สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 127 ปูและลำไส้ 3
“เย็นนี้จะกินอะไรกันดี?”
นี่เป็นคำถามที่ทุกคนรู้สึกกังวลมากที่สุด ก่อนที่ทุกสายตาจะจับจ้องมาที่องค์ชายใหญ่ด้วยความคาดหวัง
เนื่องจากสถานการณ์เร่งรีบ ทุกคนจึงขึ้นยานอวกาศมาที่นี่ทันทีและวุ่นวายอยู่กับการช่วยเหลือ ยุ่งอยู่กับการบินจนไม่มีเวลาได้กินอาหาร หลังจากเดินทางมานานกว่าครึ่งวันและต่อสู้กับอสุรกายเขี้ยวยักษ์หนึ่งวันเต็ม ร่างกายที่เหนื่อยล้า พอได้พักก็หายเหนื่อย แต่ถ้าหิวข้าวล่ะต้องทำอย่างไร?
ถึงอย่างนั้นองค์ชายใหญ่ก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไร!
เพราะพวกเขาเพียงแต่หนีเอาชีวิตรอด จนลืมโยกย้ายอาหารทั้งหลายมาที่ฐานทัพหลบภัยด้วย! ส่วนอาหารที่อยู่ในฐานทัพใหญ่ ไม่ต้องดูก็รู้ว่ามันสูญหายไปหมดแล้ว!
เอเลี่ยนพวกนี้ไม่ให้ประโยชน์แต่กลับทำลายทุกอย่าง ทุก ๆ ที่พวกมันไปจะต้องกลายเป็นดินแดนรกร้าง พวกมันไม่เคยอดใจไหวกับการกลืนกินโครงเหล็ก อย่าว่าแต่อาหารที่เหลืออยู่เลย
“ทำยังไงดี?” ทุกสายตาจับจ้องไปที่สวี่หลิงอวิ๋นอีกครั้ง
รวมทั้งองค์ชายใหญ่ก็หันมามองเธอเช่นกัน “เอ่อ น้องสาว น้องช่วยดูให้หน่อยสิว่าอสุรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้กินได้บ้างไหม?!”
เป็นบ้าอะไรกัน? คิดว่าเธอเป็นแม่ครัวสารพัดประโยชน์หรือไง?!
ผู้คนกว่าหกหมื่นถึงเจ็ดหมื่นคนจับจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเว้าวอน แล้วเธอจะทำอย่างไรได้? ก็ต้องไปดูยังไงล่ะ!
สวี่เจี้ยนอวิ๋นเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ พวกเขาพยายามจะกินอสุรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้มาก่อน แต่เนื้อของพวกมันเหม็นคาวมากจนทำให้พวกเขาไม่อยากจะกลืนกินมันเข้าไป
เขาอยากจะรู้ว่าน้องสาวคนเล็กสามารถหาวิธีการเปลี่ยนอสุรกายเขี้ยวยักษ์ที่เหม็นคาวพวกนี้ให้กลายเป็นอาหารอันโอชะได้หรือไม่
“ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงดูคล้ายปูเลยล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นเดินวนรอบอสุรกายเขี้ยวยักษ์ที่ถูกดาบเลเซอร์ของเธอฆ่าตาย เธอแปรสภาพพลังดวงดาวเป็นดาบเลเซอร์อีกครั้ง ก่อนจะใช้ดาบแยกชิ้นส่วนบริเวณสะดือของอสูรกายเขี้ยวยักษ์ และแน่นอนว่าเธอพบเข้ากับมันปูที่ติดอยู่กับกระดองขนาดใหญ่!
สวี่หลิงอวิ๋นคิดเกี่ยวกับมัน ก่อนจะลงมือปรุงรสชาติเพื่อดูว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร
สวี่เจี้ยนอวิ๋นแอบยิ้มจากทางด้านหลัง ก่อนจะคิดในใจว่าน้องสาวคนเล็กคงไม่มีทางจัดการกับอสุรกายเขี้ยวยักษ์ตัวนี้ได้ เพราะเขาเคยปรุงรสชาติของมันแล้ว แต่มันกลับไม่อร่อยเลยสักนิด!
เมื่ออสุรกายเขี้ยวยักษ์ถูกปรุงจนสุก สวี่หลิงอวิ๋นก็เอาอสูรกายเขี้ยวยักษ์ออกมา แงะกระดองของมันให้เปิดออก และขูดไข่ปูออกมาเพื่อลิ้มลองรสชาติ ใช่เลย! รสชาติแบบนี้แหละ!
รสชาติของมันปู!
