ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 431 นอนรอชัยชนะ
“เจ้าหนู พลังเซียนเหล่านี้ราวกับก่อตัวเป็นค่ายกล” ชายแก่มองดูพลังเซียนรอบเกาะ พวกเขาอยู่ห่างออกไปหลายสิบฉื่อยังสามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นค่ายกลที่รุนแรง “พลังเซียนในค่ายกลเซียนนี้ไม่ธรรมดา เกรงว่าพวกเราจะไม่ง่าย…เอ๊ะ? เอ๊ะ!”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นอวิ๋นเจี่ยวผนึกมือทั้งสองข้าง ทันใดนั้นพลังเซียนรอบด้านเริ่มหลั่งไหล พลังเซียนที่เดิมทีปกคลุมหมู่เกาะเอาไว้ราวกับเกราะป้องกัน ราวกับถูกพลังบางอย่างชักนำ หลั่งไหลไปทาง
อวิ๋นเจี่ยวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นถูกเธอซึมซับเข้าร่างกาย
เธอกำลัง…ชักนำพลังเข้าร่างกาย?!
(⊙ o ⊙)
ชายแก่ตกอยู่ในความตะลึง นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่ค่ายกลเซียนเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ค่ายกลนั้นราวกับถูกเจาะรู พลังเซียนจำนวนมากหลั่งไหลออกมา
“เจ้าหนู เหตุใดเจ้า…เหตุใด…” ค่ายกลเซียนพังทลายง่ายเพียงนี้หรือ
“มีปัญหาอะไรหรือ” อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเขา
“ไม่ใช่…” ชายแก่พูดอย่างเป็นกังวล “แต่…นี่คือพลังเซียน!” ชักนำได้ง่ายๆ หรือ
“พลังเซียนแล้วอย่างไร” อวิ๋นเจี่ยวถามกลับ
“…” ชายแก่ผงะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงเส้นชีพจรเสวียนที่มีความพิเศษของอวิ๋นเจี่ยว จริงสิ พลังเซียนแล้วอย่างไร แม้แต่พลังเทพเจ้าหนูก็ชักนำเข้าร่างกายได้
“อย่ามัวแต่เหม่อ” อวิ๋นเจี่ยวเตือน “รีบชาร์จไฟ!”
“ข้า?” ชายแก่ผงะ เขาสามารถชักนำ พลังเซียนได้หรือ
แต่เมื่อเห็นอวิ๋นเจี่ยวไม่มีทีท่าล้อเล่นแม้แต่น้อย อีกทั้งจากความเชื่อมั่นในตัวเธอ ชายแก่กัดฟันก่อนจะรีบร่ายเวทชักนำพลังเข้าร่างกาย นาทีถัดมาพลังเซียนปริมาณมากหลั่งไหลเข้าไปภายในเส้นชีพจรของเขาดุจดั่งน้ำหลาก เดิมทีเขาคิดว่าเส้นชีพจรในร่างกายอาจแบกรับพลังที่หนาแน่นเพียงนี้ไม่ได้ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ เขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เมื่อพลังเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย มันก็หลั่งไหลผ่านเส้นชีพจรเข้าสู่
ตันเถียนอย่างราบรื่น
ตันเถียนของเขาที่ขาดแคลนพลังลมปราณมาหลายสิบปีฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว ราวกับพื้นดินแห้งแล้งที่ได้รับฝน พลังของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ชายแก่ตกตะลึง ก่อนจะรีบซึมซับพลัง…ไม่! เหล่านี้ไม่ใช่พลังเซียนที่เขารู้จัก ถึงแม้ดูจากภายนอกจะเหมือนกัน แต่หลังจากที่ซึมซับพลังเหล่านี้แล้วเขาถึงได้พบว่าพลังเหล่านี้เหมือนกับพลังลมปราณที่ถูกบีบอัด จากนั้นกลายเป็นพลังที่เข้มข้นกว่าพลังลมปราณหลายร้อยเท่า
เขาเข้าใจสาเหตุที่เจ้าหนูให้เขาซึมซับพลังเหล่านี้แล้ว เวลาเพียงไม่กี่นาที เขาก็รับรู้ได้ว่าพลังของตนเองฟื้นคืนกลับมากว่าครึ่งแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พลังของเขาจะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้จนหมด
