ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 426 ดินแดนเทียนเหยิน
“ยาเปิดพลังนี้ พวกคุณเป็นคนผลิตเองเหรอ สูตรคืออะไร” อวิ๋นเจี่ยวถาม
พลังพิเศษชั้นนั้นไม่เหมือนกับสิ่งที่ติดตัวพวกเขาตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นจึงมาภายหลังอย่างแน่นอน อีกทั้งอ่อนแออย่างมาก เวลานี้พวกเขามีพลังไม่มากจึงไม่มีผลกระทบ หากพลังมากขึ้น พลัง งกลุ่มนั้นคงไม่อาจควบคุมพลังลมปราณได้อีก ฟังจากคำพูดของเผยหย่วน สิ่งนี้คงมาจากยาเปิดพลังที่พวกเขาพูดถึง
เผยหย่วนผงะ ก่อนจะพูดออกมา “ยาเปิดพลังมาจากผู้แกร่งในดินแดนเทียนเหยินมอบให้แก่แต่ละสำนัก”
“ดินแดนเทียนเหยิน?” อวิ๋นเจี่ยวจับคำสำคัญได้
“อาจารย์ไม่รู้เหรอ” เผยหย่วนตะลึง อธิบาย “เล่าลือว่าดินแดนเทียนเหยินเป็นดินแดนที่แตกต่างจากพวกเราอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครรู้ว่าอยู่แห่งใด ไปอย่างไร แต่ว่าคนในดินแดนนั้นมีวิช ชาเวทย์ชั้นสูงอย่างที่พวกเราไม่อาจจินตนาการได้ แตกต่างจากพวกเราอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งได้ยินว่ามีความสามารถในการย้ายภูเขาถมทะเล”
“อีกดินแดนหนึ่ง…” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะกระจ่างว่าเหตุใดหนทางแห่งสวรรค์จึงต้องลงมาขอความช่วยเหลือด้วยตนเอง หรือว่าปัญหาที่เขาพูดถึงมาจากอีกดินแดนหนึ่ง
“ใช่แล้ว” เผยหย่วนพูดต่อ “พวกเราคิดเสมอว่าอาจารย์อวิ๋นมาจากดินแดนเทียนเหยินเหมือนกัน หรือว่าไม่ใช่” วิชาเวทย์ของเธอแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นพวกเขาจึงคาดเดาเช่นน นี้ ถึงแม้พวกเขาเคยสืบประวัติตั้งแต่เล็กจนโตของอวิ๋นเจี่ยว แต่ในฐานะผู้แกร่งแห่งดินแดนเทียนเหยิน ทำให้คนอื่นสืบไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ
ความสงสัยภายในใจของอวิ๋นเจี่ยวยิ่งมากขึ้น เธอถามอย่างจริงจัง “คุณเล่าเรื่องของดินแดนเทียนเหยินอย่างละเอียดได้ไหม!”