เธอขูดไข่ปูทั้งหมดออกมาอย่างกระตือรือร้น แต่เธอกลับไม่ได้แตะต้องส่วนอื่นด้วยซ้ำ!
องค์ชายใหญ่ตกตะลึงว่าทำไมเธอถึงไม่กินส่วนอื่นล่ะ? ของสีเหลืองนั้นคืออวัยวะสืบพันธุ์ของอสุรกายเขี้ยวยักษ์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกล้ากินมันเข้าไป? ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะอาเจียนเป็นอย่างมาก!
แต่น้องสาวกลับกินมันอย่างเอร็ดอร่อย!
“พี่ชายใหญ่ อยากลองชิมไหมคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบช้อนคันใหม่ออกมาด้วยท่าทีสนิทสนม ก่อนจะตักมันปูและยื่นไปทางเขา “มันยังอร่อยอยู่เลย!”
“หยุด! แหวะ!” องค์ชายใหญ่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมผู้คนจากนครแห่งสวรรค์จะต้องมากินไข่และอวัยวะเพศสืบพันธุ์ของอสุรกายเขี้ยวยักษ์ด้วย!
“ก็ได้ ถ้าพี่ไม่อยากกินก็ลืมไปมันซะเถอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ มองดูท่าทางที่ไร้ประโยชน์ของพี่ชายคนโต ดูเหมือนว่าเธอจะได้ทำกินคนเดียวมากกว่า
จากนั้นเธอจึงสั่งการให้แขนกลทุบแขนขาของอสุรกายเขี้ยวยักษ์ และขุดเอาเนื้อสีขาวดุจดั่งหิมะที่อยู่ด้านในออกมา เนื้อบริเวณส่วนแขนและขาของมันค่อนข้างหนึบหนับ ไร้รสชาติ แต่ถ้าใส่ซีอิ๊วลงไปหน่อยจะทำให้รสชาติออกมาดีมาก!
องค์ชายใหญ่แทบจะอาเจียนออกมา เขาหันกลับมามองด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะเหลือบเห็นจานขนาดใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยเนื้อขาวดุจดั่งหิมะ เนื้อทั้งหมดถูกวางเอาไว้เป็นเส้นยาว “นี่คืออะไร?”
“อ๊ะ มันเป็นเนื้อจากส่วนขาของอสุรกายเขี้ยวยักษ์ค่ะ พี่อยากจะลองชิมสักหน่อยไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะเอามันเข้าปาก รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิมเลยแฮะ
องค์ชายใหญ่สูญเสียความมีชีวิตชีวาไปจนหมดสิ้น เมื่อมาคิดดูแล้ว เนื้อส่วนขาน่าจะไม่แย่ใช่ไหม?
จะว่าไปแล้ว เขาก็ชอบปลาหมึกกระป๋องมากนี่นา!
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว พี่ชายใหญ่เป็นคนจู้จี้มากเกินไป เพราะฉะนั้นปล่อยเขาไปก่อนเถอะ อันที่จริงแล้วอสุรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้จัดการค่อนข้างง่าย มาคิดดูอีกที มาทำผัดเผ็ดกับหม้อไฟกันเถอะ!
ถึงแม้ว่าดาวเคราะห์หยวนเจียจะเต็มไปด้วยภูเขาไฟ แต่ที่นี่ก็ยังมีผักชนิดพิเศษอยู่มากมาย ไม่เช่นนั้นอสุรกายเขี้ยวยักษ์จะเสียดายที่ต้องถอนกำลังออกจากดาวเคราะห์หยวนเจียและกลับมาแก้แค้นองค์ชายใหญ่อย่างบ้าคลั่งเหรอ?
และถ้าจะเอาคืนพวกมันก็ควรไปล้างแค้นที่ดาวเคราะห์ปลาหมึกใช่ไหม? แต่สวี่หลิงอวิ๋นแทบจะอยากให้เอเลี่ยนปลาหมึกพวกนั้นมาแก้แค้นพวกเธอ!
อันที่จริง นอกจากดาวเคราะห์หยวนเจียจะมีอสุรกายเขี้ยวยักษ์แล้ว ที่แห่งนี้ยังมีเอเลี่ยนอีกแบบอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าพวกมันทั้งสองจะมาจากตระกูลเดียวกัน
แต่เอเลี่ยนชนิดนั้นกลับอ่อนแอกว่าอสุรกายเขี้ยวยักษ์มาก อสุรกายเขี้ยวยักษ์จึงไม่กลั่นแกล้งพวกมัน เพราะมันพวกมันคือเอเลี่ยนลำไส้
ทำไมถึงเรียกพวกมันว่าเอเลี่ยนลำไส้ล่ะ?