อีกทั้งตามการซึมซับพลังที่มากขึ้น หมอกหนาสีขาวที่ปกคลุมหมู่เกาะเอาไว้ยิ่งเลือนรางลง ค่ายกลที่ขัดขวางพวกเขาเอาไว้ก็ยากต่อการประคอง ภาพตรงหน้าสั่นไหวหนึ่งที ตามมาด้วยเสียงแตกดังขึ้น ในที่สุดก็พังทลายลง หมอกขาวสลายไป
เมื่อไม่มีค่ายกลด้านนอก ภาพตรงหน้ายิ่งกระจ่างมากขึ้น โดยเฉพาะเสาสีทองขนาดใหญ่ใจกลางหมู่เกาะที่เชื่อมต่อฟ้าดิน เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงได้เห็นอย่างชัดเจน
ด้านบนของลำแสงนั้นมีหลุมดำขนาดใหญ่ราวกับท้องฟ้าถูกฉีกออก หลุมดำนั้นกำลังดูดกลืนแสงสีทองอย่างต่อเนื่อง ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีภายในใจของอวิ๋นเจี่ยวยิ่งมีมากขึ้น อีกทั้งรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ราวกับมีบางสิ่งที่สำคัญกำลังสูญเสียไป
“อาจารย์ปู่ แสงสีทองเหล่านี้คือ…” เธอหันกลับไปมองเยี่ยยวน ถามด้วยความกังวล
ดวงตาของเยี่ยยวนหลุบต่ำลง “ต้นกำเนิด!”
“…” จริงด้วย!
ถึงแม้เธอจะเดาได้บ้าง แต่เมื่อได้ยินคำตอบที่แน่ชัดก็รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา เพราะว่าพวกเขาแย่งคุณงามความดีคืนมาหรือ ดังนั้นคนของดินแดนเทียนเหยินจึงล้มเลิกการซ่อนตัว ข้ามดินแดนมาแย่งชิงต้นกำเนิดของดินแดนอื่น
“มีคนมา” เยี่ยยวนเอื้อมมือดึงอวิ๋นเจี่ยวมาไว้ด้านหลังของตนเอง เงยหน้ามองไปยังด้านบนสุดของลำแสง
นาทีถัดมา อวิ๋นเจี่ยวรับรู้ถึงพลังแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งส่งลงมาจากด้านบน ในขณะที่จะประชิดตัวเธอ พลังกลุ่มนั้นถูกพลังรอบตัวของเยี่ยยวนรั้งเอาไว้ ทำให้ไม่กระทบถูกตัวของเธอ แต่ถึงเป็นเช่นนี้ อวิ๋นเจี่ยวยังคงรับรู้ได้ถึงพลังที่ไม่อาจต่อต้านได้จากด้านบน
“มีคนตามหาที่นี่เจอด้วย” เสียงเสียดสีของชายหนุ่มดังขึ้น แสงสีทองนับร้อยสว่างไสว เห็นเพียงด้านหน้าปรากฏร่างของคนแปลกหน้าจำนวนมาก มีหญิงมีชาย แต่ละคนล้วนสวมชุดยาวแปลกประหลาด พลังรอบตัวทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน ชายหนุ่มด้านหน้าสุดสวมชุดยาวสีขาวฟ้าสลับกัน เหมือนเป็นหัวหน้า เขาจ้องมองทั้งสามคนด้วยความระแวง กวาดตามองก่อนจะส่งเสียงเย็น “ท่าทางคนโลกล่างไม่ได้ไร้ประโยชน์ทั้งหมด!”
“พวกเจ้าคือคนของดินแดนเทียนเหยิน!” ชายแก่พูดออกมา แต่ภายในใจมีความไม่แน่ใจ เขาสัมผัสพลังของอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาสามารถมองเห็นแม้แต่เผ่าเทพ
“ดินแดนเทียนเหยิน?” ชายหนุ่มที่นำหน้าผงะ จากนั้นหัวเราะเสียงเย็น เผยสีหน้าหยิ่งยโส “สำหรับมนุษย์ในโลกชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า พวกข้าเป็นคนบนสวรรค์ไม่ผิด หากพวกเจ้าเชื่อฟังเสียหน่อย พวกข้าอาจลงมือช่วยเหลือดินแดนเล็กบ้าง แต่ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะโง่เขลา…”
“ศิษย์พี่อวี๋!” เขายังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาราวกับพบเห็นบางอย่าง พูดขัดขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านดูคุณงามความดีบนตัวของพวกเขา!”
