ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 419 คุณพ่อผู้หลอกลวงพ่อ
เผยซื่อจงมือสั่นเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มฝืนขึ้นมา “เฮอะ…เด็กยังเล็กอยู่ อยู่ว่างไม่ได้ เวลานี้คงไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง ดังนั้นจึงไม่ได้มาพบอาจารย์อวิ๋น”
“อย่างนั้นเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าไม่เปลี่ยน ก้มหน้ามองแก้วน้ำชาที่แตกละเอียดบนพื้น พูดขึ้น “วันนี้ฉันมาพอดี หรือไม่ให้ฉันตรวจอาการของเขาอีกรอบ อย่างน้อยเขาก็ถือเป็นคนไข ข้ของฉัน ควรจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด จริงไหม”
“อาจารย์อวิ๋น…เกรงใจแล้ว” เผยซื่อจงยิ้มแข็งมากยิ่งขึ้น พูดพลางส่ายหัว “แต่ว่าไม่ต้องหรอก! อาการของเสี่ยวเฟิงหายดีแล้ว ไม่ต้องรบกวนอาจารย์อวิ๋นเสียเวลา”
“ไม่รบกวน ตรวจอาการเร็วมาก”
เผยซื่อจงยังคิดจะปฏิเสธ เผยหย่วนที่ยืนอยู่ด้านหลังร้อนใจ เขาเดินขึ้นหน้าด้วยความตื่นเต้น “คุณปู่ หรือไม่…”
เผยซื่อจงไม่รอเขาพูดจบก็หันไปถลึงตาใส่อีกฝ่าย เหมือนต้องการขัดขวางอะไรบางอย่าง
แต่เผยหย่วนไม่คิดจะหยุดแม้แต่น้อย อีกทั้งเปลี่ยนท่าทีจากยืนเป็นฉากหลังอย่างมีมารยาทพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “คุณปู่! อาการของเสี่ยวเฟิงในเวลานี้ หากว่า…เธอสามารถรักษาได้จริง…”
“หุบปาก!” เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเผยซื่อจงห้ามไว้เสียงดัง “พูดจาเหลวไหลอะไรกัน เสี่ยวเฟิงไม่เป็นอะไรแน่”
เผยหย่วนถึงได้ปิดปากลง แต่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์การคาดเดาภายในใจของอวิ๋นเจี่ยวแล้ว
“ท่าทาง เหลนของนายท่านเผยจะฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก!”
“…” สีหน้าของเผยซื่อจงแย่ลงกว่าเดิม แต่ก็ยังคงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนั้นคุณเป็นคนรักษา…”
“ให้ฉันลองทายดู” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัดเขา ชิงพูดขึ้นก่อน “เด็กคนนั้น เวลานี้เส้นชีพจรทั่วทั้งร่างกายไหลย้อนกลับ อีกทั้งยังมีอาการกระอักเลือดและชัก แขนขามีเส้นเลือดปูดโปน เ เผยให้เห็นสีดำม่วงแปลกประหลาด อีกทั้งยังนอนสลบ หายใจไม่ราบรื่น” มันคืออาการของพลังลมปราณสะท้อนกลับ
“คุณรู้ได้อย่างไร” ไม่รอเผยซื่อจงตอบ เผยหย่วนตกตะลึง ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ เป็นแบบนี้ อาการของเสี่ยวเฟิงในเวลานี้เป็นแบบนั้น! เป็นเพราะหลายวันก่อนเขา…”
