ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 432 ผู้บงการใต้ท้องทะเล
“ต้นกำเนิดของดินแดนนี้ถูกดูดซับไปบางส่วนแล้ว” เยี่ยยวนเงยหน้ามองหลุมดำบนท้องฟ้า คิ้วขมวดมุ่น “ต้นกำเนิดสูญเสีย ถึงแม้จะตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างสองดินแดน ดินแดนแห่งนี้ก็จะแ แห้งเหี่ยวลงช้าๆ” เมื่อถึงเวลาคงไม่ใช่ปัญหาของหนทางแห่งสวรรค์เท่านั้น
“ต้องทำอย่างไร” อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่รู้สึกวิตก ชายแก่พูดขึ้น “ไม่มีวิธีเรียกคืนต้นกำเนิดเหรอ”
“มี!”
“วิธีอะไร”
คิ้วของเยี่ยยวนขมวดมุ่นมากขึ้น เขาถลึงตามองท้องฟ้าด้วยความหงุดหงิด “ข้ารับต้นกำเนิดของดินแดนแห่งนี้เสีย” ถึงเวลาเขาคือเจ้าแห่งดินแดนนี้ ทวงสิ่งที่สูญเสียไปคือย่อมสมเหตุสม มผล
อวิ๋นเจี่ยวตะลึง “อาจารย์ปู่หมายถึง จะเริ่มฟื้นฟูหนทางแห่งสวรรค์ในเวลานี้เหรอ” รีบร้อนเพียงนี้เหรอ
“อืม หากสายกว่านี้จะไม่ทันการ” เยี่ยยวนพยักหน้า ก่อนจะดึงมือของอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ พูดอย่างใจร้อน “ดังนั้น..เจี่ยวเจี่ยว เจ้ารีบรับปากข้า!”
“ฮะ?” รับปากอะไร
อวิ๋นเจี่ยวผงะ เปลี่ยนเรื่องได้…หมายความว่าอย่างไร
สีหน้าของเขายิ่งกระวนกระวาย อีกทั้งก้มหน้าดึงเธอเข้าใกล้มากขึ้นกว่าเดิม ใกล้จนแทบจะชนเข้ากับใบหน้าของเธอแล้ว จากนั้นใช้น้ำเสียงไร้เดียงสาอย่างมากพูดขึ้น “รับปากที่ข้าเคย ยพูดไว้ เมื่อรอข้ารับดินแดนทางนี้แล้ว เจ้าต้องนอน...”
“รู้แล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรีบเอื้อมมือปิดปากของเขาเอาไว้ เวลานี้เธอถึงรู้ว่าเขาต้องการพูดอะไร “ได้ ข้ารับปาก รับปากได้ไหม” ทั้งที่เป็นเรื่องการเข้าสู่ ห้วงนิทราธรรมดา ขอร้องอย่าพูดให้เขินอายแบบนี้ทุกครั้ง! อีกทั้งยังพูดอย่างเปิดเผย!
เมื่อได้ยินคำตอบที่พึงพอใจ ดวงตาของเยี่ยยวนลุกวาวขึ้น เขาก้มหน้าประชิดหน้าผากของเธอ ถูไถแผ่วเบา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างพึงพอใจ “ได้” พูดจบ เขาก็ลอยเข้าไปท่ามกลางลำแสงที่พุ่ง งทะยานขึ้นฟ้า
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ลำแสงของต้นกำเนิดที่หลั่งไหลเข้าสู่หลุมดำนั้นเหมือนท่อน้ำที่ถูกเจาะทะลุ แสงสีทองปริมาณมากหลั่งไหลไปทางเยี่ยยวน ไม่เพียงแต่ต้นกำเนิดใต้ดิน แม้แต่ต้นกำเนิด ที่ถูกหลุมดำดูดไปก็หลั่งไหลคืนมาอย่างรวดเร็ว
“ว้าว…” ชายแก่อดกดถูกใจไม่ได้ อาจารย์ปู่ยังเป็นอาจารย์ปู่
พลังของชายแก่ฟื้นคืนกลับมาจนสมบูรณ์แล้ว เขาปล่อยจิตกวาดดูถึงได้พบว่าบนเกาะทั้งหมดไม่มีร่างของคนแม้แต่น้อย เนื่องจากมีตัวช่วย ไม่มีคนหลงเหลือแม้แต่คนเดียว ทั้งสองคนจึงว่ างขึ้นมา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
“เจ้าหนู พวกเราไม่ต้องไปช่วยเหรอ” ชายแก่ถาม
อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเขา “ท่านคิดว่าพวกเราช่วยได้หรือไม่”
“…” เอาเถอะ ช่วยไม่ได้จริงๆ “อาจารย์ปู่ต้องเก็บต้นกำเนิดนี้อีกนานเพียงใด” เขามองลำแสงที่ยังไม่มีท่าทีหายไปหรือลดน้อยลง เขารู้สึกว่างจนเบื่อหน่าย
“ไม่รู้” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว “อย่างไรก็เป็นถึงต้นกำเนิดของดินแดน คงไม่เร็วขนาดนั้น!”
