ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 439 เตรียมกลับบ้าน
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ ในขณะที่กำลังจะตอบกลับ เด็กชายเกล้ามวยผมด้านข้างร้อนใจ ใบหน้าเล็กคว่ำลง ก่อนจะคุกเข่าลงไปอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใด จากนั้นกอดขาของเธอเอาไว้ “ไ ไม่เอา ท่านแม่! ลูกตามหาท่านเจออย่างยากลำบาก ท่านจะทอดทิ้งข้าได้อย่างไร เจ้าเด็กนี่พูดไม่ผิด ข้าเป็นหนทางแห่งสวรรค์ที่พังแล้ว พังจนพังอีกไม่ได้ พังจนใกล้แตกแล้ว ท่านจะ ะทิ้งข้าที่ใกล้พังได้ลงคอเชียวหรือ” เขายังรอคอยการซ่อมแซมอยู่!
“ถุย! ไร้ยางอาย!” เด็กชายชุดสูทส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก เมื่อกี้ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองพัง!
“ไม่ต้องสนใจ!”เยี่ยยวนสีหน้าดำทะมึน ก่อนจะโบกมือกวาดเด็กชายเกล้ามวยผมออกจากตัวของอวิ๋นเจี่ยวไป จากนั้นโอบกอดอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวเอง พูดด้วยใบหน้าจริงจัง “ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่อ องอื่น ทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำก็พอ สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ถึงแม้จะโยนทุกอย่างทิ้งกลับไปชิงหยางกับข้าในเวลานี้ก็ย่อมได้”
กลับไป!
อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันตอบ เด็กชายชุดสูทเปลี่ยนสีหน้าไป ท่าทางดูถูกแปรเปลี่ยนเป็นน่าสงสารแบบเดียวกับเด็กชายเกล้ามวยผม “ไม่นะ ท่านพ่อ! ข้าก็เป็นหนทางแห่งสวรรค์ที่พัง พังเหมือ อนกัน ท่านอย่าทิ้งข้าที่พังไป!”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
หนทางแห่งสวรรค์ไร้ยางอายแบบนี้เหมือนกันหมดเหรอ
…
อวิ๋นเจี่ยวไม่รู้จะทำอย่างไรกับดินแดนที่รุกราน หากจะบอกว่าจัดการ เธอไม่รู้ว่าควรจะจัดการแบบไหน การจัดการดินแดนแห่งหนึ่งแตกต่างจากการเปิดโรงเรียน ถึงแม้จะศึกษาเธอก็ไม่รู้ ว่าต้องเริ่มศึกษาจากไหน
ถึงแม้ตรงหน้าจะมีเป้าหมายให้ศึกษาสามคน แต่คนหนึ่งวันๆ เอาแต่อบขนม ส่วนอีกคนมัวแต่วิจัยการปลูกพืชในยมโลก อีกคนเอาแต่วิจัยการหาที่ตาย ไม่มีคุณค่าที่คู่ควรให้ศึกษาแม้แต่น น้อย ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะที่มีความมั่นใจก็รู้สึกถึงอนาคตที่มืดมน
เมื่อรู้ว่าอวิ๋นเจี่ยวกลายเป็นผู้สร้างโดยบังเอิญ อีกทั้งเก็บดินแดนหนึ่งได้สำเร็จแล้ว ชายแก่ก็วางใจลง แม้แต่การบ้านในแต่ละวันก็เริ่มอู้ขึ้นมา
เยี่ยยวนเป็นห่วงนางมาก เสนอทางออกสองแบบให้นาง กำจัดหนทางแห่งสวรรค์หรือกำจัดต้นกำเนิด ให้นางเลือกหนึ่งทาง
อวิ๋นเจี่ยว “…” อืม ช่างเป็นวิธีที่กำจัดปัญหาในครั้งเดียว ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องต่อจากนี้!
“เจ้าหนู ข้าเก็บของเสร็จแล้ว เจ้ามีสิ่งอื่นต้องการพกไปอีกหรือไม่” ชายแก่ดันกระเป๋าเสื้อผ้าสี่ห้าอันเดินออกมาจากค่ายกลขนส่ง มองเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ท่าน...” อวิ๋นเจี่ยวมองกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ข้างตัวเขา ย้ายบ้านหรือ
“กลับไปไง!” ชายแก่พูด “เมื่อกี้ข้าบอกลากับคนในบ้านแล้ว อีกทั้งหนทางแห่งสวรรค์ก็รับปากแล้ว หลังจากที่ข้าจากไปจะแก้ไขความทรงจำของพวกเขา พวกเขาจะคิดว่าข้าตายไปเมื่อหนึ่งปีก ก่อน อย่างไรอายุข้าก็ไม่น้อยแล้ว”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ “ท่านหมายถึงกลับชิงหยาง?”
