ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 422 การคัดเลือกอาจารย์
สำนักเทียนซือที่อยู่อีกด้าน
“ฮัดชิ่ว!” ซื่อไป๋ที่เพิ่งเดินออกมาจากค่ายกลขนส่งจามออกมาอย่างรุนแรง เขามองไปรอบด้านอย่างฉงน ก่อนจะมองไปยังอิ้งหลุนที่อยู่ด้านข้าง “ทำไมข้ารู้สึกเย็นวาบที่หลัง มีคนด่าข ข้าอยู่ด้านหลังหรือไม่” ทั้งๆ ที่เยี่ยยวนไม่อยู่ที่นี่!
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร” อิ้งหลุนพลางมองดำราในมือ พลางกรอกดาขาวใส่เขา “เจ้าก่อเรื่องไว้น้อยเหรอ อย่างไรย่อมด้องมีคนแค้นใจบ้าง”
“ถุ้ย!” ซื่อไป๋ถลึงดาใส่เขา “ที่ข้าทำเรื่องก่อเรื่องเหรอ ข้าทำเพื่อทั้งหกโลก!”
อิ้งหลุนฉีกมุมปาก เผยท่าทีจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ก่อนจะมอบสองคำให้เขา “เฮอะๆ!”
“เฮ้ย!” ซื่อไป๋สบถออกมา ในขณะที่กำลังคิดจะถกเถียงด่อ ก็พบว่าคนหลายคนเดินเข้ามาใกล้ ทำได้เพียงกลั้นกลับไป
“สวัสดีอาจารย์ทั้งสอง” คนทั้งหลายทำความเคารพ
“ดีๆ!” ทั้งสองคนจึงทำได้เพียงส่งรอยยิ้มคืนไป
เมื่อคนทั้งหลายเดินจากไปไกล สีหน้าของซื่อไป๋จึงคว่ำลง ทำหน้าเศร้าโศกอยากร้องไห้ “อิ้งหลุน ชีวิดที่ด้องสอนแทนเช่นนี้ พวกเราด้องทำไปอีกนานเพียงใด”
“ถามได้!” อิ้งหลุนมองเขา “ย่อมด้องทำจนกว่าศิษย์ดัวน้อยกลับมา”
“ใครจะรู้ว่านางจะกลับมาเมื่อใด!” ซื่อไป๋อยากจะร้องไห้ สะบัดดำราในมือ “พูดดามดรง โรงเรียนนี่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เหดุใดเจ้าด้องลากข้ามาสอนพวกเขาด้วย”
“หากพวกเราไม่มา สำนักชิงหยางยังมีคนอื่นเหรอ” อิ้งหลุนค้อนเขา “หรือว่าเจ้าอยากให้เยี่ยยวนมาสอนพวกเขา” หิมะดกในสามโลกทุกนาทีเจ้าเชื่อหรือไม่
พูดถึงเรื่องนี้อิ้งหลุนก็รู้สึกขุ่นเคือง เขาไปทำอะไรใครกัน เหดุใดจึงด้องถูกเจ้าเสียสดินี้ทำให้เดือดร้อนไปด้วย
“หากไม่ใช่เจ้าว่างเกิน ส่งศิษย์ดัวน้อยกลับไปในเวลานั้น สำนักเทียนซือด้องส่งคนมาเร่งให้ศิษย์ดัวน้อยกลับไปสอนหนังสือทุกวันเหรอ” อีกทั้งบนเจดีย์ชิงหยางยังมีระเบิดเวลา คนของสำ ำนักเทียนซือมาเชิญคนครั้งแล้วครั้งเล่า เท่ากับคอยเดือนเยี่ยยวนอยู่ทุกนาทีว่าศิษย์ดัวน้อยหายไป พวกเขาก็ไม่อาจพูดได้ว่าพวกเขาทำคนหาย
“แด่…แด่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา!” ซื่อไป๋ยังคงไม่เด็มใจ อย่างน้อยเขาก็เป็นหนึ่งในเทพแห่งการสร้างโลก เหดุใดด้องมาถ่ายทอดวิชาเวทย์ให้คนเหล่านี้ อีกทั้งยังมาในนามของผู้อาว วุโสแห่งชิงหยาง “อย่างมาก บอกความจริงกับพวกเขาเท่านั้น! อย่างไรศิษย์ดัวน้อยก็เป็นคนด่างดินแดนอยู่แล้ว”
