สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 138 สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ 4
ทีมที่กำลังเฝ้าระวังอยู่ พบกับบางอย่างที่ผิดปกติเมื่อมองเห็นว่าองค์หญิงสามได้บุกรุกเข้ามา ราวกับว่าค้นพบบางอย่าง
“รีบไปตามคนมา!”
ทีมเฝ้าระวังมองดูวิดีโอขณะรีบแจ้งข่าวกับพวกพ้อง จากนั้นจึงรายงานให้พลเอกโอคาซีทราบ
โอคาซีที่กำลังหลับใหลรีบลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงแค่เสี้ยวนาทีและกระโดดออกจากหน้าต่างไป เมื่อชายหนุ่มได้ยินว่าสวี่หลิงอวิ๋นกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสายลับ
การเคลื่อนไหวของสวี่หลิงอวิ๋นนั้นว่องไว แต่สายลับพวกนั้นก็ไม่ใช่พวกอ่อนหัดเช่นกัน การล่องหนของพวกเขายอดเยี่ยมมาก เคลื่อนไหวแต่ละครั้งรวดเร็วดั่งแสงไฟ
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขายังอยู่ในระดับ 7 ดาว ทั้งสองช่วยกันเริ่มลงมือ ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้ แต่ทันใดนั้นทุกอย่างหยุดชะงักลง
เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงสัญญาณดังมาจากฐานทัพ ทั้งสองเริ่มวิตกกังวล ก่อนที่อีกคนจะตะโกนขึ้นมาว่า “รีบโยนขวดทิ้งลงไปซะ!”
สวี่หลิงอวิ๋นรับรู้ได้ทันทีว่าของสิ่งนั้นไม่ใช่ของที่ดีแน่ เธอรู้สึกตื่นตระหนกและรีบหยุดมันไว้ แต่กลับได้ยินเสียงดัง ‘เพล้ง’ ใช่แล้ว ขวดแตกจนได้!
ขณะเดียวกัน โอคาซีได้มาถึงแล้ว
ทันทีที่ผู้เชี่ยวชาญระดับเก้าได้ทำการเคลื่อนไหว และบิดเบือนขอบเขตพลังที่อยู่บริเวณโดยรอบ ชายชุดดำทั้งสองที่แฝงตัวอยู่ต่อหน้า ผู้เชี่ยวชาญระดับเก้าก็ถูกเปิดเผยตัวออกมา และไม่สามารถซ่อนตัวได้อีก
นักวิจัยยาทั้งหลายมาถึงจุดเกิดเหตุ ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อมองดูสารพิษที่กำลังไหลไปตามพื้น แทรกซึมไปใต้พื้นดิน ก่อนจะร้องตะโกนออกมาว่า “เร็วเข้า รีบตักสารพวกนี้ออกไปจากตรงนี้ที! เร็ว! อย่าให้มันเข้าไปทำอันตรายกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ใต้ล่างได้!”
โชคไม่ดีที่สายเกินไป!
สารพิษในขวดมีประสิทธิภาพดีมากและไหลออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อมันสัมผัสเข้ากับพื้น มันก็แทรกซึมไปตามแหล่งพลังงานลงไปทำลายสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใต้ล่างในทันที!
“แย่แล้ว! เร็วเข้า รีบไปตรวจสอบที่อื่น!” สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือ และออกคำสั่งให้นักวิจัยยานำทีมไปตรวจสอบบริเวณอื่นว่ามีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นตรงไหนอีกบ้าง
“ไม่มีเลย! ไม่เหลืออะไรแล้ว!” นักวิจัยยาทรุดลงกับพื้นและร่ำไห้!
“ทำไมถึงหายไปหมดเลย?” นักวิจัยยาทั้งหลายได้ทำการตรวจสอบ แต่ความหวังของพวกเขากลับล้มมลายจนหมดสิ้น นักวิจัยยาอาวุโสถึงกับเป็นลมหมดสติล้มลงอยู่บนพื้นด้วยความโกรธจัด
“สั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่!” สวี่หลิงอวิ๋นก็โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน!
