ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 447 อนาคตก้าวไกล
อวิ๋นเจี่ยวใช้เวลาในการเขียนแผนการปรับปรุงดินแดนที่โกลาหลนั้นอยู่หลายเดือน ก่อนจะนำส่งให้หนทางแห่งสวรรค์เกล้ามวยผม อันดับแรก เธอให้เด็กชายเกล้ามวยผมปิดประตูดินแดนสวรรค์ ตั ดขาดบันไดสวรรค์ ให้คนในดินแดนนั้นไม่สามารถใช้พลังในการบรรลุเพียงอย่างเดียว อีกทั้งเพิ่มระดับความรุนแรงของโทษแห่งสวรรค์
ส่วนคนที่อยู่ในดินแดนสวรรค์แต่เดิมนั้น หนทางแห่งสวรรค์ที่ซ่อมแซมแล้วย่อมสามารถตัดสินการกระทำในอดีตของพวกเขา รวมไปถึงการปิดกั้นพลังของพวกเขา เพื่อความปลอดภัย เธอจะทดลองให้ค คนส่วนนี้เข้าไปในโรงเรียนเสวียนเหมินก่อน จากนั้นถ่ายทอดวิชาการฝึกฝนที่ถูกต้อง แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ หนทางแห่งสวรรค์จะเรียกพลังเซียนและกลอุบายที่พวกเขาได้มาจากดินแดนทางนั้น กลับไป ให้พวกเขาเริ่มต้นจากศูนย์
รอคนส่วนนี้จบการศึกษากลับไป จึงเริ่มสานสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งระหว่างสองดินแดน จนกระทั่งดินแดนทั้งสองเชื่อมถึงกัน
ปัญหาที่อิ้งหลุนเป็นกังวลนั้นมีอยู่ ผลกระทบมักจะเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย เป้าหมายของเธอคือดินแดนที่ดีขึ้น แต่ความคิดของคนไม่อาจควบคุมได้แต่แรก ไม่อาจคิดความเป็นไปได้ที่คนทางนี จะได้รับผลกระทบในทางไม่ดีอย่างไม่รู้ตัว
ดังนั้นคนที่ปรากฏขึ้นมาใหม่นี้ เธอจึงต้องการให้โรงเรียนจับตาดูเป็นพิเศษตั้งแต่แรก
“เจ้าคิดจะบอกความจริงกับพวกเขา!” ซื่อไป๋มองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตกตะลึง ”ล้อเล่นหรืออย่างไร ยังไม่ต้องพูดถึงความสำคัญของเรื่องนี้ แค่เหล่าอาจารย์ในโรงเรียนก็คงไม่อาจเข้าใจกา ารมีอยู่ของพวกเขา แม้แต่ชายแก่ข้างตัวเจ้า ข้าว่าตอนนี้เขาก็คงยังไม่เข้าใจ คิดว่าความหมายอันยิ่งใหญ่ของการมีอยู่ของอิ้งหลุนคือการปลูกผักเน่าๆ กระมัง”
ชายแก่ที่โดนกล่าวอ้าง “…” หรือว่าไม่ใช่?
อิ้งหลุนที่โดนกล่าวอ้าง “…” ผักข้าเน่าตรงไหน
“ดังนั้นข้าจะบอกความจริงเพียงส่วนหนึ่งกับพวกเขา!” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย
“เจ้าคิดจะอธิบายที่มาของคนเหล่านั้นกับพวกเขาอย่างไร” ซื่อไป๋ถามต่อ
“ก็บอกว่าเป็นคนที่มาจากผืนแผ่นดินที่ห่างไกลออกไปและยังไม่ถูกค้นพบของดินแดนสวรรค์!”
อวิ๋นเจี่ยวพูด “ถึงเวลาพวกเราเปิดทางเชื่อมทั้งสองดินแดนไว้ที่มุมลับตาของดินแดนสวรรค์ก็พอ”
“จะทำได้หรือ” ซื่อไป๋ขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อ “ปรากฏแผ่นดินที่ห่างไกลออกมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งมาจากดินแดนสวรรค์ คนทั่วไปอาจแค่สงสัย หากอีกฝ่ายปลอมตัวได้ดี จะทำให้เขาหลอมรวม เข้าได้ง่าย เมื่อถึงเวลาจะมีผลกระทบมากขึ้น อยากจะให้ทุกคนเกิดความระแวงต่อพวกเขาตั้งแต่แรกคงจะเป็นเรื่องยาก”
“ดังนั้นเส้นทางจึงต้องเปิดไว้ที่ดินแดนสวรรค์!”
