ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 446 เชื่อมต่อสองดินแดน
อิ้งหลุนกรอกตาขาวใส่ซื่อไป๋ตามความเคยชินก่อนจะถามกลับมายังประเด็นเดิม ”ศิษย์ตัวน้อย เจ้าคิดจะจัดการกับปัญหาของดินแดนทางนั้นอย่างไร”
อวิ๋นเจี่ยวหันหน้าไปมองเขา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ”ข้าอยาก…เปิดโรงเรียนสองดินแดน!”
ทั้งสี่คน “…” ฮะ?
ยังเปิดอีก!
“ข้ารู้สึกว่า” อวิ๋นเจี่ยวอธิบายอย่างจริงจัง “สาเหตุที่ดินแดนทางนั้นวุ่นวาย สิ่งสำคัญคือปัญหาด้านความคิด พวกเขาใช้ชีวิตในดินแดนที่ศรัทธาในกำลังตั้งแต่เล็ก ยากที่จะตระหนักไ ได้ด้วยตนเอง ส่วนดินแดนทางนี้มีระเบียบที่สมบูรณ์มากกว่า สู้ให้พวกเขาข้ามมาศึกษาความคิดก้าวหน้าทางนี้ จากนั้นนำพาดินแดนก้าวหน้าร่วมกัน เช่นนี้อาจแก้ไขปัญหาจากต้นตอได้”
“เจ้าอยากให้คนดินแดนทางนั้นข้ามมา?!” อิ้งหลุนขมวดคิ้ว ถึงแม้พวกเขาจะสนิทกัน แต่คนของดินแดนทางนั้นคือผู้รุกรานสำหรับดินแดนทางนี้ เมื่อถึงเวลาจะมีผลกระทบอะไรพวกเขาก็ไม่แน่ใจ จ
“ไม่ได้! ข้าไม่เห็นด้วย” ซื่อไป๋คัดค้านขึ้นมาทันที ”เจ้าบอกแล้วว่าดินแดนทางนั้นไม่ดี เมื่อถึงเวลาหากปรับปรุงไม่ได้ อีกทั้งยังทำให้ระเบียบทางนี้วุ่นวายไปด้วยจะทำอย่างไร” อีก กฝ่ายเป็นคนจากต่างดินแดน
“ศิษย์ตัวน้อย…” อิ้งหลุนพูดอย่างลำบากใจ
“คนต่างดินแดนไม่ถูกควบคุมโดยหนทางแห่งสวรรค์ ข้ารู้ว่าจุดประสงค์ของเจ้านั้นดี แต่พวกข้าไม่อาจจับตาดูพวกเขาได้ตลอดเวลา กลัวว่าถึงเวลาพวกเราจะเรียนรู้ในสิ่งไม่ดี ส่งผลกระทบต ต่อดินแดนทางนี้”
“หากพวกเขาถูกควบคุมโดยหนทางแห่งสวรรค์ล่ะ?” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“อะไรนะ!” ไม่เพียงอิ้งหลุน แม้แต่ซื่อไป๋ก็ตกตะลึง ”จะเป็นไปได้อย่างไร ต้นกำเนิดแตกต่างกัน การมีอยู่ของพวกเขาไม่ได้อยู่ภายในขอบเขตการควบคุมของหนทางแห่งสวรรค์ ยกเว้นเสียแต่ทั้ งสองดินแดนหลอมรวมกัน…เดี๋ยว เฮ้ย! เจ้าคงไม่ได้อยากให้ทั้งสองดินแดนหลอมรวมกันใช่หรือไม่” อิ้งหลุนตกใจ หันหน้าไปมองอวิ๋นเจี่ยวที่ทำหน้าจริงจัง เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง!
