ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 67 ออฟไลน์
เมื่ออาจารย์ปู่ปรากฏตัว ท้องฟ้าที่มืดครึ้มแต่เดิมค่อยๆ กลับมาสว่างอีกครั้ง วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่รอบด้านถอยห่างออกไปราวกับพบกับศัตรูตัวฉกาจ แม้แต่เทพอสูรที่สูงราวภูเขาก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว
เยี่ยยวนยืนนิ่ง ไม่ได้แม้แต่จะสบตากับเทพอสูรที่อยู่ด้านข้าง เขากวาดตามองผู้คนบนพื้นอย่างเรียบเฉย จากนั้น…หยุดอยู่ที่อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ตรงกลาง มองตรงมาที่นางโดยไม่กะพริบตา แม้ใบหน้าของเขาจะไม่มีอารมณ์ใดสื่อออกมา แต่อวิ๋นเจี่ยวกลับรู้ได้ถึงความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยของเขา สีหน้าที่เหมือนเขียนว่า ซุปไก่อยู่ที่ไหน?
มุมปากของอวิ๋นเจี่ยวกระตุก “…”
ยังจะมีอารมณ์กินซุปไก่อีก มันใช่เวลาไหม ไม่รู้เรื่องเลย? ช่วยไว้หน้าชิงหยางหน่อยได้ไหม
(╯°Д°)╯︵┻━┻
“เจ้า… เจ้าคือเทพเจ้ากว่างจี้!” เทพเจ้าปีศาจสั่นสะท้านยิ่งขึ้นไปอีก ร่างใหญ่ดูเหมือนจะแตกสลาย เต็มไปด้วยความกลัว ไม่ผิดแน่ มีเพียงปรมาจารย์ของเสวียนเหมินเท่านั้นที่มีอำนาจเช่นนี้
เทพเจ้ากว่างจี้!
ผู้คนในสำนักเทียนซือก็ตกใจเช่นกัน นางสามารถอัญเชิญเทพเจ้าได้ก็วิเศษมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าเทพเจ้าที่อัญเชิญมาได้จะเป็นเทพเจ้ากว่างจี้ ท่านเป็นถึงปรมาจารย์ของเสวียนเหมิน มีข่าวลือว่าแม้แต่บรรพบุรุษจากสำนักต่างๆ ที่บรรลุแล้วก็ยังไม่ค่อยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเลย
สหายอวิ๋นกลับ…สามารถอัญเชิญท่านมาได้ง่ายๆ เช่นนี้?
(⊙_⊙)
ในที่สุด เยี่ยยวนก็หันไปมองเทพอสูร คิ้วของเขาก็ขมวดในทันที สิ่งสกปรกขนาดใหญ่นี้คืออะไรกัน ศิษย์หลานตัวน้อยของเขาเรียกเขาออกมาเพราะเรื่องแค่นี้? เขาเหลือบมองชามและตะเกียบในมือ
รู้สึก…หงุดหงิด!!!
(╰_╯)#
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!” เทพอสูรไม่อยากเชื่อ ตัวสั่นไปอุทานไป “ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่…เจ้าไม่ได้…”
สีหน้าของเยี่ยยวนดำทะมึนลง เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เสียงดัง!”
เสียงดังมาก ไม่เห็นว่าคนกำลังหงุดหงิดหรืออย่างไร
พูดเสร็จก็โยนชามในมือทิ้งไป
เห็นเพียงแต่ชามนั้นลอยออกไปเร็วราวกับกระแสไฟ ก่อนจะกระแทกร่างของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ พลังอำนาจอย่างท่วมท้นพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายในทันที เทพอสูรยังไม่ทันที่จะกรีดร้อง ร่างที่ใหญ่เท่าภูเขานั้นก็ถูกทับลงไปบนพื้นเสียงดัง
ในขณะเดียวกัน เสียงกรีดร้องของผีดังขึ้นเป็นระลอก วิญญาณชั่วร้ายแย่งกันออกจากร่างของเทพอสูรนั้น วิญญาณเหล่านั้นอ่อนแอมาก บ้างตัวโปร่งใสราวกับกระดาษบาง ลมพัดทีก็สามารถสลายหายไป วิญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณที่เทพอสูรกลืนกินเข้าไป! พลังของมันมาจากการกลืนกินวิญญาณเหล่านี้
ตอนนี้วิญญาณเหล่านั้นถูกขับไล่ออกมาโดยอาจารย์ปู่ ทำให้ร่างกายของมันราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะ เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด มันไม่มีแม้แต่แรงต่อต้าน ร่างทั้งร่างนอนกองอยู่บนพื้น ทำได้เพียงมองดูเหล่าวิญญาณบินออกจากร่างกายเท่านั้น
นี่…จัดการเรียบร้อย?