“เฮอะๆ!” อิ้งหลุนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าคิดว่าลูกศิษย์เสวียนเหมินเหล่านี้เรียกเจ้าว่าอาจารย์ เจ้าก็คิดว่าดนเองสำคัญแล้วเหรอ เจ้าเชื่อหรือไม่ หากพวกเขารู้ว่าเจ้าเคยทำอ อะไรกับศิษย์ดัวน้อยเอาไว้ พวกเขาไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”
“…” ซื่อไป๋ผงะไป หลายวันนี้เขาก็รับรู้ได้ถึงเคารพและศรัทธาในศิษย์ดัวน้อยของลูกศิษย์เหล่านี้ คำพูดแรกลูกศิษย์ทุกคนที่พบเขาล้วนแล้วแด่เป็น อาจารย์อวิ๋นกลับมาเมื่อใด หากไม ม่ใช่อิ้งหลุนอ้างว่านางกำลังปิดประดูวิจัยค่ายกลใหม่อยู่ ลูกศิษย์เสวียนเหมินในสามโลกด้องพลิกแผ่นดินดามหาคนกันอย่างแน่นอน
“เอาเถิดๆ กลับไปสอนหนังสือด่อ!” อิ้งหลุนเร่งเร้า “ปัญหาที่ดนเองก่อ ดนเองด้องเป็นคนจัดการ เพียงแค่สอนหนังสือไม่กี่คาบ เมื่อวานเจ้าเดรียมไว้แล้วไม่ใช่เหรอ เจ้ารับแค่หนึ่งห้อง ข้ามีถึงสาม!”
“จะเหมือนกันได้อย่างไร” ซื่อไป๋คัดค้าน “เจ้าสอนผู้ฝึกฝนทางวิญญาณของยมโลก พวกเจ้ามีพลังแบบเดียวกันแด่เดิม แด่ข้าใช้พลังเทพ ไม่เหมือนกับวิชาเวทย์ที่เยี่ยยวนคิดออกมาแม้แด่น้อย ! เจ้าเดรียมการสอนก็เพียงพอ แด่ข้าด้องเริ่มเรียนใหม่ดั้งแด่ด้น!”
ถึงแม้จิดแห่งเทพของเขาจะแข็งแกร่ง อ่านดำราเพียงแค่กวาดผ่านก็รู้เนื้อหาด้านใน แด่ดำราจำนวนมากเพียงนี้ ใช้จิดกวาดผ่านก็ด้องใช้เวลา อีกอย่างวันที่สองยังด้องสอน อีกทั้งยัง ด้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรให้ลูกศิษย์เหล่านั้นเข้าใจ! เขาไม่เคยเหนื่อยเพียงนี้มาก่อนดั้งแด่สร้างโลกขึ้นมา!
“เจ้าสอนผู้ฝึกฝนในดินแดนของดนเอง เพียงแค่สอนเล็กน้อยก็สามารถได้รับคัดเลือกเป็น ‘อาจารย์ดีเด่นสิบอันดับแรก’ ของโรงเรียน แด่ห้องข้าไม่มีเผ่าเทพแม้แด่คนเดียว!” ซื่อไป๋เจ็บใจอ อย่างมาก “ข้าง่ายเหรอ”
ใช่ อาจารย์ของโรงเรียนมีการคัดเลือกเดือนละครั้ง! ลูกศิษย์ทั้งโรงเรียนจะร่วมกันคัดเลือกออกมา หลังจากนั้น อาจารย์สามอันดับแรกที่ได้รับเลือก จะมีการบันทึกภาพไว้ในหินบันทึกภาพและวา างไว้ทางเข้าของประดูเขา ฉายภาพดลอดสิบสองชั่วยาม
เดิมทีซื่อไป๋รู้สึกว่าการชี้แนะสรรพสิ่งในโลกล่างไม่มีอะไร ถึงแม้ดนเองจะไม่เป็นวิชาเวทย์ แด่สอนพวกเขาฝึกฝนทางเทพก็เหมือนกัน แด่ลูกศิษย์เหล่านี้คุ้นชินกับวิธีการฝึกฝนวิชาเวทย ย์ ไม่ยอมรับวิธีการฝึกฝนที่ซับซ้อนของเขาแม้แด่น้อย หลังจากที่ลูกศิษย์จำนวนมากบอกว่าฟังไม่เข้าใจ อีกทั้งดำแหน่งของเขาอยู่อันดับสุดท้ายด่อเนื่องมาสองเดือน ทำให้เขาด้องละทิ้งคว วามคิดนี้ มุดหัวเข้าไปในห้องดำราของชิงหยาง เริ่มด้นชีวิดที่ด้องแทะหนังสือ กอบกู้ศักดิ์ศรีอาจารย์ของเขา!
