สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 120 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 32
ชาวเน็ตทั้งหลายตีอกชกตัวตนเอง!
โดยเฉพาะนักรบทั้งหลายที่โจมตีต๋าหลู่พวกนั้น พวกเขาแทบจะยกค้อนขึ้นมาทุบตีตนเองจนตายไปเสีย!
‘ทำไมฉันถึงโง่ที่เอาแต่ไล่ทุบและบดขยี้เนื้อของพวกมันในตอนนั้น? ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่ลองกินเนื้อของมันก่อน?’
‘จบเห่แล้ว ลองคิดดู ฉันคิดว่าเนื้อของพวกต๋าหลู่ที่ไม่เคยมีใครต้องการมาก่อนจะกลายเป็นอาหารอันโอชะที่โด่งดังไปทั่วจักรวาลเหมือนกับปลาหมึกยักษ์แน่ ๆ!’
‘ว่ากันว่าเอเลี่ยนปลาหมึกได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญของจักรวรรดิไปแล้ว และได้ยินมาว่ากองทัพทหารยังไปที่ดาวเคราะห์ปลาหมึกเพื่อจับปลาหมึกยักษ์กันอยู่เลย หึหึ เอเลี่ยนต๋าหลู่พวกนี้ก็คงจะลงเอยเหมือนกันใช่ไหม?’
‘น่าสงสารจัง!’
‘ฉันอยากจะไปดาวเคราะห์นั้นเหมือนกัน ทำไมกองทัพเราไม่ไปดาวเคราะห์นั้นบ้างล่ะ?! พวกเราจะอาสาเป็นแนวหน้าเอง!’
…
เนื้อต๋าหลู่อร่อยมาก ดังนั้นองค์หญิงสามจึงรับสั่งทุกคนให้จับต๋าหลู่ที่เหลือกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ หากรับรองแล้วว่ามันสมบูรณ์แบบ พวกเขาก็จะได้รับห้าสิบเหรียญต่อหนึ่งตัว!
เมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยได้ยินการจ้างวานฆ่าเพื่อเงินมาก่อน แต่ตอนนี้มันกลับเกิดขึ้นจริงแล้ว!
มีนักรบคนไหนบ้างที่ไม่สามารถฆ่าได้ถึงสามสิบหรือห้าสิบตัวต่อวัน? เมื่อคำนวณเงินดูแล้ว วันหนึ่งพวกเขาจะได้รับเงินกันเท่าไหร่นะ? ขั้นต่ำอยู่ที่ 1500 เหรียญดวงดาว!
นี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย…แถมที่สำคัญยังได้กินตลอด!
สำหรับการดำรงชีวิตในทุกวันนี้เทคโนโลยีล้วนพัฒนาไปไกล ดังนั้นทุกคนจึงไม่ต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะทุกอย่างล้วนประสบความสำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือจากคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์
ในตอนบ่าย กองทัพทหารส่วนพระองค์พร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาก็ได้เดินทางมาถึงดาวเคราะห์ฮอร์นบี้
ทำให้ตอนนี้มีผู้คนอยู่ถึงแปดหมื่นคน
สวี่หลิงอวิ๋นและกลุ่มเพื่อนนักเรียนของเธอต้องกลับไปที่สถาบัน และกล่าวอำลาดาวเคราะห์ฮอร์นบี้
“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูต๋าหลู่ทั้งหลายที่อยู่บนพื้นดินอย่างไม่เต็มใจจากลา และรู้สึกเศร้าใจนัก
โอคาซีอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของเธอ สวี่หลิงอวิ๋นจึงหันศีรษะหนี “อะไรเนี่ย? ท่านไม่รู้เหรอว่าห้ามจับผมของผู้หญิงโดยพลการ? ท่านจะรับผิดชอบฉันไหมคะ?”
“ฮึ่ม! ตอบสิคะ ฉันคือองค์หญิงสามที่อยากจะตามหาไอดอลหนุ่มน้อยไปทั่วทั้งจักรวาล ดังนั้นท่านห้ามตกหลุมรักฉันเด็ดขาด!” สวี่หลิงอวิ๋นเอื้อมมือออกไปจับคางของอีกฝ่ายและยกยิ้มอย่างชั่วร้าย
“แน่นอนว่าคนที่หน้าตาดีจนอยากจะกลืนกินแบบท่านเข้ากันได้ดีกับรสนิยมของฉัน ฉันขอถามอะไรท่านหน่อยนะคะ ท่านอยากจะเป็นบุรุษให้สตรียั่วเย้าเหรอคะ?”
