ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 430 ดินแดนเทียนเหยินมาเยือน
“ชายแก่ พวกเราไปเมือง เอ!” อวิ๋นเจี่ยวลุกขึ้นยืนทันที เธอไม่สนใจว่าดินแดนเทียนเหยินนั้นคืออะไร แต่พวกเธอต้องเดินทางไปดู
“เจี่ยวเจี่ยว” เยี่ยยวนดึงมือของเธอเอาไว้ “เส้นทางไม่ได้อยู่ทางนั้น”
“อะไรนะ” อวิ๋นเจี่ยวผงะ หมายความว่าอย่างไร
เขาหันไปมองภาพในโทรทัศน์ ก่อนจะอธิบาย “สถานที่ที่ปรากฏเป็นเพียงภาพลวงเท่านั้น”
“ภาพลวง!” อวิ๋นเจี่ยวนึกขึ้นได้ เฮลิคอปเตอร์ที่ปล่อยขึ้นไปเหล่านั้นไม่อาจสัมผัสกับภูเขาที่ลอยกลางอากาศเหล่านั้นได้ มองดูเหมือนเป็นภาพลวง แต่ภาพลวงอะไรมีขนาดใหญ่จนปกคลุมเมือง งแห่งหนึ่งได้
อีกฝ่ายปรากฏตัวในเมืองเอ เช่นนี้ แต่เป็นเพียงแค่ภาพลวง คนโง่ก็ยังมองออกว่าเป็นกับดัก ดูท่าทางเมืองเอ ไปไม่ได้อย่างแน่นอน “เช่นนั้น..เส้นทางเชื่อมต่อที่.ดินแดนเทียนเหยินเป ปิดออกอยู่ที่ใด”
“เรื่องนี้ ต้องถามเขา…” เยี่ยยวนขมวดคิ้ว หันไปมองท้องฟ้าด้านนอก
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะกระจ่าง “หนทางแห่งสวรรค์!” จริงสิ หากเป็นการรุกราน มีใครรู้ที่อยู่ที่แน่ชัดได้ดียิ่งกว่าหนทางแห่งสวรรค์อีก อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องก กับความเป็นความตายของเขา ไม่ให้ความช่วยเหลือไม่ได้
“ฮะ? หนทางแห่งสวรรค์อะไร” ชายแก่ทำหน้าฉงน ทำไมถึงพูดเรื่องหนทางแห่งสวรรค์อีกแล้ว
อวิ๋นเจี่ยวและอาจารย์ปู่ลุกขึ้นเปิดประตูเดินออกไปด้านนอก
“เดี๋ยว…” ใครก็ได้อธิบายที! เขาไม่สำคัญเพียงนี้เหรอ
ชายแก่รีบเดินตามขึ้นไป ในขณะที่กำลังจะถาม กลับพบว่าดอกไม้ที่ผลิบานเต็มสวนด้านนอกแห้งเหี่ยวลงไปแล้ว แม้แต่ต้นอ่อนและต้นไม้สีเขียวก็ราวกับเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ร่วงหล่นจน หมดเกลี้ยง เหลือเพียงดอกไม้สีแดงใจกลางสวนที่โดดเด่นสะดุดตา
“เอ๊ะ? ทำไมดอกไม้แห้งไปหมดแล้ว” ชายแก่ผงะ มองดอกไม้ที่ผลิบานเพียงหนึ่งเดียวในสวน “เจ้าหนู ทำไมข้ารู้สึกว่าดอกไม้เหล่านี้เหมือน...ธนู?”
อวิ๋นเจี่ยว ”…” เดิมทีก็เป็นธนู!
-_-|||
เธอคิดว่าหนทางแห่งสวรรค์จะบอกใบ้ให้ เพียงแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบอกใบ้ได้ชัดเจนขนาดนี้ นอกจากใช้ดอกไม้เป็นลูกศรชี้ทิศทางแล้ว ตัวเลขและตัวอักษรด้านล่างนั้นคงไม่ใช่ตำแหน่งหรอก กนะ?
【N24 89,E126 03】
มันคือละติจูด ลองติจูดใช่หรือไม่! บอกใบ้ได้แม่นยำอย่างมาก ไร้ซึ่งประสบการณ์เสี่ยง!
อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุก เธอหยิบมือถือออกมาหาแผนที่ ตำแหน่งนี้คือสถานที่แห่งหนึ่งใจกลางทะเลดี
“ตำแหน่งอยู่บนทะเลดี! รอบด้านไม่มีหมู่เกาะหรือพื้นดิน” อวิ๋นเจี่ยวข่มคำสบถมองไปยังคนทั้งสอง “ดูท่าจะไม่อาจใช้ค่ายกลขนส่งข้ามไปได้แล้ว” สถานที่ขนส่งไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ ถึง งแม้จะขนส่งข้ามไป พวกเธอมีโอกาสที่จะถูกส่งลงไปใต้ท้องทะเล สามารถว่ายน้ำขึ้นมาได้หรือไม่ยังไม่แน่นอน
“หรือไม่เห็นอาวุธ?” ชายแก่เสนอ ก่อนจะล้วงถุงเก็บของ ตามความเคยชิน แต่ก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ตนเองไม่ได้อยู่ชิงหยาง บนตัวไม่มีอาวุธวิเศษ ทั นใดนั้นก็ผงะไป “เอ่อ…เจ้าหนู เจ้ามีอาวุธวิเศษหรือไม่ แบ่งข้าชิ้นหนึ่ง?”
อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเขา สิ่งของเหล่านี้ปกติเขาเป็นคนพกออกมาไม่ใช่เหรอ เธอจะมีได้อย่างไร บนตัวมีเพียงยันต์ที่วาดไว้ก่อนหน้านี้ไม่กี่ใบเท่านั้น
ชายแก่ก็นึกขึ้นได้ “หรือไม่…เจ้าทำตอนนี้?”
“…”
“ไม่ต้อง!” อาจารย์ปู่พูดขึ้น เขาสะบัดหางงูไปมา เลื้อยไปยังพุ่มดอกไม้ที่ก่อตัวเป็นลูกศร จากนั้นยื่นมือเด็ดกลีบดอกไม้ลงมา โยนขึ้นไปบนฟ้า ทันใดนั้นเห็นเพียงกลีบดอกไม้นั้นเติบโตข ขึ้นตามลม เพียงชั่วพริบตาก็ขยายใหญ่เท่าขนาดของเรือ ลอยอยู่ด้านหน้าคนทั้งสาม อีกทั้งบนดอกไม้เต็มไปด้วยพลังลมปราณ หนาแน่นเสียยิ่งกว่าค่ายกลรวมพลังลมปราณที่อวิ๋นเจี่ยววางเ เอาไว้ก่อนหน้านี้
ชายแก่เบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ สีหน้าตกตะลึง เพียงแค่เด็ดดอกไม้ก็สามารถกลายเป็นอาวุธได้ อาจารย์ปู่ยังคงเป็นอาจารย์ปู่ ไม่ว่าจะอยู่ดินแดนทางไหนล้วนไม่อาจใช้หลักการปกติอธิบ บายได้
“ขอบคุณอาจารย์ปู่!” ชายแก่รีบปีนขึ้นไป อาจเป็นเพราะพลังลมปราณบนกลีบดอกไม้มีเพียงพอ เขารู้สึกว่าพลังของตนเองฟื้นฟูได้เร็วมากขึ้น
อวิ๋นเจี่ยวด้านข้างผงะ หันไปมองอาวุธวิเศษที่ทำจากกลีบดอกไม้นั้น จากนั้นมองไปยังอาจารย์ปู่ที่ยกมือเปิดมิติกลางอากาศด้วยใบหน้าครุ่นคิด…
มิติด้านหน้าบิดเบี้ยวไปสักระยะ ราวกับถูกฉีกออกจากกัน เผยให้เห็นรูขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถมองเห็นผิวน้ำทะเลสีน้ำเงินจากด้านใน…เส้นทางเชื่อมไปยังทะเล ดี!