เผยหย่วนไม่ลังเล พูดต่อ “ผู้แกร่งแห่งดินแดนเทียนเหยินไม่มาปรากฏในดินแดนนี้ในเวลาทั่วไป พวกเราไม่มีวิธีติดต่อพวกเขา เพียงแต่ทุกห้าสิบปี คนของทางนั้นจะข้ามมาเพื่อเลือกคนท ที่มีพรสวรรค์นำกลับไปเป็นลูกศิษย์ในดินแดนเทียนเหยิน พวกเขาจะทิ้งยาเปิดพลังที่ใช้สำหรับฝึกฝนให้แก่แต่ละสำนัก บางครั้งจะช่วยจัดการเรื่องที่ยุ่งยากของทางนี้ด้วย”
“จริงสิ” เขานึกบางอย่างออก มองไปยังเผยซื่อจงที่อยู่ด้านข้าง “คุณปู่เคยบอกว่ามาร...ไม่ ปีศาจงูเมื่อห้าสิบปีก่อน อาจารย์ของดินแดนเทียนเหยินเป็นผู้ช่วยผนึกไม่ใช่เหรอ”
“ใช่!” เผยซื่อจงพยักหน้า เมื่อนึกถึงสาเหตุการกลายเป็นปีศาจของงูตัวนั้น บนใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นอารมณ์ซับซ้อน ก่อนจะพูดขึ้น “ตอนนั้นสำนักเต๋าเกือบทุกที่ถูกปีศาจงูตัวนั้นฆ ฆ่าทั้งสำนัก ในเวลาที่คับขัน ผู้แกร่งแห่งดินแดนเทียนเหยินผ่านมา จึงได้ลงมือช่วยเหลือ อีกทั้งยังสอนวิชาเวทย์การผนึกแก่พวกเรา ร่วมแรงกำจัดปีศาจงู ผนึกมันเอาไว้ในหมู่บ้านแห ห่งนั้น ทำให้มันออกมาปั่นป่วนไม่ได้ห้าสิบปี พวกเราสิบกว่าคนจึงมีชีวิตรอดมาได้”
“ผนึกของปีศาจงูมาจากคนของดินแดนเทียนเหยิน” อวิ๋นเจี่ยวกระจ่าง ทั้งที่คนเหล่านี้ไม่มีพลังเทียบเท่ากับลูกศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักของเสวียนเหมิน แต่กลับสามารถผนึกปีศาจได้ ที่แท้ ก็เพราะมีคนช่วยเหลือ “ยาเปิดพลังก็มาจากพวกเขา?”
“ใช่ครับ” ทั้งสองคนพยักหน้า
“ยานั้นล่ะ? ให้ฉันดูได้ไหม” อวิ๋นเจี่ยวถาม
ทั้งสองคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาสบตากัน จากนั้นถึงได้พูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “อาจารย์อวิ๋น ไม่ใช่พวกเราไม่ยอมให้ดู แต่ว่า…ถึงแม้ผู้แกร่งแห่งดินแดนเทียนเหยินจะมอบยาเปิ ดพลังจำนวนมากในแต่ละครั้ง แต่ห้าสิบปีมานี้ ยาเปิดพลังที่ตระกูลเผยได้มาก็หมดสิ้นลงแล้ว เม็ดสุดท้ายใช้ไปบนตัวของเสี่ยเฟิง”
“ดังนั้น…” อวิ๋นเจี่ยวนึกถึงอาการของเด็กคนนั้น “ครั้งก่อนที่เขาป่วยขึ้นมาอีกครั้งจากการถูกพลังลมปราณสะท้อนกลับ เพราะว่ากินยาเปิดพลัง?”
มิน่าเด็กคนนั้นถึงได้ถูกพลังลมปราณสะท้อนกลับเช่นนั้น หากฤทธิ์ของยาเปิดพลังเหมือนกับเส้นชีพจรเสวียน เช่นนั้นกินสิ่งนั้นเข้าไปแล้ว ควรจะซึมซับพลังลมปราณเข้าไปทันที แต่พลัง งลมปราณของดินแดนนี้วุ่นวายอย่างมาก เด็กสี่ขวบอย่างเผยเฟิงไม่มีคุณงามความดีอยู่บนตัว ถูกสะท้อนกลับก็เป็นเรื่องปกติ”
ตัวของทั้งสองคนหดลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายและโทษตัวเอง สักพักถึงได้พูดขึ้น “หากอาจารย์อวิ๋นอยากเห็นจริง รออีกสามวัน ผู้แกร่งของดินแดนเทียนเหยินมาเยือน พวกเราจะนำย ยาเปิดพลังมาให้”
“สามวัน?” อวิ๋นเจี่ยวตะลึง “พวกคุณรู้เวลาที่คนของดินแดนเทียนเหยินจะข้ามมา?”
“เรื่องนี้รู้ครับ” เผยซื่อจงพยักหน้า “ทุกคนที่ผู้แกร่งแห่งดินแดนเทียนเหยินมา ก่อนจากไปมักจะบอกเวลาและสถานที่ที่เขาจะปรากฏตัวในครั้งต่อไป ครั้งนี้คือสามวันต่อจากนี้”
“ปรากฏตัวที่ไหน” อวิ๋นเจี่ยวถาม
ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะตอบ “คือ…ตระกูลจาง!”