“อืม” อวิ๋นเจี่ยวไม่มีท่าทีปฏิเสธแม้แต่น้อยอีกทั้งยังพยักหน้า
“นี่คือเป้าหมายท้ายที่สุดของข้า ตอนนี้เพียงแค่ต้องการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันเป็นการชั่วคราวเท่านั้น”
“เจ้าเอาจริง!” ซื่อไป๋มองเธอด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัวอย่างแรง “เป็นไปไม่ได้! ถึงแม้เจ้าจะมีความคิดนี้ แต่ต้นกำเนิดจะให้ความร่วมมือหรือไม่ก็ยังไม่แน่นอน ถึงแม้ว่า ต้นกำเนิดของดินแดนขยะที่เจ้าพูดจะฟังดูอ่อนแออย่างมาก พวกเราสามารถครอบครองได้ง่าย แต่เจ้าจะให้ต้นกำเนิดทางนี้ยอมรับเจ้าอย่างไร” คิดจะสร้างความสัมพันธ์ทั้งสองดินแดน ไม่ใช่แค่ผู้ สร้างหารือกันก็ทำได้ ต้องให้ต้นกำเนิดทั้งสองดินแดนยอมรับการมีอยู่ของพวกเขาทั้งสี่คน
ยังไม่ต้องพูดถึงเยี่ยยวน ซื่อไป๋และอิ้งหลุนต่างเป็นผู้สร้างโดยกำเนิด คิดจะครอบครองต้นกำเนิดของต่างดินแดน หากพยายามใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ยากตรงที่จะทำอย่างไรให้ต้นกำเนิดข ของดินแดนทางนี้ยอมรับตัวตนผู้สร้างของอวิ๋นเจี่ยวด้วย เรื่องนี้ต้องยอมรับทั้งสองฝั่ง มิฉะนั้นหนทางแห่งสวรรค์ทั้งสองฝั่งอาจขัดแย้งกันเอง
“ข้าคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหา” อวิ๋นเจี่ยวยังคงตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ชิ!” ซื่อไป๋พูดเสียดสีตามความเคยชิน ”ไม่ใช่ปัญหา?! พูดได้ง่าย เจ้าคิดว่าการยอมรับจากต้นกำเนิดได้มาอย่างง่ายดาย? เจ้าโชคดีที่ได้รับต้นกำเนิดของดินแดน แต่คิดว่าดินแดนอื่นตาบอด ดหรืออย่างไร โดยเฉพาะพวกเรา…เอ๊ะ? เอ๊ะ!”
เขายังพูดไม่ทันจบ เห็นเพียงแต่อวิ๋นเจี่ยวเอียงตัวยื่นมือออกมา นาทีถัดมาแสงสีทองสว่างขึ้น แสงสีทองจำนวนมากหลั่งไหลมารวมอยู่ในมือของเธอ อีกทั้งยังเจือปนไปด้วยพลังที่พวกเขา าคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง…พลังแห่งต้นกำเนิด!
“ข้าคิดว่า ต้นกำเนิดของพวกท่านยินดีเป็นอย่างมาก” อวิ๋นเจี่ยวตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
อิ้งหลุน “…”
ซื่อไป๋ “…”
เฮ้ย! ซื่อไป๋และเพื่อนของเขาตกตะลึงอย่างมาก! มีความรู้สึกเหมือนถูกต้นกำเนิดทรยศเสียอย่างนั้น ต้นกำเนิดในดินแดนของพวกเขาไร้จรรยาบรรณเพียงนี้เชียวเหรอ ทั้งสองคนหันหน้าไปมองคน นที่ทำหน้าเรียบเฉย ไร้วี่แววของความตกตะลึงแม้แต่น้อย เอาเถิด คงเรียนรู้มาจากใครบางคน
อันที่จริงตั้งแต่กลับมายังดินแดนนี้ อวิ๋นเจี่ยวก็รู้สึกได้ถึงความต้อนรับของต้นกำเนิดในดินแดนนี้ ความรู้สึกนั้นแปลกประหลาดอย่างมาก เพราะว่ามันกระตือรือร้นเสียยิ่งกว่าพลังแห่ง ต้นกำเนิดในร่างกายของเธอเสียอีก ในเวลานั้นเธอจึงคิดหาวิธีจัดการปัญหาของดินแดนทางนั้นขึ้นมาได้
เด็กดื้อไม่เชื่อฟังย่อมต้องเป็นเพราะว่าข้อสอบทำน้อยเกินไป หากทำข้อสอบให้มากขึ้นก็คงไม่มีเวลาปั่นป่วน อืม หาเหตุผลอีกหนึ่งข้อในการเปิดโรงเรียนได้แล้ว! ดังนั้นความรู้เปลี ยนชะตากรรม คำพูดนี้ใช้ได้ทุกสถานการณ์
เรื่องนี้จึงตกลงตามนี้ ในเมื่อพลังแห่งต้นกำเนิดไม่ขัดขืนต่ออวิ๋นเจี่ยวแม้แต่น้อย แสดงว่าจากนี้เป็นต้นไป ดินแดนของพวกเขาสามารถมีผู้สร้างคนที่สี่เพิ่มขึ้นได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยั งแถมดินแดนมาอีกหนึ่ง
พวกเขาตัดสินใจเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว ส่วนแผนการละเอียดและวิธีการดำเนินการ อวิ๋นเจี่ยวยังต้องค่อยๆ คิด
“จริงสิ ชาวสวน ซื่อไป๋” ชายแก่เห็นคนทั้งหลายหารือกันจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้น “พวกเจ้าเห็นสัมภาระที่ข้าใช้ยันต์ข้ามดินแดนส่งข้ามมาเมื่อหลายวันก่อนห หรือไม่ ข้าตามหาในอารามรอบหนึ่งก็ไม่พบ”
อิ้งหลุนและซื่อไป๋ตัวแข็งทื่อ สายตาล่อกแล่กขึ้นมา ”หะ…สัมภาระอะไร”เหลวไหล! มีที่ไหน! พวกเขาไม่รู้แม้แต่น้อย!