“ฮะ? หมายความว่าอย่างไร”
“ท่านอาวุโสซื่อไป๋ไม่รู้หรือ” อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันพูด ชายแก่ก็อธิบายขึ้นมาก่อน “ลูกศิษย์เสวียนเหมินทุกคนล้วนเหยียดหยามคนในดินแดนสวรรค์” ระวังยิ่งไม่ต้องพูดถึง ปกติก็ระวัง อย่างมาก!
“…” เหยียดหยามคืออะไรกัน ซื่อไป๋ฉงนเล็กน้อย
“ทั้งสองไม่ได้สอนหนังสือในโรงเรียนมานานแล้วหรือ เหตุใดถึงไม่รู้” ชายแก่พูดด้วยสีหน้าฉงน “ไม่น่านะ ถึงแม้ลูกศิษย์ในโรงเรียนหลักสำนักเทียนซือล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ แต่สำนักเที ยนซือมักจะคัดเลือกอาจารย์ดีเด่นส่วนหนึ่งไปสอนที่โรงเรียนสาขาดินแดนสวรรค์ทุกเดือน จากความสามารถของทั้งสองท่านควรจะรู้เรื่องนี้! เหตุใดจึงมองไม่ออกกัน” หลายวันนี้เจ้าสำนักสวี ยังเอาแต่พูดเรื่องวิธีการจัดการพฤติกรรมระแวงมากเกินไปของลูกศิษย์เสวียนเหมินต่อลูกศิษย์ดินแดนสวรรค์
ซื่อไป๋ที่ไม่เคยได้รับการคัดเลือกเป็นอาจารย์ดีเด่น “…”
อิ้งหลุนที่ไม่เคยถูกส่งไปสอน “…”
สักพัก…
“แค่ก พวกเรามาคุยเรื่องคนที่ต้องแจ้งดีกว่า อันดับแรกต้องแจ้งใคร”
“ย่อมต้องเป็นเจ้าสำนักสวี เขาเป็นหัวหน้าโรงเรียนเสวียนเหมิน”
“เจ้าสำนักสวี พวกเรารู้จัก! ไปเถิดตาไป๋ พวกเราไปด้วยกัน”
“ได้ ข้ามีเรื่องต้องหาเขาพอดี!”
“เจ้ามีเรื่องอันใด”
“อ่อ เมื่อวานเขาส่งคนมาบอกว่าอาวุธที่เจ้าหนูส่งไปนั้น พวกเขาตรวจสอบไม่ได้ ให้ข้าไปช่วยดู ข้ากำลังสงสัยว่าเจ้าหนูส่งอาวุธใหม่ไปให้พวกเขาตั้งแต่เมื่อใด กุญแจคลังอยู่ที่ข้า ของด้านในก็ไม่ได้น้อยลง ชาวสวนพวกเจ้าไปสอนหนังสือทุกวัน รู้ว่าคืออะไรหรือไม่”
“เอ่อ…เฮอะๆๆ …ไม่รู้!”
“แปลกเสียจริง อีกอย่าง…หลายวันนี้เหตุใดข้าจึงรู้สึกเหมือนลืมเรื่องบางอย่างไป”
“เข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างแน่นอน! วิญญาณเจ้าเพิ่งกลับร่าง มีความรู้สึกแบบนี้เป็นเรื่องปกติ!”