“ใช่!” ชายแก่เบียดตัวออกมาจากกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ “พลังของข้ากลับมาแล้ว ยันต์ข้ามมิติก็วาดเอาไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งของที่ข้าจะนำกลับไป ล้วนเป็นสิ่งของที่ทางนั้นไม่ มี ใช้ดีอย่างมาก เจ้าเก็บไปถึงไหนแล้ว”
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองกล่องที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง เห็นแต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า พวกโน๊ตบุ๊ค เครื่องเสียง โทรทัศน์ ไอแพด อีกทั้งยังมีตู้เย็น นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือมีสี่ห้าเ เครื่อง
เธอทำหน้าระอา ก่อนจะพูด “ท่านแน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้…ยังใช้ได้ทางนั้น?”
“เรื่องนี้เจ้าวางใจ! ข้าคัดลอกไว้หลายชิ้น! พอให้ข้าใช้หลายร้อยปี” เขาชี้ไปยังแฟลชไดรฟ์ด้านข้างกระเป๋าเดินทาง ก่อนจะอธิบายต่อ “ข้าคิดไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาต้องชาร์จไฟ พวกเราว วางค่ายกลสายฟ้าที่เหมาะสม หลายวันนี้ข้าศึกษามาแล้ว แม้แต่ลักษณะของค่ายกลก็วาดออกมาแล้ว” พูดจบเขาก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาอย่างตื่นเต้น จากนั้นยื่นให้เธอ “เจ้าหนู เจ้า ารีบดู ไฟฟ้าที่ค่ายกลสายฟ้าปล่อยออกมามีความดันเท่ากับสองร้อยยี่สิบโวลต์พอดี อาศัยช่วงที่ยังไม่ออกเดินทาง เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่ามีอะไรผิดหรือไม่ เมื่อไปถึงทางนั้นจะทดลองไม่ไ ได้” เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เขาพกไปมีจำนวนจำกัด
อวิ๋นเจี่ยว “…” นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณภาพการบ้านของเขาในหลายวันนี้ตกต่ำลงเหรอ เขาใช้เวลาศึกษาสิ่งนี้
“ค่ายกลของท่านไม่มีปัญหา ข้าไม่มีอะไรต้องพก” เธอกวาดตามองภาพค่ายกล ก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเครื่องหนึ่ง ถาม “ท่านแน่ใจว่าสิ่งนี้พกไปจะใช้ได้”
ชายแก่ผงะ ก่อนจะนึกได้ว่าทางนั้นไม่มีสัญญาณ เขามองโทรศัพท์มือถือด้วยความลังเล “เฮ้อ เจ้าก็รู้ว่าดินแดนทางนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือก็ไม่มีความปลอดภัย ข้าเคยชินไปแล้ว จึงพกติดตัวม มาด้วย”
“กระจกพันลี้ก็ใช้ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ” ก็แค่สื่อสารทันที
“ไม่เหมือนกัน โทรศัพท์มือถือมีฟังก์ชันมากกว่ากระจกพันลี้มากโข” ชายแก่เบะปาก ทำหน้าเสียดาย “เจ้าหนู เจ้าดูสิ่งนี้ไปถึงทางนั้นมีวิธีไหนสามารถใช้ได้ต่อหรือไม่”
“มี!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
“วิธีอะไร”
“ท่านพกดาวเทียมไปด้วย”
“…”
สุดท้ายชายแก่จึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะพกโทรศัพท์มือถือข้ามไป แต่เขาตัดสินใจแล้ว เมื่อกลับไปถึงเสวียนเหมิน สิ่งแรกที่จะทำคือเรียกรวมเหล่าอาจารย์ห้องฝึกฝนอาวุธ พัฒนา ฟังก์ชันหลากหลายประเภทของกระจกพันลี้ อย่างไรก็ต้องทำโทรศัพท์มือถือออกมาให้ได้ก่อน!
