ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 93 ประจันหน้า
เรื่องปีศาจจัดการแล้ว แต่ปัญหาเหมือนจะมีมากขึ้น
เพราะว่ายังหาเด็กไม่เจอ!
เด็กในหมู่บ้านหลายสิบคนไม่อาจหายไปกลางอากาศได้ หากไม่ใช่เพราะปีศาจ เช่นนั้นจะเป็นใคร
“ท่านสหายทั้งสาม…” ในเทียนซือทั้งสี่คน ระดับที่สูงที่สุดคือเฉินเทียนซือ เหมือนกับชายชราเป็นเทียนซือหนึ่งดอกไม้ ตอนนี้เขากำลังพูดด้วยสีหน้าหนักใจ “ข้าว่าประเด็นสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่นายน้อยฉี”
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า มีเพียงนายน้อยฉีเท่านั้นที่บอกว่าเด็กในหมู่บ้านถูกปีศาจจับไป ดังนั้นพวกนางถึงได้ขึ้นมาค้นหาบนภูเขา หากไม่ใช่ว่านางเคยเห็นจี้หลี แค่พฤติกรรมที่ปีศาจงูจับเทียนซือทั้งสี่ไป พวกนางคงไม่มีทางเชื่อว่าเด็กไม่ได้ถูกพวกเขาจับไป
จุดประสงค์ของฉีเฉิงที่หลอกล่อพวกเขาให้ขึ้นมาที่นี่ก็ชัดเจนแล้ว เขากำลังยืมมีดฆ่าคน เขาหลอกเอาลูกแก้วพลังของจี้หลีไป จากนั้นก็ใช้ข้ออ้างที่เด็กหาย ยืมมือของพวกนางกำจัดจี้หลี
“ดูท่าทางต้องไปถามฉีเฉิงให้รู้เรื่อง” ไป๋อวี้เสนอ
คนที่เหลือไม่มีความเห็น ปีศาจงูที่นอนอยู่บนพื้นรีบพูดขึ้น “ข้าไปด้วย! เขาขโมยลูกแก้วพลังขององค์หญิงไป ข้า…”
“เจ้าอย่าเลย!” อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขาขึ้นลง “หากพวกเจ้าไป เรื่องนี้คงยุ่งกว่าเดิม” เทียนซือที่ขึ้นทะเบียนอย่างพวกเขายังพอว่า แต่หากคนธรรมดามาเจอปีศาจแบบนี้ ไม่เป็นลมให้มันรู้ไป
“แต่ว่า…”
“พวกข้าจะถามเรื่องลูกแก้วพลังให้เอง” อวิ๋นเจี่ยวส่งยันต์ส่งสารให้จี้หลี “ถืออันนี้ไว้ พวกเจ้ากลับบ้านไปก่อน อย่ารบกวนชาวบ้านที่นี่ หากมีเรื่องอะไร พวกเราค่อยติดต่อกัน”
จี้หลีสูดจมูก ไม่รู้ว่าเข้าใจที่อวิ๋นเจี่ยวพูดแล้วหรือไม่ นางรู้สึกไว้ใจอวิ๋นเจี่ยวอย่างบอกไม่ถูก มองนางด้วยสายตาลุกวาว “แต่…แต่ข้าไม่อยากกลับไป ข้าตามท่านไปได้หรือไม่ ท่าน…”
“ไม่ได้!” อวิ๋นเจี่ยวปฏิเสธทันควัน นิสัยเรียกแม่ง่ายดายเช่นนี้ ขาดความรักจากแม่หรือไง แต่คิดถึงอายุเพียงสิบขวบของนาง ก็ทำได้แต่พูดเสริมขึ้น “หนีออกจากบ้านไม่ใช่เด็ก…มารที่ดี”
จี้หลีถึงได้ก้มหน้าลงอย่างน่าสงสาร ปีศาจงูที่อยู่ด้านข้างฉลาดกว่ามาก เขากำหมัดก่อนจะพูดอย่างจริงใจ “เรื่องลูกแก้วพลังขององค์หญิง ขอให้หมออวิ๋นช่วยหน่อย”
“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า มองดูทั้งสองคนหายไปในข่ายพลังขนส่ง ถึงเตรียมตัวลงจากเขา
“เจ้าหนู พวกเราไปจวนตระกูลฉีเลยไหม” ไป๋อวี้ถาม
อวิ๋นเจี่ยวชะงักฝีเท้า กวาดตามองคนเจ็บด้านหลังสี่คน จากนั้นมองไปยังอาจารย์ปู่ แล้วถามกลับว่า “ท่านว่ายังไง”
“เข้าใจ!” ไป๋อวี้ตอบ “กลับไปกินข้าวก่อน”
“…”
เทียนซือทั้งสี่คนนี้อดข้าวเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว อาจารย์ปู่ยังไม่ได้กินข้าวเลย! หากยื้อต่อไป ต้องเกิดเรื่องแน่!
