ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 433 ขโมยจนเป็นเทพ
เวลานี้อวิ๋นเจี่ยวถึงได้รู้ว่า อะไรคือลมน้ำผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน แต่ก่อนเห็นชายแก่ถูกควบคุม ตนเองไม่มีความรู้สึก แต่ตอนนี้คนที่ถูกควบคุมคือเธอ เธอถึงได้เข้าใจความรู้สึกนั้น น
ถึงแม้ในใจอยากจะขัดขืน แต่ร่างกายควบคุมไม่ได้แม้แต่น้อย พลังที่มาจากทุกทิศราวกับแรงดึงดูดที่เพิ่มขึ้น ทำให้เธอไม่อาจลุกขึ้นยืนได้แม้แต่น้อย สมองของอวิ๋นเจี่ยวปรากฏสูตรฟิสิก กส์จำนวนมากขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ในสมองมีแต่แรงดึงดูดที่ไม่สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร อีกทั้งคิดหาวิธีนับร้อยในการต่อต้านแรงดึงดูด พร้อมทั้งทดลองใช ช้พลังลมปราณเลียนแบบ
แต่แล้วไม่มีประโยชน์อันใด! พลังนั้นแตกต่างจากแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นเธอมีความรู้สึกอยากกลับไปเรียนฟิสิกส์ใหม่อีกครั้ง ดังนั้นถึงได้บอกว่าเชี่ยวชาญเพียงวิชาเดียวไม่ไ ได้
เธอทำได้เพียงหยิบยันต์ป้องกันติดไว้บนตัว พลังที่ถาโถมลงมาจึงเบาลง
“เจ้าหนู…” ชายแก่มองเธออย่างเป็นกังวล ก่อนจะมองตนเองที่ไร้ความรู้สึกแม้แต่น้อย ยังคงตกอยู่ในความฉงน
“เจ้าเป็นใครกันแน่!” สิบกว่าคนที่ประคองค่ายกลก็พบความผิดปกติของชายแก่ สายตาที่มองมายิ่งระแวงมากขึ้น เหตุใดดินแดนนี้จึงมีคนที่ไม่เกรงกลัวพลังของพวกเขา
อวิ๋นเจี่ยวตั้งสติได้ หันไปกำชับ “พวกเขาขยับไม่ได้ ชายแก่ พังทลายค่ายกลของพวกเขา!”
ไป๋อวี้ผงะ มองเธออย่างเป็นกังวล แต่ก็ยังคงพยักหน้า “ได้!” พูดจบก็พุ่งตรงไปยังอีกฝ่าย ยันต์จำนวนมากในมือถูกโยนออกไป
ทันใดนั้นได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังขึ้น ค่ายกลใหญ่ถูกระเบิดจนสั่นสะเทือน ด้านล่างค่ายกลปรากฏรอยร้าวสีขาว แม้แต่ลำแสงต้นกำเนิดก็สั่นไหวขึ้น ชายแก่เผยสีหน้าดีใจ ได้ผล! คนเ เหล่านี้ขยับไม่ได้จริงด้วย
ในขณะที่กำลังจะเพิ่มการโจมตี คนที่ร่วมมือวางค่ายกลสิบกว่าคนนั้นส่งเสียงดังขึ้น “คนชั่ว! บังอาจ!” ทันทีที่สิ้นเสียง พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งกวาดมา ชายแก่รีบชะงักกำลังที่จะโจม มตีออกไป ถอยหลังกลับมาจึงหลบไปได้
แต่พบว่าพลังนั้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงชั่วพริบตาก็เต็มไปทั่วทั้งบริเวณค่ายกล ส่วนด้านหลังของสิบกว่าคนนั่นมีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
ชายแก่ตกใจ ก่อนจะระวังตัวมากยิ่งขึ้น “นี่คือ…ร่างเวท!”
“ไม่ใช่! คือจิตแห่งเทพ!” อวิ๋นเจี่ยวที่สัมผัสกับพลังพูดขึ้น ตั้งแต่เงานั้นปรากฏ ภายในใจของเธอก็มีความรู้สึกอยากจะก้มกราบอย่างไร้สาเหตุ ราวกับมันเป็นการมีอยู่ที่ไม่อาจเอื้อม มถึงได้ สูงส่งดุจดั่งเทพ นอกจากจิตแห่งเทพก็ไม่มีสิ่งอื่น
“จิตแห่งเทพ?!” ชายแก่ตกตะลึง หัวใจของเขายิ่งหล่นลงไปมากขึ้น เขาเคยได้ยินจี้เฟิงเล่าว่าผู้ที่สามารถปลดปล่อยจิตแห่งเทพออกมาได้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าคนอื่น สิบ บกว่าคนนี้แกร่งมากถึงเพียงนี้หรือ
“ไม่ใช่!” ชายแก่กวาดตามองอย่างละเอียด ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย “เหตุใดจึงมีมากเพียงนี้” ทั้งที่พวกเขามีเพียงสิบกว่าคน แต่เงาที่ปรากฏตรงหน้ามีนับยี่สิบ มีบางคนปรากฏสองเงา า อีกทั้งบางคนมีสามเงา เทพหนึ่งตนสามารถมีจิตแห่งเทพสองถึงสามจิตได้หรือ
อวิ๋นเจี่ยวก็พบความผิดปกติเหมือนกัน เธอคิดไม่ตกในเวลาหนึ่ง แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่ามันคือจิตแห่งเทพไม่ผิด มิฉะนั้นไม่มีทางควบคุมเธอได้มากเพียงนี้
