สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 126 ปูและลำไส้ 2
เป็นนักเรียนชั้นปีที่สี่ที่ถูกพาไปแทน
พวกเขาจะต้องเข้าสู่สนามรบในปีหน้า และนี่เป็นการดีที่พวกเขาจะได้ทำความคุ้นเคยกับเอเลี่ยน
ดาวเคราะห์หยวนเจียเป็นดาวเคราะห์ภูเขาไฟ ทุกหนทุกแห่งจะเต็มไปด้วยประกายไฟ อสูรกายคืบคลานไปบริเวณโดยรอบด้วยเขี้ยวแหลมคมขนาดมหึมาของพวกมัน
นักรบขององค์ชายผู้ยิ่งใหญ่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ในขณะนี้ผู้คนบาดเจ็บและเริ่มล้มตาย นั่นหมายความว่าเอเลี่ยนพวกนี้ได้เสียการควบคุมไปแล้ว
พวกเขาสละฐานกองทัพของตนเองทิ้ง ก่อนจะหนีมาซ่อนตัวอยู่ใต้ปล่องภูเขาไฟทางธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นเป็นฐานหลบภัยชั่วคราวโดยมีฉนวนป้องกันความร้อน
ด้านนอกมีเพียงพวกเขา และอสูรกายเขี้ยวยักษ์ได้ล้อมรอบพวกเขาไว้หมดแล้ว
หากกำลังเสริมยังมาไม่ถึง พวกเขาอาจจะต้องติดอยู่ข้างในนี้
สัญญาณร้องขอความช่วยเหลือยังคงดังอย่างต่อเนื่อง สวี่เจี้ยนอวิ๋น องค์ชายใหญ่ถึงกับเริ่มครุ่นคิดว่าเขาจำเป็นจะต้องเขียนพินัยกรรมให้กับผู้รอดชีวิตหรือไม่
ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขา ความเมตตาของพ่อแม่ที่มีต่อน้องสาวคนเล็ก และการสนับสนุนจากประชาชน ความเป็นได้ไปที่สวี่หลิงอวิ๋นจะได้ขึ้นครองบัลลังก์นั้นมีมากกว่าสวี่เจี้ยนอวิ๋น
ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา-เขามัวแต่ต่อสู้กับน้องชายรอง แต่สุดท้ายแล้ว กลายเป็นน้องสาวคนเล็กต่างหากที่ได้ผลประโยชน์ไป คาดไม่ถึงจริง ๆ
องค์ชายใหญ่ยังคงคิดเรื่องนั้นอยู่ ขณะที่เหล่าทหารวิ่งเข้ามาและกรีดร้องเสียงดัง “ฝ่าบาท แย่แล้ว! เจ้าเขี้ยวยักษ์พวกนั้นหาทางเข้าของเราเจอแล้วครับ พวกมันกำลังโจมตีอยู่!”
“อะไรนะ?!” ทันทีที่สวี่เจี้ยนอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาก็คิดกับตนเองว่ามันจบเห่แล้ว! พลังงานของฐานทัพมีไม่เพียงพอ และในไม่ช้าเขี้ยวของมันก็จะโจมตีฐานทัพจนสิ้นซาก ทั้งข้างหน้าและข้างหลังเหลือเวลาเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น
เพียงเวลาเล็กน้อยเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะปล่อยให้เหล่าทหารบันทึกวิดีโอบอกลาครอบครัวของพวกเขา
ขนาดส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปไม่น้อยกว่าครึ่งวัน กองกำลังเสริมก็ยังมาช่วยไม่ทันเวลา
องค์ชายใหญ่รู้สึกถึงจิตใจที่ห่อเหี่ยว ก่อนจะออกคำสั่งให้เหล่าทหารเขียนจดหมายลาตายรวมทั้งบอกลาครอบครัวของตัวเอง สำหรับตัวเขาเอง เขาเลือกจะอัดวิดีโอเพื่อบรรยายความเศร้าโศกว่าถ้าหากในอนาคตเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสักสองปี เขาจะเป็นลูกกตัญญูของพ่อแม่ และกล่าวขอโทษในฐานะลูกคนโตที่ไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องทั้งสองคนได้
“เสด็จพ่อเสด็จแม่ ลูกขอโทษ ลูกคนนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาและความกังวลของพวกท่านได้อีกแล้ว น้องสวี่หลิงอวิ๋นเป็นเด็กฉลาดที่ฟ้าลิขิตมา น้องเหมาะสมที่จะได้ทายาทขึ้นครองบัลลังก์ ในฐานะพี่ชายคนโต ลูกเต็มใจที่จะสละทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่น้องสาวคนเล็ก”
สวี่เจี้ยนอวิ๋นพูดเป็นเวลานาน แต่ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้ค่ามาตลอดยี่สิบห้าปี และตระหนักได้ถึงความโศกเศร้าทั้งปวงในชีวิต “ถ้าครั้งนี้ลูกรอดชีวิตไปได้ ลูกจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด จะไม่คอยสร้างปัญหายุ่งวุ่นวายอีก ลูกจะยินดียอมรับใครก็ได้ที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่เลือกมาเป็นทายาทสืบทอดบัลลังก์”
จะแย่งชิงกันไปเพื่ออะไร? กินดีอยู่ดีแล้วเอาทักษะการต่อสู้ไปแสดงในสนามรบไม่ดีกว่าเหรอ?