“ลังหลายใบ มีเล็กมีใหญ่ ข้าห่อไว้อย่างดี!” ชายแก่ไม่สังเกตถึงความผิดปกติของทั้งสองคน เขายังคงตั้งใจอธิบาย ”ใหญ่ที่สุดประมาณนี้ สิ่งของที่อยู่ด้านในมีเล็กมีใหญ่ ทรงสี่เหลี่ ยม พวกเจ้าคงไม่เคยเห็น ล้วนเป็นสิ่งที่ข้านำกลับมาจากต่างดินแดน ใช้ดีอย่างมาก ข้าพกมาแต่เครื่องระดับสูงสุด แพงมาก ของมากมายเพียงนั้น ไม่พบเป็นไปไม่ได้”
“ไม่มี! ไม่มีอย่างแน่นอน!” สายตาของทั้งสองคนยิ่งล่อกแล่กมากขึ้น ซื่อไป๋ปฏิเสธทันควัน ”ใครจะไปเห็นของของเจ้ากัน พวกข้าไม่สนใจอาวุธที่ไม่รู้ต้องใช้อย่างไร…”
“จริงสิ ตาไป๋!” เมื่อเห็นว่าซื่อไป๋ใกล้จะหลุดปากออกมา อิ้งหลุนกรอกตา เดินขึ้นหน้าพูดขัดเขาเอาไว้ ก่อนจะดึงชายแก่เบี่ยงเบนประเด็น ”เวลานี้เจ้ายังใช้ร่างกายของต่างดินแดน คงจ จะไม่เหมาะสม ร่างกายก่อนหน้านี้ของเจ้าข้าผนึกไว้ในยมโลก เจ้าจะกลับร่างหรือไม่ ข้าช่วยเจ้าได้”
“เอ๊ะ? ยังกลับไปได้เหรอ!” ชายแก่ดีใจจนลืมเรื่องสัมภาระไป เขารีบพยักหน้า ”ได้ๆ! ชาวสวนเจ้าใจกว้างอย่างมาก ข้าอยากกลับร่าง ให้ข้ากลับร่าง” เขาไม่อยากอยู่ในร่างหญิงชราอีก กแล้ว
“เรื่องนี้ง่าย!” อิ้งหลุนสะบัดมือ คาถาหนึ่งลอยไปทางไป๋อวี้ ”เจ้านอนหลับก่อน ตื่นมาเจ้าก็จะกลับร่างแล้ว” นาทีถัดมา ชายแก่ล้มตึงลงไป
อิ้งหลุนรับคนเอาไว้ ก่อนจะหันไปกำชับ ”ศิษย์ตัวน้อย พวกข้ากลับยมโลกช่วยตาไป๋กลับเข้าร่างก่อน” พูดจบก็ไม่รอคำตอบ เขาเปิดประตูดินแดนออก มือหนึ่งหิ้วชายแก่ มือหนึ่งหิ้วซ ซื่อไป๋ที่ยังตกอยู่ในความฉงนมุดกลับเข้าไปในยมโลก
สักพัก…
“อิ้งหลุน ข้ามีความคิดหนึ่ง”
“อืม ข้าก็มีความคิดหนึ่ง!”
“หรือไม่…ลองดู?”
“ตกลง!”