สาวกสำนักเทียนซือและศิษย์เสวียนเหมินต่างตกตะลึง การต่อสู้ในครั้งนี้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงปฏิกิริยาได้ชั่วขณะหนึ่ง พลันสายตามองไปยังชามที่คว่ำอยู่บนหัวของเทพชั่วร้ายนั้น
“เป็นอาวุธวิเศษที่ทรงพลังจริงๆ !” เจ้าสำนักสวีอุทานออกมา เอาชนะความชั่วร้ายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“สมแล้วที่จะเป็นอาวุธสวรรค์” ท่านอาวุโสเจียวอุทานเช่นกัน “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นอาวุธเช่นนี้”
“ปรมาจารย์แห่งเสวียนเหมิน เขาเป็นเทพเจ้ากว่างจี้จริงๆ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นการปรากฏตัวของท่านปรมาจารย์ในชีวิต”
“ใครมีหินเก็บภาพบ้าง เร็วเข้า เก็บภาพไว้! อาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ พวกข้าสามารถถ่ายทอดมันลงไปได้บ้างก็ถือเป็นพระคุณยิ่ง”
“ไม่มีหินเก็บภาพ แต่ข้ามียันต์แปลงภาพ รอข้าหาก่อน”
“เร็วเข้าๆ รีบใช้…
ไป๋อวี้ “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เห้อ!
นั่นเป็นเพียงชามซุปธรรมดาของสำนักชิงหยางเท่านั้นนะ?! ไป๋อวี้ใช้เพียงสองตำลึงซื้อมาจากตลาด อีกทั้งยังซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอีก!
w(゚Д゚)w
วิญญาณที่ถูกเทพอสูรกลืนกินเข้าไปนั้นล้วนถูกเยี่ยยวนไล่ออกมา รูปร่างขนาดยักษ์นั้นเหลือเพียงพลังสีดำหนาทึบ แม้แต่ร่างเนื้อก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้
“ไม่! เจ้าฆ่าข้าไม่ได้” เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะหายตัวไป เทพอสูรก็พูดออกมาด้วยความตระหนก “ข้ามีร่างเทพ ข้าเป็นเทพที่สวรรค์และปฐพียอมรับ แม้ว่าเจ้าจะเป็นปรมาจารย์เสวียนเหมินก็จะถูกสวรรค์ลงโทษ” ในพลังสีดำนั้นมีประกายแสงสีทองออกมา แม้ว่าแสงสีทองจะเลือนลาง แต่ก็ไม่สามารถต้านอำนาจของเยี่ยยวนไว้
เยี่ยยวนไม่แม้แต่จะมองแสงสีทองนั้น เขาเพียงแค่ยกมือขึ้น บริเวณรอบด้านและพลังอำนาจของเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นในทันที “สิ่งสกปรกที่ได้พลังศรัทธามาเพียงเล็กน้อย ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเทพเจ้า!”