…
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเทียนซือมีความสามารถในฟื้นตัวหรือไม่ พวกเขาแค่แวะพักที่ตีนเขาเพียงหนึ่งชั่วยาม อีกทั้งแวะกินข้าวเล็กน้อย ทั้งสี่คนก็ฟื้นกำลังกลับมาแล้ว แม้ว่าหน้าจะซีดเล็กน้อย แต่ก็พูดได้เดินได้ตามปกติแล้ว
พวกเขามีจรรยาบรรณอย่างมาก เรียกร้องที่จะไปจวนตระกูลฉีด้วยกัน อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ปฏิเสธ ไม่เพียงแต่พาพวกเขาไป แต่ยังเรียกหัวหน้าหมู่บ้านที่งุนงงไปด้วย ถ้าสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากปีศาจ ก็คงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเสวียนเหมินแล้ว
“เด็ก?” ฉีเฉิงเงยหน้าขึ้นอย่างบริสุทธิ์ นอกจากสีหน้าตกตะลึงที่ได้เจอกับเทียนซือทั้งสี่แล้ว สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร “เด็กไม่ได้ถูกปีศาจจับไปหรือ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”
สีหน้าของทุกคนดำทะมึน ไม่คิดว่าถึงตอนนี้แล้ว ฉีเฉิงยังไม่คิดจะยอมรับ
“นายน้อยฉี!” นักพรตเฉินขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินขึ้นหน้าแล้วพูดว่า “ท่านหลอกเอาลูกแก้วพลังของปีศาจแมว จากนั้นยังหลอกให้พวกข้าขึ้นไปปราบมารบนเขา ท่านกล้าบอกว่าท่านไม่รู้เรื่องเด็กในหมู่บ้าน?”
“เทียนซือหมายความว่าอย่างไร” สีหน้าของฉีเฉิงมีความร้อนรนแวบผ่านไป แต่ก็ฟื้นกลับไปเป็นคุณชายอ่อนแอเหมือนเดิม “ท่านทั้งหลายหาเด็กไม่เจอเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า”
“ใช่!” หัวหน้าหมู่บ้านสีหน้าไม่เชื่อ “พวกท่านมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือไม่ นักบุญฉีกับเด็กในหมู่บ้านไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน อีกทั้งตระกูลฉีอยู่ในหมู่บ้านมานานล้วนรู้จักกัน เขาไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้”
พวกเขารู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย แต่หากเขาไม่ยอมรับ พวกเขาก็คงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงถามถึงเรื่องลูกแก้วพลัง “ไม่พูดเรื่องเด็ก ลูกแก้วพลังล่ะ? พวกข้าไม่สนใจว่าท่านมีอะไรกับปีศาจแมว แต่พวกเขาไม่ได้ทำร้ายคน ท่านไปขโมยลูกแก้วพลังของเขา ทำให้เขาอาจตายได้ นี่เป็นเรื่องไม่ควร!”