“อ่อ” ชายแก่หรี่ตาลง ดึงชายเสื้อของอวิ๋นเจี่ยวเบาๆ “หรือไม่…พวกเราไปกินข้าวก่อนค่อยมารอ!” ไม่ได้กินมาทั้งวัน เขารู้สึกหิวแล้ว
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขาขึ้นลง “ท่านคิดว่าหากพวกเราไปกินข้าว…อาจารย์ปู่ยังสามารถเก็บต้นกำเนิดอย่างตั้งใจ?” เขาคงพร้อมที่จะมานั่งร่วมโต๊ะทุกวินาที ท่านเชื่อหรือไม่
“…” พูดได้มีเหตุผล คัดค้านไม่ได้แม้แต่น้อย
ชายแก่ทำได้เพียงข่มความหิวลง พลางรอ พลางมองไปรอบด้าน จากนั้นเขาก็ผงะไปเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง “เอ๊ะ? ปลาในทะเลนี้มีมากนะ! อีกทั้งยังเกาะเป็นกลุ่ม”
ปลา!
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ตามหลักแล้ว บริเวณนี้มีความโกลาหลมาก หากมีปลาคงหนีไปเพราะความตกใจนานแล้ว เธอก้มหน้าดู พบว่าเหนือผิวน้ำบริเวณลำแสงมีฝูงปลารวมตัวอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะถูกคลื่น ซัดให้กระจายออกไป แต่ก็รวมตัวขึ้นใหม่อีกครั้งในทันที พวกมันรวมตัวเป็นลักษณะหนึ่ง
“เหตุใดข้ารู้สึกว่า ปลาฝูงนี้ก็รวมตัวเป็นลูกศร” ชายแก่พูดด้วยความฉงน
“ไม่ใช่ฝูงปลา แต่เป็นสัญญาณของหนทางแห่งสวรรค์!” อวิ๋นเจี่ยวตระหนักได้ “ไป ในทะเลมีบางอย่าง!”
“ฮะ?” ชายแก่ทำหน้าฉงน หมายความว่าอย่างไร “ไปใต้ท้องทะเลทำอะไร”
อวิ๋นเจี่ยวร่ายเวทย์กันน้ำรอบตัวของทั้งสองคน พลางขับเคลื่อนอาวุธวิเศษที่ทำจากกลีบดอกไม้เดินทางลงไปด้านล่าง “ท่านจำเรื่องที่คนของดินแดนเทียนเหยินพูดได้หรือไม่ ขัดขวางพวกเร ราเพื่ออะไร”
“ไม่ใช่เพราะพวกเราพังทลายค่ายกลเซียนของพวกเขาจึง…” ชายแก่หยุดชะงักลง ก่อนจะเบิกตาโตหลังจากที่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “พวกเขาพูดว่าอาจารย์ไม่อาจถูกรบกวนได้…หรือว่ายังมีคนอื่ น!”
“ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวเร่งความเร็วในการเดินทางลงไปใต้ท้องทะเล “หากทิศทางของหนทางแห่งสวรรค์ไม่ผิด คนเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเล” คนเหล่านั้นคือคนขโมยต้นกำเนิดที่แท้จริง
พวกเขาดำลงใต้ท้องทะเลไม่ถึงหลายสิบเมตร ก็พบว่าด้านล่างของลำแสงมีค่ายกลขนาดใหญ่กีดขวางน้ำทะเลเอาไว้ ส่วนด้านล่างของค่ายกลคือคนที่สวมชุดยาวสีฟ้าสิบกว่าคน พวกเขากำลังนั งอยู่รอบด้านของต้นกำเนิด รอบตัวมีคาถาและค่ายกลที่ไม่คุ้นตาสว่างอยู่ คาถาและค่ายกลเหล่านี้เปรียบเหมือนแม่เหล็ก ดึงดูดพลังแห่งต้นกำเนิดออกไปจากดินแดนนี้
“นี่…นี่คือค่ายกลอะไรกัน!” ไม่เพียงแต่อวิ๋นเจี่ยว แม้แต่ชายแก่ก็ตกตะลึง
อวิ๋นเจี่ยวร่ายเวทย์โจมตีเข้าไปยังค่ายกลขนาดใหญ่นั้นทันที ในขณะที่กำลังจะพังทลายเกราะป้องกันด้านนอกของค่ายกล นาทีถัดมาแสงของค่ายกลสว่างขึ้น ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนถูกพลังบ บางอย่างที่มองไม่เห็นจับเอาไว้ ก่อนจะตกลงไปท่ามกลางค่ายกลใต้ท้องทะเล
“เฮ้ย!” ชายแก่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาดึงอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ ก่อนจะพลิกตัวลงพื้นอย่างคล่องแคล่ว
“พวกเจ้าคือคนที่ทำลายเรื่องใหญ่ของพวกข้าด้านบนนั้น?” เสียงเคร่งขรึมดังขึ้น คนหนึ่งที่นั่งสมาธิประคองค่ายกลอยู่ด้านขวาพูดขึ้น สายตาคมจ้องมองมายังคนทั้งสอง เผยให้เห็นคว วามโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าทางพวกเขาสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้ว ต้นกำเนิดถูกอาจารย์ปู่รั้งเอาไว้กลางคัน แต่เนื่องจากค่ายกล พวกเขาออกจากที่นี่ไม่ได้
คิ้วของอวิ๋นเจี่ยวขมวดมุ่น กวาดตามองสิบกว่าคนทางนี้ “ต้นกำเนิดของดินแดนนี้เป็นของสถานที่แห่งนี้”
“ฮึ! ดินแดนชั้นต่ำเท่านั้น…” คนนั้นส่งเสียงไม่พอใจขึ้นมา ไม่เพียงแต่เขา คนที่กำลังประคองค่ายกลดึงดูดพลังของต้นกำเนิดสิบกว่าคนมองมายังพวกเขาด้วยสายตาอาฆาต “เข้าตาพวกข้า เป็นเกียรติของดินแดนแห่งนี้ มนุษย์เพียงไม่กี่คน บังอาจคิดจะขัดขวางพวกข้า”
ทันทีที่สิ้นเสียง พลังมหาศาลที่ไม่อาจบรรยายได้ถาโถมมาทางพวกเขา พลังนั้นทำให้คนไม่มีแรงที่จะต้อต้านแม้แต่น้อย ราวกับเทพที่สูงส่งไม่อาจเอื้อมถึง ทำให้คนไม่มีความคิดที่จะขัดขืน
อวิ๋นเจี่ยวขาอ่อนระทวย รู้สึกว่าเส้นชีพจรหัวใจขาดออกจากกัน เส้นชีพจรบนตัวก็เช่นเดียวกัน คนทั้งคนถูกพลังกลุ่มนั้นกดทับลงไป นี่คือ…พลังเทพ!
คนเหล่านี้บรรลุเป็นเทพแล้ว!
“เจ้าหนู!” ชายแก่ตกใจ รีบนั่งลงไปดึงคนเอาไว้ ก่อนจะถ่ายทอดพลังลมปราณให้เธอ
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกหายใจออกขึ้นมา ผ่อนคลายลงไม่น้อย เธอหันไปมองคนข้างตัวด้วยความตะลึง “เหตุใดท่านจึงไม่เป็นอะไร”
ชายแก่ “…”
เอ๊ะ?
จริงสิ เหตุใดเขาไม่เป็นอะไร