เมื่อทุกคนในฐานทัพมารวมตัวกันแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นก็มองดูชายทั้งสองที่ถูกจับได้ “บอกฉันมา มีใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับพวกแกอีก?!”
ทั้งสองนิ่งเงียบ…
เนื่องจากเห็นแก่สมาชิกในครอบครัว พวกเขาจึงไม่สามารถหักหลังองค์กรได้ ไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่พวกเขา แต่ครอบครัวของพวกเขาจะต้องทุกข์ทรมานด้วย
“ดี ปากแข็งกันนักใช่ไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นหันกลับไปมองผู้คนนับหมื่นที่อยู่ยืนด้านล่าง ก่อนจะเยาะเย้ย “คิดว่าฉันจะหาพวกแกไม่เจอเหรอ เป็นแค่สายลับไม่ใช่หรือไง? ถ้าอย่างนั้นฉันจะจัดการทีละคนเอง”
สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจ และเหลือบมองคนที่อยู่ด้านข้างเธอ “อันที่จริงฉันก็รู้อยู่หรอกนะว่าพวกแกกังวลอะไร กังวลเกี่ยวกับครอบครัวใช่ไหมล่ะ? เพราะงั้นฉันจะให้โอกาสพวกแกได้พูดออกมา”
“ถ้าสารภาพออกมาตอนนี้ ฉันจะให้โอกาสพวกแก บางทีครอบครัวของพวกแกอาจจะได้รับการปล่อยตัวก็ได้นะ และลูกหลานของพวกแกจะไม่ต้องถูกขึ้นบัญชีดำของชิงเหย้า”
“พวกแกคงรู้ใช่ไหมว่าการขึ้นบัญชีดำคืออะไร? มันเป็นเหมือนกับการต้องขุดเหมืองไปชั่วชีวิต เพื่อรับใช้โทษจำคุกไปตลอดชีวิตยังไงล่ะ”
คำพูดของสวี่หลิงอวิ๋นทำให้สีหน้าของชายทั้งสองเริ่มเปลี่ยนไป แต่… เมื่อมองดูคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง ในนั้นมีสมาชิกสายลับอยู่ด้วย ถ้าพวกเขาพูดอะไรออกไป…
“ไม่ต้องกลัว สัญญาณทั้งหมดถูกปิดกั้นไว้แล้ว ตราบใดที่พวกแกพูดออกมา พวกแกก็ไม่ต้องกังวลว่าข่าวจะรั่วไหลออกไป” สวี่หลิงอวิ๋นพูดขึ้น พร้อมกับยกยิ้ม
ทั้งสองจ้องมองไปข้างหน้า ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือสั่งให้คนมานำตัวพวกเขาลงไป
“เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสคนที่เหลือ ยังไงซะสองคนนั้นก็จะสารภาพออกมาแน่ ๆ ถ้าพวกนายเดินขึ้นมาแสดงตัว ฉันจะมองข้ามอดีตและลบสถานะสายลับของพวกนายไปซะ แล้วทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“แต่…ถ้าพวกนายไม่ยอมสารภาพออกมา ฉันจะเปิดเผยตัวตนของนายเอง หึหึ แล้วอย่ามาโทษกันว่าฉันไม่ให้เวลาพวกนายสารภาพล่ะ”
คำพูดของสวี่หลิงอวิ๋นทำให้ทหารทั้งหลายเริ่มพูดคุยกันเจื้อยแจ้ว ทุกคนมองดูกันและกัน และรับรู้ได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นสายลับ คนเหล่านี้เป็นคนที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยตั้งแต่เข้ามาร่วมทีม พวกเขาจะไปเป็นสายลับได้อย่างไร?
“น้องเล็ก เป็นไปได้ไหมว่าสองคนนั้นจะลงมือกันเอง และคนที่เหลือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง?” องค์ชายใหญ่มองดูเหล่าทหารที่อยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา ทหารที่เหลืออยู่ยังคงดูมีภูมิฐานดี
ไม่มีใครอยากจะคาดคิดว่าทหารที่อยู่ภายใต้การบัญชาการของตนเอง ไม่ใช่คนของตนเองอย่างแท้จริง แต่กลับถูกส่งมาจากกองกำลังอื่น แล้วใครจะอยากเชื่อล่ะ? ในเมื่อคนพวกนี้ได้ผ่านการฝึกความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน!