“ลูกแก้วพลัง ลูกแก้วพลังอะไร?” ฉีเฉิงปฏิเสธ “เทียนซือพูดเล่นแล้ว ข้าถูกปีศาจตัวนั้นรังควานจริง แต่ข้าเป็นแค่คนธรรมดา จะได้เอาลูกแก้วพลังของปีศาจมาได้อย่างไร พวกท่านอย่าโดนปีศาจหลอกถึงจะถูก”
“นายน้อยฉีต้องคิดให้ดีนะ” เฉินเทียนซือขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพูดขึ้น “บนตัวของท่านมีผนึกอยู่ หากปีศาจไม่มีลูกแก้วพลัง อาจกลับไปเป็นร่างเดิม หรือตายได้ เช่นนี้ผนึกนี้ก็ไม่สามารถแก้ได้ ท่านต้องร่วมเป็นร่วมตายกับเขา”
สีหน้าฉีเฉิงเปลี่ยนไป ดวงตาของเขามีบางอย่างแวบผ่าน ก่อนจะส่ายหัว “ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านพูดอะไร ข้าไม่เคยเจอลูกแก้วพลังอะไรนั่น”
“ท่าน…” เฉินเทียนซือโมโห
นายหญิงฉีที่อยู่ด้านข้างเดือดขึ้นมา ก่อนจะพูดเสียงดัง “พวกท่านกำลังทำอะไร พวกท่านจับปีศาจไม่ได้ คิดจะโยนความผิดมาให้สามีข้าหรือ คนในเสวียนเหมินเป็นแบบนี้หรืออย่างไร”
“คุณหนูเซ่า พวกข้าแค่พูดความจริง” เฉินเทียนซืออธิบาย “ไม่ว่าเด็กหรือลูกแก้วพลัง ล้วนอยากให้นายน้อยฉีบอกความจริงกับพวกเรา”
“ท่านไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณหนูเซ่า ตอนนี้ข้าเป็นนายหญิงฉี” อีกฝ่ายตอบมาด้วยความโกรธ “ข้าว่าพวกท่านต้องการผลักภาระ! ข้าให้ท่านพ่อเชิญพวกท่านมาจับมาร พวกท่านนอกจากจับไม่ได้ ยังมาใส่ร้ายสามีข้า ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นเทียนซือระดับหนึ่งดอกไม้ หากพวกท่านไม่มีความสามารถ พวกข้าจะไปเชิญคนอื่น!”
“คุณหนูเซ่า ท่าน…” เฉินเทียนซือขุ่นเคือง แต่อีกฝ่ายเป็นคน ไม่ใช่มาร พวกเขาไม่อาจบังคับได้ อีกทั้งพวกเขาก็สู้ปีศาจงูตัวนั้นไม่ได้จริง
แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็มองพวกเขาด้วยสีหน้าสงสัย
อวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงได้เดินหน้าขึ้น กวาดตามองฉีเฉิงแล้วพูดว่า “ฉีเลว…นายน้อยฉี ข้าว่ามีความจำเป็นต้องบอกความร้ายแรงของเรื่องนี้ให้พวกท่านรู้ นี่ไม่ใช่เรื่องภายในของหมู่บ้านพวกท่านเท่านั้น”
อวิ๋นเจี่ยวเอ่ย อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของนางจริงจังมาก ทำให้คนที่ยังคงถกเถียงกันเมื่อครู่หยุดนิ่งลง ก่อนจะหันหน้ามาพร้อมกัน “ไม่รู้ว่าท่านรู้หรือไม่ว่ามารสาวที่สูญเสียลูกแก้วพลังคือใคร”
“ไม่รู้ไม่เป็นไร ข้าจะอธิบายให้พวกท่านฟัง” อวิ๋นเจี่ยวไม่คาดหวังว่าเขาจะตอบ “นางคือลูกสาวของราชาแห่งโลกมาร องค์หญิงเล็กของโลกมาร อย่าว่าแต่มนุษย์ แม้แต่เผ่ามารทั้งโลกมารก็ไม่กล้าหลอกนาง” อวิ๋นเจี่ยวหยุดสักพัก ก่อนจะกวาดตามองฉีเฉิง “องค์หญิงเล็กของโลกมารสูญเสียลูกแก้วพลังไป ท่านรู้ไหมว่าหมายความว่าอย่างไร”
ฉีเฉิงเบิกตาโต สีหน้าเริ่มซีด
“นี่หมายความว่า ถึงแม้ปีศาจตัวนั้นจะตายไป! โลกมารคงจะไม่ปล่อยคนที่ขโมยลูกแก้วพลังของนางเอาไว้ อีกทั้งคนนั้นยังเป็นมนุษย์…” สายตาของนางมองไปทางฉีเฉิง “ท่านว่าราชามารจะระบายความเจ็บปวดในการสูญเสียลูกสาวอย่างไร”
“…”