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำผงะ ก่อนจะร่ายเวทวาดผ่านดวงตาราวกับเปิดบางอย่างขึ้นมา นาทีถัดมาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เบิกตาโตขึ้นทันที “คุณงามความดีที่หนาแน่นนี้คือ…ข้าเข้าใจแล้ว มิน่าพวกเจ้าถึงตามหาที่นี่จนเจอ” เขาชี้ไปยังชายแก่และอวิ๋นเจี่ยวด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ที่แท้พวกเจ้าทั้งสองก็เป็นโจรที่ไร้ยางอาย ขโมยคุณงามความดีของคนในสำนักข้า อีกทั้งยังกล้าปรากฏตัวอีก!”
“ถุย!” ชายแก่ได้ยินจึงระเบิดขึ้นทันที เขาตอกกลับไปอย่างไม่คิด “คุณงามความดีเหล่านี้ใครขโมยของใครกันแน่ พวกเจ้าไม่รู้หรืออย่างไร โจรตะโกนจับโจรหรือ! ตอนที่พวกเจ้าขโมยคุณงามความดีจากข้าไปเหตุใดจึงไม่บอกว่าตัวเองไร้ยางอาย!” เขาแค่เอาของของตนเองกลับคืนมาเท่านั้น
“ฮึ! คุณงามความดีมากมายเพียงนี้อยู่บนตัวของคนคนเดียว เดิมทีก็เป็นเรื่องผิดปกติ” ชายหนุ่มไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย อีกทั้งยังพูดขึ้น “พวกข้านำเอาคุณงามความดีเหล่านี้ไป ก็เพื่อกำจัดความวุ่นวาย ทำให้ดินแดนแห่งนี้กลับคืนสู่ความถูกต้องเท่านั้น”
“วุ่นวายบ้านเจ้า!” เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเพียงนี้ “บนตัวข้ามีคุณงามความดีมากก็ทำให้ดินแดนวุ่นวายแล้ว? ข้ายังรู้สึกว่าเจ้าอัปลักษณ์ ทำให้ข้าเดือดร้อน เหตุใดเจ้าจึงไม่กำจัดตัวเอง คืนความสะอาดให้แก่บ้านเมือง”
“เจ้า…” ชายหนุ่มนั้นโกรธอย่างมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “มนุษย์ที่โง่เขลา!”
ชายหนุ่มด้านข้างพูดเตือนขึ้น “ศิษย์พี่อวี๋ เหตุใดต้องสิ้นเปลืองน้ำลายกับมดไม่กี่ตัว เวลานี้เป็นเวลาสำคัญของเหล่าอาจารย์ ไม่อาจถูกรบกวนได้ พวกเรากำจัดพวกเขาเสีย”
“เจ้าพูดถูก” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำตระหนักได้ เขาหยุดถกเถียงกับชายแก่ ความอาฆาตภายในดวงตาเผยให้เห็นอย่างชัดเจน
ชายแก่และอวิ๋นเจี่ยวใจหล่นวูบ ต่างหยิบอาวุธออกมาด้วยความระวังอย่างเต็มที่ คนเหล่านี้พวกเขาสัมผัสไม่ได้ถึงพลัง คงรับมือไม่ง่ายแม้แต่คนเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ดูท่าทางจะเป็นศึกหนัก!
ชายหนุ่มด้านบนหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะโบกมือ “ในเมื่อพวกเจ้าส่งคุณงามความดีมาให้ถึงที่ ข้าก็ไม่เกรง...”
ฉึบ!
เขายังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นแสงสีขาวกวาดผ่าน ราวกับดาวตกที่เคลื่อนผ่านในท้องฟ้ายามข้ามคืน ในเวลาเดียวกันกลุ่มคนที่ครอบครองพื้นที่ทั้งผืนฟ้านั้นสลายหายไปในพริบตาดุจดั่งฝุ่นควันที่ถูกลมพัดปลิว…
เยี่ยยวนวางมือขวาลงอย่างช้าๆ “พูดมาก!”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
เอ่อ ความรู้สึกที่นอนรอชัยชนะแบบนี้…ชอบเสียจริง!