พวกเขาทั้งหลายเป็นสหายร่วมรบที่คอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน!
“เป็นไปไม่ได้!” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกันแค่สองคน เพราะว่านักวิจัยยาได้ทำการทดสอบแล้วว่าการที่ของเหลวจะแทรกซึมเข้าไปได้ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งสองคนนั้นเลยไม่ต้องเร่งรีบไง”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูผู้คนข้างล่าง แววตาของเธอฉายให้เห็นถึงความผิดหวัง “ถ้าอย่างนั้นอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน”
นักวิจัยยาที่อยู่ด้านข้างหยิบขวดขนาดเล็กออกมาไว้ในกำมือ และของสิ่งนั้นคือสเปรย์ “พวกนายคงไม่รู้สินะว่าของสิ่งนี้คืออะไร ในขวดนี้มีอยู่เหลวอยู่ และของเหลวนี้จะปรากฏขึ้นเป็นสีแดงบนร่างกายของคนที่ได้สัมผัสกับยาพิษชนิดนั้น”
“พวกนายคิดว่ามันเป็นเรื่องดีเหรอที่พวกเราจะพ่นของเหลวแบบนี้ลงไป? แน่นอนว่าไม่! คนที่ทำอะไรลับหลังพวกนายคงรู้ดีแก่ใจอยู่ แต่พวกนั้นแค่ไม่ได้บอกพวกนายเท่านั้นแหละ”
“ฉันจะให้โอกาสพวกนายอีกครั้ง แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “อย่าทำให้พวกเราดูแย่เลย”
“ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องตายไปพร้อมกับพันธนาการใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านล่างไม่เชื่อ สวี่หลิงอวิ๋นจึงหยิบขวดอีกขวดที่อยู่ในมือของนักวิจัยยาขึ้นมา สายลับที่มีส่วนร่วมในการวางยาพิษรับรู้ได้ทันทีว่าของเหลวในขวดนั้นคือยาพิษของพวกเขา หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นโรยของเหลวในขวดลงไปบนพื้นดิน ของเหลวเหล่านั้นก็ระเหยและจางหายไปเป็นเวลานาน จากนั้นเธอจึงพ่นสเปรย์ขึ้นไปบนอากาศ ทันใดนั้นละอองสีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือสารพิษทันที
สีหน้าของคนบางส่วนที่อยู่ข้างล่างเปลี่ยนไปทันที
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูผู้คนข้างล่างที่ยังคงดูมีภูมิฐาน “เอาล่ะ ฉันจะให้เวลาพวกนายอีกสามนาที ถ้ายังไม่มีใครแสดงตัวออกมา นี่คงเป็นหนทางเดียวที่จะง้างปากพวกนาย”
เธอปรบมือ และทันใดนั้นนาฬิกาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอยู่ด้านข้างเธอ เป็นอีกครั้งที่เธอแปรสภาพเครื่องจักรกลสีชมพูของตนเอง
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก…
ทุกครั้งที่เข็มนาฬิกาเคลื่อนตัวและทุกนาทีที่ผ่านพ้นไปทำให้หัวใจของสายสืบทั้งหลายเต้นระรัว ควรจะทำอย่างไรดี?
“หนึ่งนาทีสุดท้าย” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือ จากนั้นทหารก็เดินเข้ามาหยิบสเปรย์จากมือของเธอ ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
เมื่อเวลาสิ้นสุดลง เขาก็เริ่มพ่นสเปรย์ให้กับทุกคน
“ผม!” ชายคนหนึ่งลุกขึ้น และเดินขึ้นไปข้างบนแท่น
“ดีมาก!” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ใครอีก?”
“ฉันให้โอกาสพวกนายแล้วนะ ถ้าไม่มีใครก้าวออกมาข้างหน้า พวกนายจะถูกขึ้นบัญชีดำ ไม่เพียงแต่นายเท่านั้น แต่สมาชิกในครอบครัวของพวกนายก็จะถูกขึ้นบัญชีดำด้วย”