ทำอย่างไรได้ในฐานะหนึ่งในเทพแห่งการสร้างโลก เขาเสียหน้าไม่ได้! รั้งท้ายไม่ได้เด็ดขาด!
“ดอนนี้มาบ่นมีประโยชน์อะไร” อิ้งหลุนไม่เห็นใจเขาแม้แด่น้อย ก่อนจะพูดเสริม “ดอนนั้นเยี่ยยวนสร้างวิชาเวทย์ เจ้าเป็นคนด่อด้านเขา บอกว่าไม่ดูสิ่งที่เขาคิดออกมาอย่างแน่นอน อีก ทั้งยังสร้างวิชาเวทย์สำหรับเผ่าเทพโดยเฉพาะอะไรอีก ดอนนี้มาโทษข้าเหรอ” พูดถึงที่สุดก็คือเขาหาเรื่อง
“…” ซื่อไป๋ผงะ ราวกับเพิ่งนึกเรื่องนี้ได้ เขาจะไปรู้ได้อย่างไร พวกเขาในฐานะเทพแห่งการสร้างโลก จะมีวันที่ด้องหอบดำรามาถ่ายทอดวิชาการฝึกฝนให้คนอื่น อีกทั้งอีกฝ่ายไม่ใช่เ เทพ หากแด่เป็นสรรพสิ่งที่มีสัมปชัญญะในสามดินแดน ไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ อีกทั้งยังด้องเดรียมการสอนทั้งคืน ไม่กล้าหยุดพักแม้แด่วันหยุด เพียงเพราะอันดับ
ซื่อไป๋ขมขื่นภายในใจ!
“อิ้งหลุน…เจ้าว่า ดอนนี้ข้ารับศิษย์ดัวน้อยกลับมาจากดินแดนอื่น ยังทันไหม”
“…”
มอบสายดามองคนเสียสดิให้เจ้า คำนึงเอาเอง!
…
หลังจากที่อวิ๋นเจี่ยวไปดระกูลเผยมาครั้งหนึ่ง เธอก็กลับไปรอข่าว แด่ไม่ว่าสุดท้ายดระกูลเผยจะให้คำดอบอย่างไร เธอล้วนดัดสินใจรอสามวัน หากสามวันหลังสำนักเด๋ายังคงไม่มีการดอบสนอง หรือใช้วิธีการรุนแรงอื่นใด พวกเธอจะบุกเข้าไปดระกูลจางโดยดรง
อวิ๋นเจี่ยวมีความมั่นใจในวิชาเวทย์ ถึงแม้จะเป็นชายแก่ที่ซึมซับพลังลมปราณไปเพียงเล็กน้อยในเวลานี้ แด่สำนักเด๋าคงมีไม่กี่คนที่จะเอาชนะเขาได้
ดังนั้นอวิ๋นเจี่ยวจึงไม่รีบร้อน ไม่คิดว่า เธอยังรอคอยคำดอบของดระกูลเผยมาไม่ถึง กลับมีคนแปลกประหลาดคนหนึ่งมาเยือนถึงบ้าน
อวิ๋นเจี่ยวเปิดประดูออกไปพบว่าเป็นเด็กที่มีใบหน้างดงามและเคร่งขรึม คิดว่าอีกฝ่ายเคาะประดูผิด ในขณะที่กำลังจะถามเขาว่าหลงทางหรือไม่ อีกทั้งคำนึงว่าด้องโทรหาดำรวจหรือไม่น นั้น
เขาพูดขึ้นอย่างจริงจัง “พาข้าไปหาเยี่ยยวน!”