“บุรุษให้สตรียั่วเย้า? หมายความว่าอะไรครับ?” โอคาซีขมวดคิ้ว เขาคิดว่าสวี่หลิงอวิ๋นหมายถึง ‘ชู้รัก’ แต่เขากลับไม่เข้าใจคำว่าบุรุษให้สตรียั่วเย้าว่ามีแหล่งอ้างอิงมาจากที่ไหน
มันเป็นคำที่สวี่หลิงอวิ๋นนึกถึงมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
“บุรุษให้สตรียั่วเย้า? บุรุษให้สตรียั่วเย้าหมายถึงท่านจะเป็นคนรักของฉันไงคะ เป็นหนึ่งในพระสวามีของฉัน”
สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้รู้สึกละอายใจเลยสักนิดที่ต้องอธิบายความหมายเหล่านั้นให้โอคาซีฟัง “เป็นยังไงคะ? สนใจไหม?”
โอคาซีส่ายหัว “ถ้ามีผมเพียงคนเดียว ผมคงมีความสุขกว่านี้ครับ”
ให้ตายเถอะ คำพูดของโอคาซีแทบจะทำให้หัวใจของสาว ๆ ทั่วทั้งห้วงดวงดาวแตกสลาย!
‘ทำไมพลเอกโอคาซีต้องไปชอบผู้หญิงหลายใจพรรคนั้นด้วย ทำไมไม่มาชอบผู้หญิงที่อ่อนต่อโลกแบบฉันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและมองดูแต่ท่านคนเดียว?’
‘ง่ายนิดเดียว เพราะเธอน่าเกลียดยังไงล่ะ!’
‘เฮอะ ฉันไม่เคยมองเห็นความสวยในตัวผู้หญิงอย่างเธอเลย นอกจากนี้ ต่อให้ฉันน่าเกลียด แต่ลูตี้ก็สวยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?! ทำไมพลเอกโอคาซีไม่ไปชอบเธอบ้างล่ะ?!’
‘เพราะเธอทำอาหารไม่เป็น’
‘แทงใจมากเลยค่ะซิส!’
ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าชาวเน็ตตกใจมากแค่ไหน แม้แต่สวี่หลิงอวิ๋นก็ยังเบิกตากว้างและมองเขา “ท่านไม่ได้ชอบฉันจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”
“ไม่ได้เหรอครับ?” โอคาซีจ้องมองมาที่เธอ
ผมสีเงินปลิวไสวตามสายลม พัดผ่านมาปกคลุมบนใบหน้าของสวี่หลิงอวิ๋นเพียงไม่กี่เส้น ขณะที่บรรยากาศรอบข้างดูคลุมเครือพิกล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโอคาซีมองดูเธอด้วยสายตาเสน่หา นั่นทำให้เธอถึงกับเห็นภาพลวงตา ราวกับว่าเธอได้กลายเป็นโลกทั้งใบของเขา และดวงตาคู่นั้นกำลังดูดซับจิตวิญญาณของเธอเข้าไป
“ลืมมันไปซะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเขาราวกับคนโง่เขลาเป็นเวลานาน ก่อนจะหยิบยกเหตุผลขึ้นมา และพูดปฏิเสธออกไปอย่างยากลำบาก
“ทำไมครับ? ผมไม่ดีพอเหรอครับ?” โอคาซีจ้องมองเธอด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขามั่นใจว่าตนเองเป็นผู้ชายแบบที่เธอชื่นชอบ แต่ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับใจตัวเอง? เขาจำได้ว่าในอดีตสวี่หลิงอวิ๋นชื่นชอบเขามากและมักจะไล่ตามเข้าไปทุกหนทุกแห่ง เธอถึงขนาดร้องขอให้จักรพรรดิจัดงานแต่ง แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงไม่เต็มใจยอมรับเขา?