“เผยหย่วน!” สีหน้าของเผยซื่อจงเปลี่ยนไป เขาตบโต๊ะลุกขึ้นยืนด้วยความรีบร้อน อีกทั้งยังหยิบแก้วน้ำชาของอวิ๋นเจี่ยวจากบนโต๊ะขึ้นมาอย่างไม่สนใจมารยาท ก่อนจะขว้างไปหาอีกฝ่าย ยอย่างแรง เศษแก้วถูกใบหน้าของอีกฝ่ายจนเกิดแผล เขาชี้ไปยังเผยหย่วนก่อนจะสั่งสอนขึ้นมา “ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันสอนแกแบบนี้หรือ? อดทนเอาไว้ไม่ได้ ต่อไปจะดูแลตระกูลเผยได้อย่าง งไร”
“คุณปู่…” เผยหย่วนคุกเข่าลงไปอย่างไม่สนใจสิ่งอื่น สีหน้าร้อนใจเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่าง
“ยังไม่ออกไปอีก!” เผยซื่อจงสายตาดุดัน ไล่คนออกไป
เผยหย่วนจึงทำได้เพียงก้มหน้า แสงในดวงตามืดมนลงไป เผยให้เห็นความสิ้นหวัง
“นายท่านเผยทำอะไร” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น “ไม่ต้องรีบไล่คุณเผยออกไปขนาดนี้ไหม”
“ลูกหลานไม่เอาไหน ทำให้อาจารย์อวิ๋นต้องมาเห็นเรื่องตลก” เผยซื่อจงหันมายิ้มอย่างเก้อเขิน ยังคงคิดจะปิดบัง “อาจารย์อวิ๋นอย่าฟังเขาพูดเหลวไหล อันที่จริงเสี่ยวเฟิงดีขึ้นมากแล้ว”
“คุณเผยเป็นห่วงลูกชายของตนเอง จะเป็นเรื่องตลกได้อย่างไร” อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังเผยหย่วน พูดด้วยความเคร่งขรึมเหมือนเดิม “สู้ให้เขาพูดให้จบ ไม่แน่ว่าฉันอาจช่วยได้”
“จริงเหรอครับ” เผยหย่วนที่กำลังจะลุกขึ้น ดวงตาลุกวาวเป็นประกาย เขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“เผยหย่วน...” เผยซื่อจงขานเรียกเขาอีกครั้ง น้ำเสียงดุมากยิ่งขึ้น พูดอย่างมีนัยยะ “อย่าลืมว่าแกเป็นมือหนึ่งของตระกูลเผย!”
“แต่เสี่ยวเฟิงก็เป็นลูก!” เผยหย่วนอารมณ์เดือดมากยิ่งขึ้น เขาไม่สนใจคำพูดที่มีน้ำเสียงเตือนของเผยซื่อจง ราวกับคนจมน้ำที่จับขอนไม้ได้ เขาคุกเข่าเดินหน้าสองก้าว มองตรงไปยัง อวิ๋นเจี่ยว “อาจารย์อวิ๋น คุณช่วยเสี่ยวเฟิงได้ใช่ไหม คุณเคยช่วยเขาครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็ต้องได้ ผมขอร้อง คุณช่วยเขาหน่อย! ผมมีแค่ลูกคนเดียว เขาอายุแค่สี่ขวบ…”
“เผยหย่วน!” เผยซื่อจงราวกับไม่มีวิธี ทำได้เพียงถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธเคือง “ฉันบอกแล้วว่าโรคของเสี่ยวเฟิงฉันมีวิธี เพียงแต่เวลายังมาไม่ถึง ไม่ต้องลำบากอาจารย์อวิ๋น แกรีบอะไร ร”
“แต่เสี่ยวเฟิงรอไม่ไหวแล้ว!” เผยหย่วนพูดอย่างเร่งรีบ “เมื่อคืนเขาช็อกไปสองครั้งแล้ว ตอนนั้นคุณพ่อจากไปแบบนี้เหมือนกัน หากหาไม่ได้…”
“หุบปาก...” เผยซื่อจงแทบจะตะโกนออกมา ราวกับต้องการยับยั้งบางอย่าง
