ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 434 แสงแห่งอัจฉริยะ
“ชายแก่ไม่ต้องหลบหลีกแล้ว” หลังจากที่อวิ๋นเจี่ยวคิดได้ เธอเงยหน้าพูดกับชายแก่ที่หลบหลีกอยู่กลางอากาศ “ใช้วิชาเวทย์ที่ท่านเคยเรียนมาโจมตี พวกเขาไม่อาจต้านทานได้!” จิตแห่งเท ทพของพวกเขามาจากดินแดนนี้ ดังนั้นจึงมีผลกระทบกับเธอ แต่วิชาเวทย์ของชายแก่มาจากดินแดนอื่น อีกฝ่ายอาจต้านทานไม่ได้
ชายแก่ผงะ ก่อนจะร่ายคาถาซับซ้อนขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นเปลวเพลิงพุ่งตรงออกไปยังเงาของจิตแห่งเทพ เงาเหล่านั้นถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา จากนั้นหลบหลีกไ ไป
ชายแก่ดีใจอย่างมาก คาถาเปลวเพลิงของเขายังใช้ได้ผล ดูท่าทางเผ่าเทพเหล่านี้แตกต่างจากที่เขารู้ ดังนั้นเขาจึงโจมตีไปยังอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ ทันใดนั้นวิชาเวทย์ต่างๆ ส่องประก กายไปทั่วท้องทะเล ค่ายกลใหญ่ที่ดึงดูดต้นกำเนิดมีรอยร้าวมากขึ้น ถึงแม้จะยังไม่พังทลายลง แต่เทพตัวปลอมสิบกว่าคนนั้นก็เผยสี่หน้าลำบากขึ้นมา
อาจเป็นเพราะแต่ก่อนถูกอาจารย์ปู่เฆี่ยนตีอย่างหนักหนาสาหัสทุกอาทิตย์ วิชาเวทย์ของชายแก่ผลัดเปลี่ยนได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่มีรอยต่อแม้แต่น้อย แต่เงาของจิตแห่งเทพมีจำนวนมากเกินไป ป ถึงแม้วิชาเวทย์ของเขาสามารถทำร้ายพวกเขาได้ แต่ส่วนใหญ่ล้วนจู่โจมไม่โดน อีกทั้งมีบางส่วนที่เชี่ยวชาญในการซ่อนตัว ทำให้ชายแก่หลีกเลี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้
อวิ๋นเจี่ยวยิ่งดูยิ่งร้อนใจ เธอครุ่นคิดอย่างละเอียด ก่อนจะเตือนขึ้นอีกครั้ง “ชายแก่ ใช้บทสายฟ้าในคาถาเสวียนซิน! ใช้สายฟ้ารับมือกับพวกเขา” วิชาเวทย์ธาตุสายฟ้าเป็นตัวเลือกสำ ำหรับการรับมือกับปีศาจที่ดีที่สุด ถึงแม้จะใช้ไม่ได้ผลกับเทพ แต่สำหรับชายแก่แล้ว คนเหล่านี้ไม่ใช่เทพในดินแดนของเขา ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับเขา
ชายแก่ได้ยิน จึงรวบรวมพลังลมปราณทั้งตัว ปลดปล่อยสายฟ้าออกมาจำนวนมาก ได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังขึ้น แสงสว่างสีแดงประกายขึ้นกลางอากาศ ฟาดลงไปยังเงาของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเงาของจิ ตแห่งเทพที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาถูกฟ้าผ่าจนร่างเกือบสลาย
มีประโยชน์จริงด้วย!