“อ่อ...ช่างเถิด”
“ฮู่…”
…
อวิ๋นเจี่ยวทำงานมาหลายเดือน จึงจัดการเรื่องการเชื่อมต่อทั้งสองดินแดนจนเสร็จสิ้น เธอแจ้งต่อเด็กชายเกล้ามวยผมให้ส่งนักเรียนชุดแรกเข้ามา แน่นอนว่าเรื่องนี้อีกฝ่ายไม่รู้แม้แต่น้ อย แต่ทั้งเสวียนเหมินรู้! ส่วนคนต่างดินแดนที่สูญเสียพลังทุกอย่าง เมื่อเข้ามาในดินแดนนี้ก็เข้าร่วมโรงเรียนเสวียนเหมินอย่างกระตือรือร้นอย่างที่คาดการณ์ไว้
อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมการเติบโตที่แตกต่างกัน ตอนแรกคนเหล่านั้นคิดจะปั่นป่วนก่อเรื่อง อีกทั้งปลุกระดมนักเรียนคนอื่นให้ก่อเรื่องร่วมกับเขา กลอุบายก็คือการใช้อาวุธวิเศษ หรือ วิชาเวทชั้นสูง เพียงแต่…ไม่มีใครตอบรับพวกเขา อีกทั้งสายตาที่มองพวกเขาราวกับมองคนเสียสติ
วิชาเวทระดับสูงของพวกเขาไม่สามารถเทียบได้กับแบบฝึกหัดที่ซ้อนกันหลายชั้นในหอตำราของโรงเรียน อย่าว่าแต่วิธีการฝึกฝนเซียน แม้แต่วิธีการฝึกฝนเทพก็มี ตราบใดที่ยอมศึกษา! ส่วนอ อาวุธวิเศษยิ่งไม่ต้องพูดถึง อาวุธวิเศษที่เหล่าลูกศิษย์ในชั้นเรียนหลอมอาวุธผลิตออกมานั้นยังหาใครที่เต็มใจรับเอาไว้ไม่ได้
ไม่นานคนพวกนี้ก็กระจ่าง ตอนแรกพวกเขาตื่นเต้นมาก แต่ละคนขยันศึกษา มุ่งมั่นตั้งใจที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง อีกทั้งมีคนสมัครเรียนหลายห้อง เรียนทั้งวันทั้งคืน แต่พวกเขาก็ต ตระหนักได้ว่าการเรียนรู้ไร้ขอบเขตคืออะไร หนังสือไม่รู้จบคืออะไร สิ่งที่ตำราสูงเท่าภูเขาคืออะไร!
ในเวลาไม่กี่เดือน คนที่มีความกระตือรือร้นในการศึกษาถูกหลอมรวมกลายเป็นลูกศิษย์ธรรมดาที่คุกเข่าขอคำตอบในกระจกพันลี้ทุกวัน ส่วนแนวคิดดั้งเดิมที่เคารพผู้แข็งแกร่งก็เกิดการเ เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ เพราะพวกเขาพบว่า พวกเขาไม่อาจสู้ความรู้ได้!
ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีตามอวิ๋นเจี่ยวคิดเอาไว้ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความรู้เปลี่ยนโชคชะตาจริงๆ !
อาจเป็นเพราะวางแผนทั้งวันทั้งคืน เธอจึงรู้สึกเหนื่อยอย่างไร้เหตุผล ตอนแรกเธอยังไม่ได้สนใจ แต่ความรู้สึกนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งเพียงหยิบพู่กันขึ้นมา นาทีถัดมาก็ จะฟุบหลับลงบนโต๊ะ ความรู้สึกง่วงที่ไม่อาจต้านทานได้ ราวกับมีบางอย่างกำลังกระตุ้นให้เธอพักผ่อน
ในที่สุด ตอนเช้าของวันหนึ่ง เธอขาอ่อนระทวยล้มลงไป
ราวกับมีลางสังหรณ์ก่อนหน้านี้ เยี่ยยวนเอื้อมมือรับเธอเอาไว้ “ไม่ต้องฝืน”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ มองเยี่ยยวนทีหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังอิ้งหลุนและซื่อไป๋ที่ทำหน้าเหมือนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอยู่ด้านข้าง แม้แต่ชายแก่ก็ทำหน้าราวกับว่าวันนี้ก็มาถึง
เธอจึงตระหนักได้ “ข้ากำลัง…จะเข้าสู่ห้วงนิทรา?” เธอนึกถึงสิ่งที่เยี่ยยวนพูดขึ้นมาได้ หลอมรวมพลังแห่งต้นกำเนิดทำให้เขาเข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนหน้านี้เพราะว่าบนตัวเขามีพลังต ต้นกำเนิดทั้งสองดินแดน เวลานี้ดูท่าทางใครก็เหมือนกัน เธอเพียงล่าช้าไปเล็กน้อยเท่านั้น
“อืม” เยี่ยยวนพยักหน้า มือที่กอดเธอกระชับแน่นขึ้น “วันนี้แล้ว”
“…” อวิ๋นเจี่ยวผงะ เธอนึกบางอย่างได้ หันไปมองอิ้งหลุน
“รู้แล้ว” อิ้งหลุนสะบัดมือ เห็นได้ชัดว่ารู้มาก่อนว่าเธอกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา “คนต่างดินแดนเหล่านั้น ข้าและซื่อไป๋จะช่วยเจ้าดู เพราะว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสองดินแดน” อวิ นเจี่ยวโล่งใจ ก่อนจะมองไปยังชายแก่ อิ้งหลุนจึงเสริมขึ้น “ตาไป๋ข้าก็จะช่วยเจ้าดูเอาไว้! เจ้าวางใจได้ มีเพียงอย่างนี้เจ้าถึงจะหลอมรวมต้นกำเนิดของดินแดนทางนั้นได้”
อวิ๋นเจี่ยวโล่งใจ อารมณ์ฉงนและกังวลผ่อนคลายลงในทันที
“เจี่ยวเจี่ยว…” ราวกับไม่พอใจเธอจ้องมองชาวสวน เยี่ยยวนหันหน้ามาบังสายตาของเธอเอาไว้ พูดด้วยใบหน้าจริงจังและคาดหวัง “ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
อวิ๋นเจี่ยวชะงัก ภายในใจอบอุ่น มุมปากยกยิ้มขึ้น “ได้! ไปด้วยกัน!”
