ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 437 การเลือกของต้นกำเนิด
เยี่ยยวนมองไปยังเด็กชายเกล้ามวยผมด้วยความเย็นชา แทบจะเป็นเพียงชั่วพริบตา พลังแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งกวาดไปทางอีกฝ่าย เด็กชายรับมือไม่ทัน ลอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงเสียงดัง
แตกต่างจากการครั้งก่อนที่อาจารย์ปู่ทำกับคนอื่น ครานี้ถึงแม้อีกฝ่ายจะแนบอยู่บนกำแพง แต่รอบตัวเหมือนถูกบางสิ่งที่ไร้รูปร่างบีบอัด แม้แต่ร่างกายของเขาก็สั่นไหวขึ้นมา ราวก กับกำลังจะพังทลาย
อวิ๋นเจี่ยวเห็นความอาฆาตของเยี่ยยวนอย่างชัดเจนเพียงนี้เป็นครั้งแรก ร่างกายตึงเครียดราวกับวิตกกังวล อีกทั้งยังยื่นมือมาดึงเธอไปไว้ด้านหลัง
“ท่าน…ปล่อยข้า! ข้ามารับเจ้านายกลับไป ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านไม่มีสิทธิ์มาควบคุมข้า!” เด็กชายเกล้ามวยผมราวกับพบว่าตนเองขัดขืนไม่ได้ ถลึงตามองไปยังเยี่ยยวนด้วยความขุ่นเคือง จ จากนั้นมองไปยัง
อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง แปรเปลี่ยนสีหน้า เผยให้เห็นดวงตาแดงก่ำสีหน้าน่าสงสาร เขาพยายามยื่นมือออกมา เรียกขานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านแม่…”
เด็กชายคนนี้ปรับตัวรวดเร็วเกินไป
อวิ๋นเจี่ยวทำหน้าฉงน กวาดตามองเด็กชาย แต่พบว่าถึงแม้สีหน้าของเขาจะแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความจริงใจ เธอสามารถสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เสแสร้ง หรือ อควรจะบอกว่าเขาไม่รู้ว่าการเสแสร้งคือสิ่งใด เขากำลัง…ขอความช่วยเหลือจากเธออย่างจริงใจ
ทันใดนั้น ภายในสมองมีความคิดที่เหลือเชื่อแล่นผ่าน เธอพูดออกมา “เจ้าก็เป็นหนทางแห่งสวรรค์!”
“อืมๆๆ !” เด็กชายเกล้ามวยผมพยักหน้าอย่างแรงด้วยสีหน้าดีใจ “ข้าใช่ ท่านแม่ ข้าเป็น…โอย” เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกพลังของเยี่ยยวนทับลงไปจนร้องเสียงหลงออกมา
อวิ๋นเจี่ยวมองเด็กชายเกล้ามวยผม ก่อนจะมองหนทางแห่งสวรรค์ในชุดสูทที่ทำท่าทางทับถมอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกระอา เห็นได้ชัดว่าเด็กชายเกล้ามวยผมนี้เป็นหนทางแห่งสว วรรค์ของดินแดนที่รุกรานเข้ามา เหตุใดเขาจึงปรากฏตัวที่นี่ อีกทั้งยังเรียกแม่ตั้งแต่เจอหน้า
“อาจารย์ปู่ ท่านปล่อยเขาลงมาก่อน” อวิ๋นเจี่ยวทำได้เพียงดึงคนข้างตัว “ข้าอยากถามให้กระจ่าง”
เยี่ยยวนหันมามองเธอ ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือออก นาทีถัดมาเด็กชายเกล้ามวยผมร่วงลงบนพื้นเสียงดัง ร่างกายที่ถูกทับจนแทบจะสลายฟื้นคืนกลับมา