ชายแก่ตั้งสมาธิ คาถาสายฟ้าในมือโยนออกไปอย่างต่อเนื่อง พุ่งตรงไปทางจิตแห่งเทพเหล่านั้น อีกทั้งพลานุภาพของสายฟ้ายังมากขึ้นเรื่อยๆ จิตแห่งเทพจำนวนไม่น้อยล้วนถูกสลายไป
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อยู่ว่าง เธอมักจะพูดชี้แนะอยู่ด้านข้าง เวลานี้ใช้คาถาอะไร โจมตีไปทิศทางไหน ทันใดนั้นสถานการณ์พลิกผัน จิตแห่งเทพกลางอากาศลดลงไปกว่าครึ่ง คนที่ประคองค่ายกล ทางนั้นมีสีหน้าย่ำแย่
เมื่อเห็นสถานการณ์ได้ที่แล้ว อวิ๋นเจี่ยวติดยันต์ตัวเบาบนตัวภายใต้แรงกดดันของพลัง จากนั้นพูดชี้แนะไป๋อวี้อีกครั้ง “ชายแก่ หยุดโจมตีบนอากาศได้แล้ว ใช้วิชาเวทย์สุดท้ายในบทส สายฟ้า จู่โจมลงใต้พื้น”
“ฮะ?!” ชายแก่ผงะ “ใต้พื้น?” จิตแห่งเทพไม่ได้อยู่บนฟ้าเหรอ
“เร็ว!” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อธิบาย
ชายแก่ทำได้เพียงพยักหน้าทำตาม เขาเรียกกำแพงสายฟ้าออกมาต้านการโจมตีของเงา จากนั้นสองมือผนึก ร่ายคาถาบทยาว คาถาจำนวนมากลอยออกมาจากบนตัวของเขาโจมตีลงไปยังพื้นดิน
ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ สายฟ้าจำนวนมากจู่โจมลงมาทางด้านล่าง ในขณะที่กำลังจะถูกพื้นดินดูดกลืน นาทีถัดมาเหตุการณ์แปลกประหลาดปรากฏขึ้น สายฟ้าเหล่านั้นกระจายตัวเป็นลักษณะของ งแห แผ่ขยายไปรอบด้าน ทันใดนั้นครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ ไม่เพียงเท่านี้ มันยังแผ่ขยายไปบนม่านน้ำที่ถูกกีดกันไว้โดยรอบ ราวกับแหขนาดใหญ่ที่แผ่ออกในเวลาหนึ่ง ก่อนจะฟาดลงมาตรงกลาง อย่างไม่หยุดหย่อน
อย่าว่าแต่เงาจิตแห่งเทพขนาดใหญ่เหล่านั้น แม้แต่ชายแก่ที่เป็นผู้ร่ายคาถาก็เกือบถูกฟาด
“เฮ้ย!” ชายแก่ตะลึง ก่อนจะรีบหลบหลีกสายฟ้าที่ตนเองปล่อยออกมา มองไปยังเทพตัวปลอมสิบกว่าคนที่นั่งอยู่ใจกลางค่ายกลถูกสายฟ้าของตนเองฟาดโดน ค่ายกลสั่นไหวไปเล็กน้อย ชายแก่ ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองมีความสามารถเพียงนี้
เมื่อมองดูพื้นดินอย่างละเอียดจึงกระจ่าง สถานที่แห่งนี้คือใต้ท้องทะเล ถึงแม้จะถูกค่ายกลแบ่งพื้นที่ออกมา แต่พื้นดินยังคงเปียกชื้น อีกทั้งมีหลายบริเวณที่มีแอ่งน้ำขนาดเล็ก ทันที ที่สายฟ้าของเขาฟาดลงมา น้ำเหล่านี้ย่อมเป็นตัวนำสายฟ้าของเขาแผ่ขยายไปทั่วท้องทะเล อีกทั้งการโจมตีก่อนหน้านี้ของเขาทำให้ค่ายกลปรากฏรอยร้าว ด้านบนมีน้ำจำนวนไม่น้อยหยดลงมา จึงชักนำสายฟ้าไปยังกลางอากาศ
หันไปมองระยะที่ห่างออกไปไม่ไกล อวิ๋นเจี่ยวหาสถานที่ปลอดภัยลอยตัวอยู่ เทพคืออะไร อัจฉริยะถึงน่ากลัว!