“จริงสิ อาจารย์ปู่ล่ะ?” ชายแก่มองไปรอบด้าน ก่อนจะพบว่าคนที่ไม่ออกห่างจากเจ้าหนูแม้แต่ก้าวเดียวไม่อยู่ในห้อง
“อ่อ เขาไปซ่อมหนทางแห่งสวรรค์” อวิ๋นเจี่ยวตอบ
ถึงแม้อาจารย์ปู่จะไม่ได้ยอมรับต้นกำเนิดเอาไว้ทั้งหมด แต่ซ่อมแซมหนทางแห่งสวรรค์ชั่วคราวยังพอทำได้ การซ่อมแซมหนทางแห่งสวรรค์ที่ว่านั้น อันที่จริงก็คือการปิดรอยร้าวระหว่างสองดิ นแดน ทำให้สองดินแดนไม่กระทบซึ่งกันและกัน ตอนที่ตัดขาดต้นกำเนิดก่อนหน้านี้ ถึงแม้รอยร้าวเหมือนจะถูกอุดเอาไว้แล้ว แต่อันที่จริงมันยังคงอยู่ ครั้งนี้พวกเขาไปซ่อมแซมรอยร้าวนี้
เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับอีกดินแดน ดังนั้นเด็กชายเกล้ามวยผมจึงตามไปด้วย เมื่อมีความร่วมมือของเขา การซ่อมแซมจึงง่ายขึ้นมาก
ทั้งสองคนไม่ได้รอนาน เยี่ยยวนก็กลับมาแล้ว ตั้งแต่ซึมซับต้นกำเนิดครั้งก่อน เขาก็ไม่ได้ลากหางงูไปมาอีกแล้ว ดูแล้วไม่แตกต่างจากตอนที่อยู่ชิงหยางแม้แต่น้อย
“อาจารย์…” อวิ๋นเจี่ยวยังพูดไม่ทันจบ คนตรงหน้าก็กลายร่างเป็นหมีโคอาล่าตามความเคยชิน หัววางเอียงอยู่บนไหล่ของเธอ คนทั้งคนพิงเข้ามา
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ทันใดนั้นหัวใจอ่อนระทวย เธออดลูบหลังของอีกฝ่ายเบาๆ ไม่ได้ “เหนื่อยหรือ”
สักพักเขาจึงตอบเสียงเบา “…อืม”
“เหนื่อยหน่อยนะ” ดูท่าทางถึงแม้จะเป็นผู้สร้าง การซ่อมแซมหนทางแห่งสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ปู่เพิ่งยอมรับต้นกำเนิด อีกทั้งยังพยายามฝืนไม่เข้าสู่ห้วงนิทร รา
เยี่ยยวนไม่ตอบ เพียงแต่กอดเธอเอาไว้แน่นมากขึ้น ก่อนจะถูข้างแก้มของเธอเบาๆ ไม่ยอมปล่อยออก
ชายแก่ที่ยืนดู “…” อาหารหมานี้ กินไปกินมาก็เคยชินเสียแล้ว
“แค่กๆๆ …” ชายแก่แสร้งไอเพื่อยกระดับการมีตัวตน เพื่อป้องกันการถูกใครบางคนจับออกไป เขารีบพูดขึ้น “อาจารย์ปู่ ข้าวาดยันต์ข้ามมิติเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปได้แล้ว”
เยี่ยยวนเงยหน้าขึ้น สายตากวาดมองไปยังกระเป๋าเต็มพื้นด้วยคิ้วที่ขมวด
ชายแก่หัวเราะแห้ง ก่อนจะหยิบยันต์ออกมาใบหนึ่งทันที จากนั้นพูดขึ้น “ข้ากับเจ้าหนูเตรียมตัวเสร็จแล้ว อาจารย์ปู่มีอะไรที่ต้องพกกลับไปหรือไม่”
เยี่ยยวนเบนสายตากลับมามองอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ในอ้อมกอด มือที่โอบอีกฝ่ายกระชับแน่น สักพักจึงตอบกลับ “ไม่ต้อง!” เขามีสิ่งที่ต้องการที่สุดแล้ว
“ได้ พวกเราออกเดินทางกันเถิด” ชายแก่ไม่รีรอ กระตุ้นยันต์ภายในมือ
นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่แสงสีขาวสว่างขึ้น ทันใดนั้นปกคลุมคนทั้งสามภายในห้อง รวมไปถึงกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่เต็มพื้น จากนั้นแสงสีขาวดับไป หลงเหลือไว้เพียง…คนทั้งสามที่ยังอยู่ที เดิม!
ชายแก่ “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เยี่ยยวน “…”
เอ๊ะ?!!!