“ได้แล้ว!” เยี่ยยวนหันมายื่นมือให้อวิ๋นเจี่ยว
อวิ๋นเจี่ยวมองฝ่ามือของเขา แต่ไม่ได้จับเข้าไป ชายแก่ทนรอไม่ไหว เร่งเร้า “เจ้าหนู รีบไป! ไม่รีบไป คนพวกนั้นอาจจะหนีไปแล้ว”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ทันได้คิดมาก เธอจับมือของอาจารย์ปู่เอาไว้ จากนั้นปีนขึ้นไปบนอาวุธวิเศษที่ทำจากกลีบดอกไม้ มือของเยี่ยยวนที่จับเธอเอาไว้เคลื่อนลงมาระหว่างเอว โอบคนเอาไว้ นาทีถัดมาอาวุธวิเศษที่ทำจากกลีบดอกไม้พุ่งตรงเข้าไปในมิติที่ถูกเปิดออก
เพียงแค่ชั่วพริบตาทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงบนผิวน้ำทะเลแห่งหนึ่ง ด้านหน้าคือสีฟ้าที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด พื้นผิวทะเลที่เงียบสงบไม่มีสิ่งอื่นใด
“เอ๊ะ? ทำไมไม่มีอะไรเลย” ชายแก่เกาหัว ทำหน้าฉงน
ใบหน้าเคร่งขรึมของอวิ๋นเจี่ยวเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม เธอมองไปยังด้านหน้า “ตรงนั้น!”
“อ้า!” ชายแก่ทำหน้าฉงน มองไปรอบด้านแต่ยังคงมองไม่เห็นอะไร “ไหน”
อวิ๋นเจี่ยวอยากจะหันไปกรอกตาขาว แต่ก็ไร้ผล! ทำได้เพียงพูดขึ้น “เปิดตาทิพย์!”
“อ่อๆ!” ชายแก่กระจ่าง ก่อนจะรวบรวมพลังลมปราณไว้บนดวงตา ผิวน้ำทะเลที่ไร้จุดสิ้นสุดถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสถานที่คุ้นตา
“เฮ้ย!” เขาร้องออกมาด้วยความตกตะลึง เห็นเพียงแต่ด้านหน้า มีเกาะน้อยใหญ่นับร้อยปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เกาะเหล่านั้นลอยอยู่เหนืออากาศสูงต่ำไม่เท่ากัน มีขนาดเล็กและมีขนาดใหญ่ เกาะที่มีขนาดใหญ่มียอดเขา ทะลุพ้นชั้นเมฆ ส่วนเกาะที่มีขนาดเล็กมีเพียงพื้นหินหลายร้อยตารางเมตร แต่ว่าเกาะเหล่านี้ เรียงรายเป็นวงกลมอย่างเป็นระเบียบ ใจกลางของหมู่เกาะคือลำแสง ที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ด้านบนทะลุชั้นเมฆ ด้านล่างลึกลงไปในทะเล มันปักอยู่ท่ามกลางดินฟ้าราวกับหลอดขนาดใหญ่ แสงสีทองที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งผืนทะเล พลังสีขาวกำลังแผ่ขยายไปรอบด้าน น อบอวลอยู่บนหมู่เกาะ ราวกับเกราะป้องกันขนาดใหญ่ ห่อหุ้มหมู่เกาะเหล่านี้ไว้ด้านใน
“เจ้า… เจ้าหนู…” ชายแก่ไป๋อวี้ตกตะลึงอย่างมาก เขายืนมองลำแสงนั้นเป็นเวลานาน ก่อนจะหันไปมองพลังสีขาวเหล่านั้น “ยังไม่ต้องพูดถึงแสงสีทอง ทำไมข้ารู้สึกว่าเกาะเหล่านี้เหมื อน...”
“ดินแดนเซียน!” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“ใช่ๆๆ” ชายแก่พยักหน้า หมู่เกาะเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของดินแดนเซียน ส่วนพลังสีขาวเหล่านั้นคือพลังเซียน “เรื่องอะไรกัน”
“ไม่รู้” อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกหนักใจ ภาพตรงหน้าดุจดั่ง ดินแดนเซียน แต่เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พลังเซียนเหล่านี้แตกต่างจากดินแดนเซียนในดินแดนอีกทางหนึ่งโดยสิ้นเชิง อาจเป็นเพ พราะดินแดนที่ชื่อว่าดินแดนเทียนเหยินแห่งนี้เป็นดินแดนอีกแห่งที่คล้ายคลึงกับดินแดนเซียน “เข้าไปก่อนเถอะ!”
ลำแสงที่ลึกลงไปยังใต้ดินทำให้เธอรู้สึกกังวลอย่างประหลาด
“ไป!”