อวิ๋นเจี่ยวตบโต๊ะอย่างกะทันหัน เกิดเสียงดังปัง ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทำให้คนทั้งสองตกใจ
เธอพูดต่อจากประโยคของเผยหย่วน “หากหาคุณงามความดีที่เหมาะสม…ย้ายมาบนตัวของเสี่ยวเฟิงไม่ได้ เช่นนั้นเขาจะถูกพลังลมปราณภายในร่างกายสะท้อนกลับจนตาย คุณจะพูดเรื่องนี้ใช่ไหม ม” เธอมองไปที่นายท่านตระกูลเผย ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “นายท่านเผย! ฉันพูดถูกไหม”
“…” ทันทีที่สิ้นเสียง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่เพียงแต่นายท่านตระกูลเผย แม้แต่เผยหย่วนก็ทำท่าทางตกตะลึง
ชายแก่ก็มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่โมโหขึ้นมาอย่างฉงน
เอ๊ะ? หมายความว่าอย่างไร เหตุใดจึงพูดถึงเรื่องคุณงามความดี
“ทำไมคุณถึง…” นายท่านตระกูลเผยพูดออกมา ก่อนจะหยุดเอาไว้
“ทำไมถึงรู้เหรอ” อวิ๋นเจี่ยวเข้าใจความหมายของเขา เธอกวาดตามองปู่หลานตระกูลเผย ก่อนจะพูดขึ้น “นายท่านเผยเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้คุณบอกว่าหมอที่ถูกตระกูลจางทำร้ ายเหล่านั้น เป็นเพราะขาดบางอย่างไปจึงกลายเป็นเช่นนั้น พูดตามตรง ก่อนที่จะมาที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาล้มป่วยเพราะพลังอาฆาต” พลังสีแดงเหล่านั้น แม้แต่เธอยังดูไม่ออกว่าเป็นพล ลังอาฆาต!
“…” เผยซื่อจงผงะ เขาไม่รู้ว่าตนเองพูดตั้งแต่เมื่อใด
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่เข้าใจว่าบนตัวของหมอจะมีอะไรคุณค่าแก่การอิจฉาของตระกูลจาง!” อวิ๋นเจี่ยวยังคงพูดต่อ “ต่อมาถึงได้รู้ว่า เป็นเพราะอาชีพของพวกเขาที่ช่วยเหลือคนเจ็บคนตาย โดย ยเฉพาะหมอชื่อดังเหล่านี้ อย่างน้อยทำงานมาเป็นสิบกว่าปี ชีวิตที่เคยช่วยเหลือมากจนพวกเขาก็จำไม่ได้ เรื่องนี้อาจไม่สำคัญกับคนธรรมดา แต่สำหรับตระกูลจาง พวกเขาเป็นผู้มีคุณงามควา ามดีที่โดดเด่นที่สุด!” ถึงแม้การช่วยเหลือคนไม่ใช่คุณงามความดีอันยิ่งใหญ่อะไร แต่ใช่ว่าจะไม่มี
เผยซื่อจงก้มหน้าลง ภายในดวงตาฉายแววซับซ้อนและตื่นตระหนก
“พลังของพวกคุณใช้คุณงามความดีจำนวนมากในการพัฒนาสินะ” เธอกวาดตามองนายท่านตระกูลเผย ไม่มีคุณงามความดี พลังลมปราณเหล่านั้นจะสะท้อนกลับ “แต่คนเพียงหนึ่งคนทำเรื่องดีมากเพียงใด ค คุณงามความดีที่ได้รับก็ย่อมมีจำกัด อีกทั้งเวลานี้สังคมมั่นคง ไม่มีการจลาจลอะไร โอกาสที่จะได้รับคุณงามความดีจำนวนมากจึงไม่มี ดังนั้นตระกูลจางจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา สะสมเล็กน้อยจนกลา ายเป็นจำนวนมาก”
คุณงามความดีของหนึ่งคนมีน้อย แต่หากมีคนจำนวนมากรวมกันก็ย่อมมีจำนวนมาก