คนตรงข้ามไม่คิดจะให้เวลาพวกเขาได้คิด เงาเหล่านั้นพุ่งตรงมายังพวกเขาทั้งที่ยังก่อร่างกายไม่สมบูรณ์ ชายแก่เหาะขึ้นบนฟ้า พลางคุ้มกันอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านหลัง พลางหลบการโจมตีข ของจิตแห่งเทพเหล่านั้น ถึงแม้จะอนาถเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด คล่องแคล่วดุจดั่งลิงน้อย หลบหลีกได้อย่างสมบูรณ์เสียยิ่งกว่าตอนที่ถูกอาจารย์ปู่ต่อย อีกทั้ งยังสามารถโจมตีกลับได้อีก
แต่สถานการณ์ได้เปรียบนี้ไม่ได้นานมาก จิตแห่งเทพที่ก่อตัวออกมาชัดเจนขึ้น การโจมตีก็รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ชายแก่รับมืออย่างยากลำบาก แต่ก็สามารถมองเห็นลักษณะของจิตแห่งเทพได้ ชัดเจนยิ่งขึ้น
“เฮ้ย จิตแห่งเทพอะไรกัน!” ชายแก่มองเงาที่โจมตีตนเองด้วยสีหน้าตกตะลึง สิ่งสำคัญคือเงาเหล่านี้ปะปนกัน มีลักษณะหลากหลาย ถึงแม้คนหนึ่งจะมีเงาของคนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสัตว์ ที่คุ้นเคย มีเสือ มีจิ้งจอก อีกทั้งยังมีนกมีงู ไม่มีอะไรเหมือนกับคนที่นั่งประคองค่ายกลอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย
ชายแก่อย่างน้อยก็ถือเป็นคนที่รู้จักเทพ ถึงแม้จะรู้จักเพียงจี้เฟิงคนเดียว แต่จิตแห่งเทพเหมือนกับร่างเวท เป็นตัวแทนของพลังส่วนตน ดังนั้นถึงแม้จะออกจากร่าง ก็ควรมีลักษณะเหมือ อนกับร่างหลัก แต่คนกลุ่มนี้…
อวิ๋นเจี่ยวเองก็ตกตะลึงกับลักษณะจิตแห่งเทพต่างๆ นานากลางอากาศไป ปฏิกิริยาแรกคือเทพที่วางค่ายกลเหล่านั้นใช้วิชาเวทกลายร่าง จิตแห่งเทพเหล่านี้คือร่างที่แท้จริงของพวกเขา แ แต่จำนวนที่เกินมาคืออะไรกัน แม้แต่จิตแห่งเทพร่างคนก็มีลักษณะแตกต่างจากเจ้าของ นอกจาก…จิตแห่งเทพเหล่านี้ไม่ใช่ของพวกเขา!
ภายในใจของเธอสับสนอย่างมาก จนกระทั่งเงยหน้าเห็นจิตแห่งเทพร่างงูโจมตีเข้ามาทางชายแก่…
เดี๋ยว! งู?
แทบจะเสี้ยววินาที ภายในหัวของเธอมีเสียงดังขึ้น เบาะแสทั้งหมดเชื่อมต่อกันขึ้นมาในทันที
“เหล่านี้ไม่ใช่จิตแห่งเทพของพวกเขา!” อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองชายแก่ที่อยู่กลางอากาศ พูดขึ้น “เหล่านี้คือเทพที่กำเนิดขึ้นบนดินแดนแห่งนี้”
เธอนึกถึงเทพงูที่ถูกชาวบ้านแบ่งเนื้อกินในตอนนั้น นึกถึงเรื่องเล่าที่กินเนื้อเทพจะกลายเป็นเทพที่ร่ำลือไปถึงหมู่บ้านนั้น อีกทั้งที่อาจารย์ปู่บอกว่า ดินแดนของเธอไม่มีเทพที่ แท้จริง
ที่แท้ก็เป็นฝีมือของคนเหล่านี้! เหตุใดหมู่บ้านภูเขาขนาดเล็กจึงได้ยินเรื่องเล่าแบบนี้ ย่อมต้องเป็นเพราะมีคนเคยทำ ดังนั้นจึงทิ้งคำพูดเอาไว้
เหตุใดคนของดินแดนเทียนเหยินข้ามมาดินแดนทางนี้ทุกห้าสิบปี อีกทั้งยังช่วยเหลือดินแดนทางนี้ด้วยท่าทางผู้กอบกู้
พวกเขาไม่ได้มาช่วยเหลือ หากแต่มาแย่งชิงจิตแห่งเทพ
พวกเขาไม่ใช่คนของดินแดนนี้ ไม่ถูกควบคุมจากหนทางแห่งสวรรค์ทางนี้ ดังนั้นถึงแม้จะแย่งชิงจิตแห่งเทพ หนทางแห่งสวรรค์ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาสามารถทิ งยาเปิดพลังสำหรับเก็บรักษาพลังลมปราณไว้ชั่วคราว หากแต่พลังไม่เพิ่มมากขึ้นเอาไว้ พวกเขาไม่เคยคิดให้คนในดินแดนนี้มีเส้นชีพจรเสวียนที่ทำให้คนสามารถฝึกฝนได้ พวกเขาต้องการเ เพียงหุ่นเชิดที่แยกแยะเทพและปีศาจไม่ออก เพื่อให้พวกเขาตามหาเทพที่สามารถแย่งชิงจิตแห่งเทพได้เท่านั้น
มิน่าเมื่อกี้เธอถึงได้รับผลกระทบ แต่ชายแก่ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย เพราะว่าพลังนั้นมาจากจิตแห่งเทพในดินแดนนี้ เธอย่อมขัดขืนไม่ได้ แต่ชายแก่ไม่ได้เป็นคนของดินแดนนี้!