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าท่านไม่ดี!” สวี่หลิงอวิ๋นสะบัดมือ “แต่เป็นเพราะว่าท่านดีเกินไปต่างหาก ผู้หญิงมอมแมมอย่างฉันไม่เหมาะสมกับท่านหรอกค่ะ”
สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจ และเกาหัวตนเองอย่างรำคาญใจ
ใครกันจะไม่ชอบผู้ชายที่หล่อเหล่าขนาดนี้ แต่เป็นเพราะว่าเขาดีเกินไปต่างหาก เขาทั้งหล่อเกินไป และยังเป็นไอดอลในดวงใจของผู้หญิงทั่วทั้งห้วงดวงดาว
ภายในของสวี่หลิงอวิ๋นยังคงเป็นเพียงแค่หญิงสาวจากชนบทเท่านั้น ผู้ที่หยิ่งทะนงและไร้เหตุผล เธอต้องผ่านความทุกข์ยากในวันสิ้นโลกและทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอด
แต่โอคาซีนั้นแตกต่างออกไป เขาเกิดมาในครอบครัวใหญ่โตที่ตรงตามมาตรฐานชนชั้นสูงของทั้งห้วงดวงดาว เขาเติบโตขึ้นมาอย่างดี ทุกย่างก้าวของเขาแม่นยำเปรียบเสมือนมีเครื่องจักรช่วยวัดแนวทาง เป็นอะไรที่แตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง
ทั้งตัวตนที่แท้จริงของเธอกับตัวตนของเขาจะกลายมาเป็นคู่สามีภรรยากันได้อย่างไร?
การได้อยู่กับเธอจะกลายเป็นความอัปยศอดสูเสียเปล่า ๆ!
โอคาซีไม่เข้าใจว่าเธอกำลังรู้สึกกังวลอะไร ในสายตาของทุกคน มองว่าการรวมเป็นหนึ่งเดียวของพวกเขาจะเป็นอะไรที่แข็งแกร่งมาก เพราะเป็นการรวมตัวกันระหว่างราชวงศ์และขุนนาง เฉกเช่นเดียวกับการรวมตัวกันระหว่างองค์หญิงและองค์ชายที่มักจะพบเห็นได้บ่อย ๆ
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นองค์หญิง และตอนนี้เธอก็โด่งดังมาก เธอมีแฟนคลับอยู่ทั่วทั้งห้วงดวงดาว แล้วเธอจะไม่คู่ควรกับโอคาซีได้อย่างไร?
ในความคิดของโอคาซี เขาพบว่าองค์หญิงสามไม่ได้ชอบเขาแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะปันใจไปชอบคนอื่นเข้าแล้ว?!
เขาขมวดคิ้วและใช้ความคิดอย่างหนักว่าผู้ชายรอบตัวสวี่หลิงอวิ๋นมีคนไหนที่เข้าข่ายอีก แต่ก็ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มทั้งหลายในสถาบันจะสามารถดึงดูดเธอได้ และมีเพียงคนเดียวที่สามารถเป็นไปได้ นั่นคือแลนเซล็อต!
แลนเซล็อตมานัดดูตัวด้วยไม่ใช่เหรอ? สวี่หลิงอวิ๋นเคยเห็นภาพถ่ายของเขามาก่อนหรือเปล่า? ไม่นะไม่!
ทุกคนล้วนมีรูปถ่ายของแลนเซล็อต และสวี่หลิงอวิ๋นคงรู้แล้วว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร เธอตกหลุมรักผู้ชายแบบนั้น และเลือกที่จะปฏิเสธเขาใช่ไหม?
โอคาซีรู้สึกได้ถึงวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่! ไม่! จะปล่อยให้สวี่หลิงอวิ๋นกลับไปที่จักรวรรดิไม่ได้! ไม่เช่นนั้นแลนเซล็อตคงเข้ามาพูดคุยกับสวี่หลิงอวิ๋นแน่ ๆ และเมื่อเป็นอย่างนั้น โอกาสการที่ทั้งสองจะดึงดูดกันก็จะเพิ่มขึ้นด้วย!
“ท่านอยากจะอยู่ต่อไหมครับ? พวกเราจะรอจนกว่าท่านจะหาวิธีการจัดการกับต๋าหลู่พวกนี้ได้ เอาแบบนี้ดีไหมครับ?”
แน่นอนว่าตีงูต้องตีให้ตาย และต้องลงมือทำงานอย่างหนัก!
สวี่หลิงอวิ๋นใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนั้น! เดิมทีเธอยอมแพ้ให้กับต๋าหลู่ทั้งหลายบนพื้นดินไปแล้ว ถึงแม้จะบอกว่าเธอสามารถจัดตั้งที่ปรึกษาหรือตัวแทนได้ แต่เธอก็ไม่ได้ออกนั่งบัญชาการควบคุมการผลิตด้วยตัวเอง ซึ่งมันทำให้เธอเป็นกังวลอย่างมาก!
“ได้ไหมคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นส่งเสียง ‘ฮิฮิ’ ออกมา และถูมือเข้าด้วยกัน “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ!”
ต่อให้สวี่หลิงอวิ๋นจะต้องการอยู่ต่อหรือไม่? รุยกับเบนเน็ตก็ปฏิเสธที่จะจากไปอยู่แล้ว เพราะพวกเขาต้องการจะอยู่ต่อ