ก้ามขนาดมหึมาของอสูรกายเขี้ยวยักษ์กำลังโจมตีฐานป้องกัน ฐานป้องกันที่อยู่ภายใต้การโจมตีของอสูรกายเขี้ยวใหญ่เริ่มจะสั่นคลอนและพังทลายลง ขณะที่เหล่าทหารทั้งหลายเริ่มตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง
ว่ากันตามสำนวน เดินอยู่ริมแม่น้ำ เท้าจะไม่เปียกได้อย่างไร? พวกเขาต่อสู้กับเหล่าเอเลี่ยนทุกปี และในที่สุดพวกเขาก็ได้ลิ้มลองการทุบตีจากเอเลี่ยน!
ในช่วงเวลาวิกฤต อสูรกายเขี้ยวยักษ์ทั้งหลายกำลังบ้าคลั่ง พวกมันส่ายหัวกันอย่างเมามัน ก่อนจะเริ่มวิ่งหนีออกไปไกล!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
กองทัพทหารขององค์ชายใหญ่รู้สึกสับสน ก่อนจะเหลือบเห็นเครื่องจักรกลลอยออกจากฟากฟ้า หัวของเครื่องจักรกลขนาดมหึมากำลังเอียงศีรษะมาทางพวกเขา “โย่ เจ้าพวกหนูน้อยน่ารัก สบายดีกันไหม?!”
ทหารทั้งหลายมองดูเครื่องจักรกลสีชมพูสดใส และฟังคำพูดที่เป็นสไตล์เดียวกันกับองค์หญิงสาม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่มาเยือนเป็นใคร
“องค์หญิงสาม!” เหล่าทหารรู้สึกถึงขาที่อ่อนแรง ก่อนจะฟุบตัวและนั่งลงบนพื้นทันที
องค์หญิงสามมาถึงที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่ากองกำลังเสริมกำลังมาใช่ไหม?
“องค์ชาย! องค์หญิงสามอยู่ที่นี่แล้วครับ! เธอพากองกำลังเสริมมาที่นี่ด้วย!”
การมาถึงขององค์หญิงสามเปรียบเสมือนกับการมาเยือนของนางฟ้านางสวรรค์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ดึงพวกเขากลับมาจากเงื้อมมือของเทพเจ้าแห่งความตาย!
ตื่นเต้นมากใช่หรือไม่!
“น้องเล็ก? นายพูดถึงน้องเล็กใช่ไหม?” องค์ชายใหญ่ยังคงตกอยู่ในภวังค์ เขามักจะสงสัยว่ามีข้อบกพร่องอะไรหรือไม่ ทำไมน้องเล็กถึงมาที่นี่?
“เป็นองค์หญิงสามจริง ๆ ครับ! เธอยังพูดทักทายพวกเราอยู่เลย” ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างขององค์ชายใหญ่พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกนั้นแล้วครับ!”
หลังจากที่องค์ชายใหญ่ดึงสติของตนเองกลับได้หนึ่งสักครู่ เขาก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีและตรงไปลบวิดีโอที่อัดไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด เขารู้สึกดีใจที่ไม่ได้ส่งวิดีโอเหล่านี้ให้กับพ่อแม่ ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก!
“พาเราไปเจอน้องสามที!”
การกระทำของสวี่หลิงอวิ๋นที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าฐานทัพป้องกันเปรียบเสมือนกับสำนวน หนึ่งคนเฝ้าด่าน ศัตรูนับหมื่นไม่อาจก้าวผ่าน อสูรกายเขี้ยวยักษ์มีจมูกที่อ่อนไหวมากและพวกมันพยายามไม่เข้ามาใกล้เธอที่กำลังสาดน้ำพริกใส่พวกมัน! รับไม่ได้อะไรขนาดนั้น!