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขาขึ้นลง หากเป็นหนทางแห่งสวรรค์ คำพูดที่เขาพูดคงจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพราะตัวของหนทางแห่งสวรรค์คือกฎเกณฑ์ ซึ่งหมายความว่า พวกเขาทำได้ทุกสิ่ง แต่ไม ม่มีทางพูดเรื่องเท็จ
“เหตุใดเจ้าจึงข้ามมาดินแดนทางนี้ อีกอย่าง คำพูดที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร เหตุใดจึงเรียกข้าว่า…ท่านแม่” เมื่อเห็นเขาดีขึ้น อวิ๋นเจี่ยวจึงถามทันที
“ข้าหมายความตามที่พูด!” เด็กชายเกล้ามวยผมเงยหน้าขึ้น มองเธอด้วยใบหน้าตื่นเต้น “ท่านไม่ชอบให้ข้าเรียกว่าท่านแม่หรือ ให้ข้าเรียกท่านว่าเจ้านาย ลูกพี่ บอส…อะไรก็ได้! ท่าน ชอบฟังคำไหน”
“ฮึ ขี้ประจบ!” ทันทีที่สิ้นเสียง หนทางแห่งสวรรค์ในชุดสูทส่งเสียงไม่พอใจ พร้อมทำหน้าเหยียดหยาม
“ถุย ขี้ประจบยังดีกว่าไม่มีคนเอาอย่างเจ้า!” เด็กชายเกล้ามวยผมตอกกลับทันที
“เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดใหม่!” เด็กชายชุดสูทก็ระเบิดทันที มือทั้งสองข้างกำแน่น มองเขาด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าขี้ขโมยไร้ยางอาย คิดว่าข้าไม่กล้าสู้เจ้าหรือ”
“ข้าเคยบอกหลายครั้งแล้ว ข้าไม่สนใจเจ้าแม้แต่น้อย” เด็กชายเกล้ามวยผมเบะปาก ก่อนจะตอบอย่างไร้เดียงสา “พวกเขาใช้รอยร้าววิ่งข้ามมาทางนี้เอง อีกอย่าง…สิ่งของที่พวกเขาเอาไปข้า คืนให้เจ้าหมดแล้วไม่ใช่หรือ”
“ฮึ พูดมาได้!” เด็กชายชุดสูทยิ่งโกรธมากขึ้น “หากไม่ใช่ท่านพ่อลงมือ เจ้าจะคืนกลับมาเองหรือ” พูดจบยังมองไปทางเยี่ยยวนราวกับต้องการฟ้อง เขาพูดด้วยน้ำตาที่รื้นขอบตา “ท่านพ่ อ…เขารังแกข้า!”
พูดจบยังยื่นมืออ้วนราวกับต้องการจับมือของอีกฝ่าย แต่ถูกสายตาเย็นชาของเยี่ยยวนรั้งเอาไว้
“ไปให้พ้น!” เจ้าไม่ใช่ศิษย์หลานตัวน้อย อย่าเข้าใกล้ข้า!
เด็กชายชุดสูท “…” เจ็บใจ!
“ฮิๆๆ …” ครานี้ถึงคราวเด็กชายเกล้ามวยผมทับถมแล้ว เขามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าได้ใจ ก่อนจะอธิบาย “หากไม่ใช่ข้าสัมผัสได้ว่าโอกาสตามหาเจ้านายอยู่ทางนี้ ข้าก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกั บดินแดนทางนี้ สิ่งที่เจ้ามีข้าก็มี ข้าไม่มีทางอยากได้ของในดินแดนของพวกเจ้า! ข้าไม่ได้ไม่มีคนเอาเหมือนเจ้า!”
เด็กชายชุดสูทเลือดสูบฉีดขึ้นมาทันที เขาตอกกลับด้วยความขุ่นเคือง “ถึงข้าจะไม่มีคนเอา ก็ยังดีกว่าหนทางแห่งสวรรค์พังๆ ที่แม้แต่การควบคุมสิ่งมีชีวิตในดินแดนของตนเองยังทำไม่ได้ อย่างเจ้า!”
“เจ้าด่าใครเป็นหนทางแห่งสวรรค์พังๆ ข้าแค่ขาดการซ่อมเท่านั้นเอง! ไม่ได้พัง!” เด็กชายเกล้ามวยผมโต้แย้ง
“นอกจากเจ้า ข้ายังด่าใครได้อีก เจ้ามันพัง! พังจนเป็นรอยร้าว!”