“ตระกูลจางอีกแล้ว!” ทุกเรื่องที่เธอประสบ สุดท้ายล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลจาง ดูท่าเธอต้องไปสักรอบเสียแล้ว
เมื่อเห็นเธอไม่พูดไม่จา ปู่หลานตระกูลเผยยิ่งกระวนกระวาย พวกเขาสบตากัน สักพักนายท่านเผยจึงพูดขึ้น “อาจารย์อวิ๋น เรื่องคุณงามความดีบนตัวของพวกเรา…” เขาพูดด้วยความละอาย “พวก กเรา…คิดหาวิธีคืนกลับไปไม่ได้”
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา “ดังนั้น พวกคุณไม่คิดจะคืนแล้ว?”
“ไม่ๆๆ!” เผยซื่อจงนึกถึงสายฟ้าในวันนั้นขึ้นมาทันที เขารีบอธิบาย “คืออย่างนี้ ตอนนั้น…วิชาเวทย์การแย่งชิงคุณงามความดีของคนอื่นเกิดจากการคิดค้นของตระกูลเผย และตระกูลจาง แต่ว ว่า…ตอนนั้นพวกเรารู้แค่เพียงจะแย่งชิงอย่างไร ส่วนการส่งคืน…ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร”
“…” ที่แท้พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะส่งคืนคุณงามความดีอย่างไรเหรอ อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกระอา แต่ดูจากท่าทางของนายท่านเผย อีกฝ่ายคงไม่ได้โกหก อีกทั้งเธอยังไม่ทันฝึกฝนวิชาเวทย์ในกา ารควบคุมคุณงามความดีกับอาจารย์ปู่แม้แต่น้อย!
“อาจารย์วางใจ!” เผยหย่วนรีบตอบ “คุณงามความดีเหล่านี้ไม่ใช่ของพวกเรา พวกเราตั้งใจจะส่งคืน หากท่านยินดีที่จะช่วยเหลือ ลงมือเองยิ่งดี ตระกูลเผยไม่พูดโกหกอย่างแน่นอน หากอาจารย์ ไม่สะดวกลงมือ รอพวกเราคิดหาวิธีส่งคืน ค่อยมาหาท่านที่นี่ย่อมได้…”
“ไม่ต้องมาแล้ว!” เขายังพูดไม่ทันจบ คนที่นั่งกินผลไม้อยู่ด้านข้างอย่างเงียบสงบพูดแทรกขึ้นมา
ทั้งสองคนผงะ แต่เห็นเขาวางจานที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะน้ำชา จากนั้นโบกมือไปทางพวกเขาอย่างไร้วี่แวว จากนั้นกำมือกลางอากาศ ราวกับจับอะไรบางอย่าง ก่อนจะกระชากไปทางด้านหลัง
ปู่หลานตระกูลเผยรู้สึกเพียงร่างกายหนักอึ้ง ราวกับมีสิ่งของบางอย่างถูกกระชากออกจากตัว ร่างกายเอนตัวไปด้านหน้าตามแรง รอบด้านมีเสียงบางอย่างดังขึ้น ก่อนที่แสงสีทองที่มีขนาดใหญ่ก กว่าโต๊ะน้ำชาด้านหน้าปรากฏขึ้น
อีกฝ่ายสะบัดมือ แสงสีทองนั้นลอยไปยังทิศทางของกำแพงทันที ก่อนจะหายลับไปในกำแพง ราวกับมุดไปยังห้องด้านข้าง
“ได้แล้ว!” คนที่อยู่ตรงข้ามชักมือกลับ หยิบจานที่ว่างเปล่า ส่งไปให้อวิ๋นเจี่ยวด้วยความเคยชิน กินหมดแล้ว!
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เผยซื่อจง “…”
เผยหย่วน “…”
เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น