อะแฮ่ม เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว ก็เพราะว่าลำตัวของมันอ่อนนุ่มและผิวหนังก็มีความยืดหยุ่นสูง หลังจากทิ่มแทงผิวหนังของพวกมันแล้วจะค้นพบว่าอวัยวะภายในส่วนใหญ่ของพวกมันประกอบด้วยลำไส้ เอเลี่ยนพวกนี้อ่อนแอมาก จึงเป็นสาเหตุที่พวกมันไม่ตกเป็นเป้าหมายของเหล่าทหาร
ผักทั้งหลายเติบโตขึ้นท่ามกลางภูเขาไฟเพราะมีเพียงที่นี่เท่านั้นที่จะทำให้ผักทั้งหลายรอดพ้นจากการกลืนกินของอสูรกายเขี้ยวยักษ์ สวี่หลิงอวิ๋นสั่งเหล่าทหารให้ไปเก็บผัก พวกเขาเก็บผักกลับมาไม่มากนัก เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเนื้อต่างหาก
ภายในลาวาของภูเขาไฟยังมีสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีเกราะหนาแน่นอยู่เต็มตัว อาวุธธรรมดาไม่สามารถทิ่มแทงเข้าไปในผิวหนังของมันได้ ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในตอนนี้คือพลเอกโอคาซี เขาจึงเริ่มลงมือทำลายเกราะหุ้มของสัตว์ชนิดนี้และแบกมันไปกองไว้ข้างหน้าสวี่หลิงอวิ๋น
นักรบในชุดเกราะพยายามจะกรีดพวกมันออกทีละนิด แต่สุดท้ายแล้ว…พวกเขากลับต้องถอยห่างออกมาอย่างเงียบ ๆ โอคาซีถึงกับถอนหายใจและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ก่อนที่พลเอกหนุ่มจะพบเข้ากับสวี่หลิงอวิ๋น เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าเขาจะต้องใช้ดาบเลเซอร์มาหั่นสัตว์พวกนี้ หรือแม้แต่ปอกเปลือกมัน! นี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผิวหนังถูกลอกออกอย่างรวดเร็ว โดยเหลือเพียงเนื้อเอาไว้ สวี่หลิงอวิ๋นมองดูลักษณะของเนื้อ ก่อนจะใส่มันลงไปในหม้อเพื่อต้มอีกครั้ง ลองชิมสักนิด เฮ้! มันคือเนื้อหมู!
นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในการนำเอามาทำเป็นกุนเชียงใช่หรือไม่?!
แต่เมื่อเธอมองเข้าไปในลำไส้…ช่างมันเถอะ ลำไส้มันแข็งมาก! ถึงจะถูกต้มในหม้อร้อนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ลำไส้ของมันกลับยังแข็งอยู่ และมันก็ยังไม่แตกออกด้วยซ้ำ จนต้องใช้มีดกรีดมันออกมา จะกินของสิ่งนี้อย่างไรดี?
เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นคิดเกี่ยวกับเอเลี่ยนลำไส้เหล่านี้ เธอจึงสั่งให้ทหารไปจับมาเพิ่มอีกตัว
เหล่าทหารไม่เข้าใจว่าองค์หญิงสามต้องการจะทำอะไร แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องไปจับเอเลี่ยนลำไส้มาเพิ่ม
ดังนั้น…พวกเขาจึงรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้อย่างมาก!
สวี่หลิงอวิ๋นปล่อยให้แขนกลดึงลำไส้ของเอเลี่ยนลำไส้เหล่านั้นออกมา จากนั้น! เธอจึงล้างลำไส้ทั้งหมดด้วยน้ำเปล่า ก่อนจะล้างกับแป้งอีกหลายครั้ง เธอสับเนื้อของสัตว์ที่มีเกราะห่อหุ้มและยัดมันใส่เข้าไปข้างใน!
ใส่เข้าไปข้างใน!
ใส่เข้าไป!
ข้างใน!
สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร! มันยากมากที่จะทำเนื้อหมูและลำไส้เหล่านี้ เพราะฉะนั้นเธอถึงต้องเอาพวกมันมาทำกุนเชียงใช่ไหม?
โรยเกลือ ขิง และพริกไปลงไปในเนื้อหมู ก่อนจะเติมซีอิ๊วที่เธอเป็นทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่าซีอิ๊วนี้ถูกทำมาจากเหล้าขาวที่เธอมีติดตัวไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว ถึงจะไม่เต็มใจที่ต้องใช้เหล้าขาวนัก แต่เธอก็ยังอยากกินกุนเชียงมากกว่าเหล้าขาวอยู่ดี