“จัดการเจ้าหนูคนนั้นก่อน!” สิบกว่าคนที่วางค่ายกลก็พบเหตุการณ์นี้ พวกเขาไม่สนใจชายแก่ที่อยู่ทางนี้ ใช้จิตแห่งเทพจู่โจมไปยังอวิ๋นเจี่ยว
“เจ้าหนู!” ชายแก่ตะลึง หันหลังพุ่งตัวไปยังทิศทางนั้น คาถาสายฟ้าโจมตีไปหลายตัว สายฟ้าทั่วทั้งท้องฟ้าจู่โจมจิตแห่งเทพสลายไปไม่น้อย แต่ก็ยังสายไป เงาของงูใช้หางสะบัดไปทางอวิ นเจี่ยวแล้ว
อวิ๋นเจี่ยวคิดจะหลบออก แต่พลังที่กดทับลงมาบนตัวมีมากขึ้น นอกจากเคลื่อนที่ไม่ได้แล้ว ยังคุกเข่าลงไปโดยตรง หางงูขนาดใหญ่กำลังสะบัด กระแทกเข้ากับเกราะป้องกันรอบตัวของเธอ ยัน นต์ป้องกันแหลกออกทันที เธอถูกสะบัดจนลอยออกไป กระแทกเข้ากับลำแสงใจกลางค่ายกล
“เจ้าหนู!” ชายแก่คิดจะหันกลับไปช่วยคน เหล่าคนที่นั่งอยู่รอบลำแสงนั้นปรากฏเงาของอีกคนขึ้นมา แตกต่างจากลักษณะแปลกประหลาดของจิตแห่งเทพอื่นๆ เวลานี้เงาคนนี้มีลักษณะเหมือนกับ นักพรตด้านข้างไม่มีผิดเพี้ยน มันคือจิตแห่งเทพของเขาเอง
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ไม่คิดว่าในคนเหล่านี้จะมีคนฝึกฝนจนมีจิตแห่งเทพได้จริง เงานั้นสะบัดมือ ทันใดนั้นเชือกสีขาวปรากฏขึ้น ผูกมัดอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ เขายกมืดขึ้นบีบคอของเธอ ยกตัวเ เธอลอยขึ้นมา ทันใดนั้นเธอหายใจอย่างยากลำบาก
“หยุด!” ชายแก่หยุดชะงักไปทันที เขาพูดอย่างร้อนใจ “เจ้าคนชั่ว ปล่อยนาง! รังแกหญิงสาวทำไม มีอะไรมาหาข้า”
“ฮึ! บังอาจ คิดว่าเจ้าชนะพวกข้าได้เหรอ” เงานั้นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะถลึงตาใส่ชายแก่ด้วยใบหน้าอาฆาต “ครานี้พวกข้าพลาดเอง ไม่คิดว่าดินแดนนี้จะมีคนที่สามารถขัดขืนพลังของ งพวกข้าได้ แต่ก็ไม่เป็นไร…” เสียงของเขาทุ้มต่ำลง ความอาฆาตภายในดวงตายิ่งมากขึ้น มือที่บีบคอของอวิ๋นเจี่ยวกระชับแน่น “เพียงแค่นางขัดขืนไม่ได้ ถึงแม้ว่าเจ้ามีวิชาเวทย์เก่ งกาจจะทำอะไรข้าได้”
“เจ้า…” ชายแก่ขุ่นเคือง ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะไปเรียกอาจารย์ปู่ลงมาดีหรือไม่นั้น
อวิ๋นเจี่ยวที่ถูกจับอยู่พูดขึ้น “เจ้า…แน่ใจ?”
“อะไรนะ” เงาที่บีบคอเธอผงะ
อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องมองไปยังเขา ภายในดวงตาไม่มีความหวาดกลัวต่อความตาย หากมีแต่สีหน้า…เคร่งขรึม?
“พวกเจ้าคิดว่าข้าถูกควบคุมอยู่ทางนั้น อ้าปากพูดอย่างเดียว ไม่ได้ทำสิ่งอื่นเหรอ”
“เจ้าทำอะ…”
เงายังพูดไม่ทันจบ มือของอวิ๋นเจี่ยวกำแน่น ฉีกยันต์ใบหนึ่งทิ้ง นาทีถัดมาใต้ท้องทะเลสั่นสะเทือน ได้ยินเพียงเสียงดังต่อเนื่อง จากนั้นพื้นทะเลแหวกออก ทำให้ค่ายกลบนพื้นฉีกอ ออกจากกัน ค่ายกลนั้นพังทลายลงในทันที
สิบกว่าคนที่ประคองค่ายกลเอาไว้รู้สึกเพียงพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งสะท้อนกลับมาจากใจกลางของค่ายกล ก่อนจะกระอักเป็นเลือดออกมา