“ไม่…” เทพอสูรมีเวลาเพียงส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนที่พลังสีดำจะสลายหายไปพร้อมกับแสงสีทองในเวลาต่อมา
แม้ว่ามันจะเป็นเทพอสูร แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านก็บูชาเขาด้วยใจจริง นับถือเขาในฐานะเทพเจ้า พลังศรัทธาจำนวนมากที่สะสมเป็นเวลาหลายปี ทำให้รวมตัวเกิดเป็นร่างเทพ
แต่สำหรับเยี่ยยวนนั้น เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย
ทันทีที่เทพอสูรสิ้นลมหายใจ วิญญาณชั่วรอบตัวก็สลายไป ท้องฟ้าสว่างขึ้นอีกครั้ง ทุกคนรู้สึกว่าไอเย็นรอบกายหายไป และเริ่มอุ่นขึ้นอย่างช้าๆ
เยี่ยยวนที่ลอยอยู่กลางอากาศก้มศีรษะลงอีกครั้ง เขาจ้องมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย แต่รอบตัวเขากลับแผ่รังสีขุ่นเคืองออกมาอย่างมากมาย…เหมือนกับกินไม่อิ่ม
สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวดำทะมึน ก่อนจะพยักหน้า
เยี่ยยวนจึงกลับมาเป็นเรื่องปกติ นาทีถัดมาร่างของเขากลายเป็นแสงสีทอง และค่อยๆ สลายไป
ทุกคนถึงได้สติกลับมาจากเหตุการณ์เห็นปรมาจารย์เสวียนเหมิน ก่อนจะตระหนักว่าเขากำลังจะกลับไป พวกเขาคุกเข่าลง พร้อมพูดเสียงดังว่า “ศิษย์เสวียนเหมินน้อมส่งปรมาจารย์ ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่ช่วยชีวิต!”
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดจบ ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศก็หายไป
ในขณะเดียวกัน ข้างตัวของอวิ๋นเจี่ยวกลับมีกระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็กเพิ่มขึ้น ขนาดเท่าฝ่ามือไม่เด่นชัดมากนัก อีกทั้งยังสั่นเป็นครั้งคราวราวกับต้องการเตือนอะไรบางอย่าง
อวิ๋นเจี่ยวเอื้อมมือออกไปจับอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว
รู้แล้วๆ รู้แล้วว่าหิว! รอสักครู่ไม่ได้หรือไง
-_-|||
ทุกคนยังคงแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น จนกระทั้งรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยจากแสงแดดที่แยงเข้าตา ถึงได้ก้มหน้าลงมองไปยังตำแหน่งที่เทพอสูรหายไป
“เอ๊ะ?” ท่านอาวุโสท่านหนึ่งชะงัก ขยี้ตาแล้วชี้ไปที่พื้นไม่ไกล ก่อนจะพูดว่า “ทุกคน ช่วยข้าดูทีว่าข้าตาฝาดหรือไม่ อาวุธวิเศษของปรมาจารย์ยังอยู่!”
ทุกคนตกตะลึง ทันใดนั้นหันกลับไปมองด้วยความพร้อมเพรียง “จริงด้วย! นั่นคืออาวุธที่ท่านปรมาจารย์ใช้”
“หรือว่าท่านปรมาจารย์จะทิ้งสิ่งนี้ให้พวกเรา?”
“ท่านปรมาจารย์ต้องการใช้อาวุธนี้เพื่อสืบทอดอะไรให้พวกเราหรือไม่” ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาในชั่วขณะ “สมแล้วที่เป็นเทพเจ้ากว่างจี้!”
“เร็วเข้า อัญเชิญอาวุธกลับสำนักเทียนซือก่อน ระวังด้วย”
“จุดประสงค์ของท่านปรมาจารย์ คนธรรมดาอย่างพวกเราคงจะไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ คงต้องส่งข่าวบอกเจ้าสำนักของแต่ละสำนักมาหารือด้วยกัน”
พูดจบ ทุกคนต่างรีบวิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้น เช็ดมือของตัวเองก่อนหลายครั้ง จึงจะยกชามซุปบนพื้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายราวกับค้นพบของวิเศษอย่างมาก คิดเพียงแต่ต้องอัญเชิญ ‘อาวุธวิเศษ’ กลับไป โดยลืมไปว่าวันนี้ยังมีสอบ
ไป๋อวี้ “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชาม “…”
การขึ้นทะเบียนอะไรกัน เริ่มรู้สึกไม่อยากสอบแล้ว รู้สึกได้ว่าสติปัญญาจะตกต่ำ!