“ฮึ พูดอย่างกับตนเองสมบูรณ์แบบ ไร้ยางอายเกาะติดผู้สร้างของดินแดนอื่น”
“ข้าเต็มใจ เจ้าหนทางแห่งสวรรค์พังๆ !”
“เจ้าสิพัง!”
“เจ้าสิพัง!”
“…”
มองดูหนทางแห่งสวรรค์ทั้งสองที่ต่อปากต่อคำกันอย่างไม่สนใจภาพพจน์ อีกทั้งภาพลักษณ์ของทั้งสองคนที่เหมือนเด็กน้อยในอนุบาลที่กำลังแย่งของเล่นกัน อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุกขึ้นมา เธอ เดินขึ้นหน้าแยกเด็กสองคนออกจากกัน
“พวกเจ้าทั้งสองหยุดก่อน” เธอทำหน้าระอา อย่างน้อยก็เป็นถึงหนทางแห่งสวรรค์ของดินแดนหนึ่ง อย่าทำให้ดินแดนขายหน้าได้หรือไม่ จากนั้นกวาดตามองทั้งสองคนสลับไปมา ก่อนจะพูดด้วยสี หน้าเคร่งขรึม “ห้ามทะเลาะกัน! พูดให้รู้เรื่องก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ขอรับ ท่านแม่!” เด็กชายเกล้ามวยผมเชื่อฟังในทันที
“ฮึ!” เด็กชายชุดสูทส่งเสียงไม่พอใจ ราวกับจะต่อปากต่อคำอีก แต่เมื่อเหลือบเห็นสายตาเย็นชาของเยี่ยยวน เขาก็เงียบลงทันที
“ตอบคำถามของข้า!” อวิ๋นเจี่ยวถามต่อ “เหตุใดเจ้าจึงเรียกข้าว่าท่านแม่”
“ท่านครอบครองต้นกำเนิด ท่านก็คือนายของดินแดนพวกเรา ข้าย่อมต้องเรียกท่านว่าท่านแม่!” เด็กชายเกล้ามวยผมพูด
“บนตัวข้ามีต้นกำเนิดของต่างดินแดนส่วนหนึ่งก็จริง” อวิ๋นเจี่ยวยังคงไม่เข้าใจ “แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการรับทั้งดินแดน” เธอสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ เธอสัมผัสในเวลานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เหตุใดจึงกลายเป็นนายของดินแดนทางนั้น
“เกี่ยวอย่างแน่นอน!” เด็กชายเกล้ามวยผมพูดอย่างร้อนใจ “ถึงแม้จะเป็นเพียงส่วนเดียว แต่ทันทีที่ท่านสัมผัส มันก็กลายเป็นของท่านแล้ว”
“เจ้าหมายความว่า…” อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้ว “ข้ากลายเป็นผู้สร้างดินแดนของพวกเจ้าเหมือนกับอาจารย์ปู่?”
“อืมๆๆๆ !” เขาพยักหน้าอย่างแรง “เป็นอย่างนั้น!”
“ไม่ ตรรกะนี้ไม่ถูก!” อวิ๋นเจี่ยวลองไล่อย่างละเอียด มองไปยังอาจารย์ปู่ที่อยู่ด้านข้าง “ไม่ได้มีเพียงรับต้นกำเนิดทั้งหมดถึงสามารถรับดินแดนได้หรือ” ตอนนั้นหนทางแห่งสวรรค์ชุดสู ทมาขอให้อาจารย์ปู่ช่วยซ่อมแซมก็พูดเช่นนี้! มีเพียงครอบครองต้นกำเนิดของดินแดนหนึ่งจึงจะสามารถซ่อมแซมหนทางแห่งสวรรค์ได้
“หากเป็นสถานการณ์ปกติจะเป็นเช่นนั้น แต่ท่านไม่เหมือนกัน!” เด็กชายเกล้ามวยผมตอบด้วยใบหน้าจริงจัง
“ไม่เหมือนตรงไหน”
ดวงตาของเขาลุกวาวมากยิ่งขึ้น ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้น “เพราะว่า…ท่านได้รับเลือกจากต้นกำเนิดเอง!”
“…”
อะไรกัน