ดูท่าทางครานี้จะต้อง…หลับใหลกับอาจารย์ปู่แล้ว! อืม หลับใหล
เยี่ยยวนดวงตาลุกวาว เขากอดคนข้างตัวแน่น แม้แต่ข้าวก็ไม่กิน ร่างของทั้งสองหายไปจากที่เดิม
ทั้งสามคน “…” ต้องรีบร้อนเพียงนี้หรือ
สักพัก…
“เฮ้ย!” ซื่อไป๋สัมผัสบางอย่างได้ เขาสบถออกมา ”เยี่ยยวนปิดกั้นดินแดนเอาไว้แล้ว! ป้องกันเกินไปหรือไม่ ทำอย่างกับพวกเราจะก่อเรื่องตอนที่เขาหลับอย่างนั้น”
“เรื่องที่เจ้าก่อยังน้อยหรือ” อิ้งหลุนกลอกตาใส่เขา
“ชิ…” ซื่อไป๋ทำหน้าไม่ใส่ใจ ฮึ! คิดว่าปิดกั้นดินแดนเขาจะไม่มีวิธีอื่นเข้าไปหรือ
“เอาล่ะ!” อิ้งหลุนเห็นสายตาของเขาก็รู้ว่าเขากำลังหาที่ตายอีกแล้ว “มีเวลาว่าง สู้คิดเรื่องโรงเรียนสองดินแดนดีกว่า ตามแผนการของศิษย์ตัวน้อย ข้าคาดว่าไม่ถึงหลายสิบปี ทางเ เชื่อมระหว่างสองดินแดนก็สามารถเปิดออกได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลา หากก่อตั้งโรงเรียนสองดินแดนขึ้นมา จะไม่ได้ขาดแคลนเพียงอาจารย์เท่านั้น…”
ซื่อไป๋ผงะ ทันใดนั้นกระจ่างขึ้น จากนั้นคนทั้งสองหันขวับไปมองคนด้านข้างพร้อมกัน…
ชายแก่ที่กำลังเศร้าโศกที่จะไม่ได้เห็นเจ้าหนูสักพักถูกทั้งสองคนจ้องจนตัวสั่น เนื้อที่คีบไว้ในมือตกลงไป
“มี…มีอะไรหรือ” เหตุใดมองเขาด้วยสายตานี้ ทำให้คนเสียวสันหลังวาบ!
“คือ ไป๋อวี้! ได้ยินว่า…เจ้ามีตำแหน่งค่อนข้างสูงท่ามกลางลูกศิษย์เสวียนเหมิน!”
“ได้ยินว่า…ลูกศิษย์เหล่านั้นเรียกเจ้าว่าอาจารย์? คนที่ถูกเรียกเช่นนี้มีเพียงเจ้ากับอวิ๋นเจี่ยวใช่หรือไม่”
“เจ้าสนิทกับเจ้าสำนักสวีใช่หรือไม่ หรือไม่เจ้าให้พวกข้าไปสอนที่โรงเรียนใหม่!”
“ใช่ เพราะคนต่างดินแดนเหล่านั้น พวกข้าดูเองจะดีกว่า!”
“เพื่อความถูกต้อง เจ้ามอบตำแหน่งให้พวกข้าสักหนึ่งตำแหน่งก็พอ”
“ใช่ๆๆ ไม่ต้องสูงมาก หัวหน้าอาจารย์ที่ศิษย์ตัวน้อยพูดก็ไม่เลว!”
“ใช่ ให้พวกเราเป็นรองหัวหน้าโรงเรียน พวกเราก็ไม่ถือสา!”
“ใช่ เพื่อให้พวกเราได้คุ้นชิน หรือไม่เจ้าให้พวกเราเป็นอาจารย์ดีเด่นก่อน!”
“แบบรายปี!”
ชายแก่ “…”
พวกเขากำลัง…เข้าประตูหลังหรือ