื่น?”
“นี่…อาจารย์อวิ๋น...”
“หรือว่า อีกฝ่ายต้องการอะไรบางอย่างจากบนตัวของพวกเขาตั้งแต่แรก” อวิ๋นเจี่ยวหมุนแก้วในมือ “บนตัวของหมอธรรมดาจะมีอะไรดึงดูด และทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลจางอิจฉาตาร้อนกัน” ทันท ทีที่สิ้นเสียง เธอหันไปพูดกับเผยซื่อจงทีละคำ “นายท่านเผย บางทีคุณสามารถบอกฉันได้ว่ามันคืออะไร”
เผยซื่อจงสีหน้าผงะไป ก่อนจะแปรเปลี่ยนไปหลายครั้ง ถึงได้ยกมุมปากที่แข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย “เรื่องนี้…ย่อมต้องสืบต่อไป…ถึงจะรู้ได้”
อวิ๋นเจี่ยวไม่พูด เพียงแต่สายตาที่มองไปยังอีกฝ่ายยิ่งเคร่งขรึม เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงดื่มชาพลางยิ้มด้วยความเกรงใจ สักพักถึงได้ถอนหายใจ เงยหน้ามองไปยังเผยหย่วนที่อยู่ด้านหลัง ถามขึ้นอย่างไร้เหตุผล
“จริงสิ ทำไมไม่เห็นเด็กที่ชื่อเผยเฟิงเมื่อครั้งก่อน”
เคร้ง…!
มือของเผยซื่อจงสั่นเทา แก้วชาในมือร่วงหล่นลงพื้น น้ำชาหกเต็มพื้น