พวกมันโบกสะบัดก้าม ดวงตาของมันปวดแสบปวดร้อนจนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ และถูกฆ่าตายในที่สุด
สวี่หลิงอวิ๋นแปรสภาพพลังดวงดาวเป็นคันธนูและลูกธนู ลูกธนูพุ่งตรงไปที่อสูรกายเขี้ยวยักษ์ แน่นอนพวกมันไม่สามารถต้านทานลูกธนูนี้ได้
อสูรกายเขี้ยวยักษ์เกรี้ยวกราดแยกเขี้ยวกางเล็บ ทว่าพวกมันกลับไม่สามารถทำอะไรได้
กองทัพทหารมากกว่าสี่หมื่นนายได้เดินทางมาถึง พร้อมกับนักเรียนชั้นปีที่สี่กว่าหนึ่งหมื่นคนที่ติดตามมาด้วย รวมทั้งสิ้นมีนักรบกว่าห้าหมื่นนายที่เดินทางมาต่อสู้บนดาวเคราะห์หยวนเจีย
ทหารที่อยู่ภายใต้คำบัญชาการของจอมพลก็อดวินกำลังโปรยมูลสัตว์ และทันใดนั้นอสูรกายเขี้ยวยักษ์ก็หยุดชะงัก ก่อนจะทุกข์ทรมานจนล้มตาย บริเวณนั้นมีเอเลี่ยนหลายตัวที่ล้มตายเพราะกลิ่นเหม็น
นักเรียนชั้นปีที่สี่ทั้งหลายฉวยโอกาสในช่วงชุลมุน ทั้งหมดต่างเวียนหัวเพราะกลิ่นเหม็น ก่อนที่พวกเขาจะแก้ไขปัญหานั้นเงียบ ๆ ด้วยตนเอง
สำหรับคนอื่นที่ได้อยู่กับองค์หญิงสามมาก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เรียนรู้วิธีการควบคุมพลังจิตเพื่อแปรสภาพพลังดวงดาวให้กลายเป็นอาวุธต่าง ๆ เมื่อมองดูอสูรกายเขี้ยวยักษ์ที่มีเกราะป้องกันอย่างแน่นหนา แล้วจึงพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำลายพวกมัน
ทว่าสะดือของพวกกลับเป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่สุด
พวกเขาได้เรียนรู้จากองค์หญิงสามในการแปรสภาพพลังดวงดาวให้เป็นลูกธนูเพื่อจัดการกับอสูรกายเขี้ยวยักษ์์
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ตรงหน้าจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าวิกฤตขององค์ชายใหญ่ได้ผ่อนคลายลงแล้ว!
จักรพรรดิถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกขณะลดตัวนั่งบนเก้าอี้อย่างเชื่องช้า โดยที่เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าขาทั้งสองของตนเองนั้นอ่อนแรงมากแค่ไหน
เขายิ้มเหยเก ก่อนจะพูดกับหัวหน้าพ่อบ้านว่า “ต่อให้เราจะไม่พอใจในตัวลูกชายมากแค่ไหน แต่ลูกก็ยังอยู่ในใจของเราเสมอ อาการบาดเจ็บเล็กน้อยของลูกอาจทำให้เราตกใจตายได้!”
“ฝ่าบาท ท่านเป็นกังวลกับองค์ชายใหญ่เกินไป นี่สินะ ความรักของพ่อ”
“แต่เราก็หวังว่าหลังจากลูกผ่านช่วงเวลาชีวิตและความตายมาแล้ว ลูกจะไม่ใจร้อนเวลาต้องทำอะไรอีก ไม่เอาแต่กลัวเสียหน้า ถ้าลูกแจ้งเหตุมาเร็วกว่านี้ ก็คงไม่ต้องรอจนถึงขั้นวิกฤตใช่ไหม?!”
เมื่อองค์ชายใหญ่เดินออกมาจากฐานทัพ เขาก็พบเข้ากับสวี่หลิงอวิ๋นที่เฝ้าทางออกอยู่ด้านนอก เฝ้ามองดูเธอยิงลูกธนูครั้งแล้วครั้งเล่า เธอดูกล้าหาญและสงบนิ่ง
น้องสาวโตขึ้นมากแล้วจริง ๆ!
เมื่อก่อนเธอเป็นเพียงเด็กเจ้าอารมณ์ แต่ตอนนี้เธอกลับมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นทั้งนักรบและผู้บัญชาการ
ตกกลางคืน อสูรกายเขี้ยวยักษ์ที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ถูกกวาดล้างออกไปจนหมด
ทหารทั้งหลายเหน็ดเหนื่อยจนต้องนั่งพักอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
องค์ชายใหญ่และทหารมากกว่าหนึ่งหมื่นนายเดินออกมาจากฐานทัพหลบภัย โดยไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะแสดงความตื่นเต้นอย่างไรดี