สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 142 สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ 8
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำตามหน้าที่ นายไปบอกพวกเขานะว่ามันเป็นเรื่องจริง! แต่เหลือเพียงต้นกล้าต้นเดียวเท่านั้น และตอนนี้มันอยู่ในมือขององค์หญิงสาม” ชายหนุ่มกล่าว “เอาล่ะ ฉันจะไปก่อน แล้วอย่ามายืนเซ่อซ่าแถวนี้ เดี๋ยวคนจะสงสัยเอา”
เบลล็อคพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว และถอยหลังออกไปทันที
เมื่อเห็นว่าเบลล็อคหลังกลับไป ชายคนดังกล่าวก็หันหลังกลับมาและก้มหน้าลงเล็กน้อย
หญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมาจากทางด้านหลัง สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ทำได้ดีมาก”
“องค์หญิง หากเป็นเช่นนี้ ท่านจะตกอยู่ในอันตราย” ชายคนดังกล่าวที่พูดออกมาเป็นหนึ่งในสายลับที่ยืนขึ้นเป็นคนแรกและบอกว่าตนเองคือสายลับ
ในทุกวันนี้ สายลับทั้งหลายรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก พวกเขารู้สึกราวกับมีมีดมาปักกลางอก โดยคิดว่าตนเองจะต้องดื่มน้ำยาที่ทำให้พลังดวงดาวเสื่อมสภาพเสียแล้ว ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะถูกกักบริเวณและโดนลบรายชื่อออกจากกองทัพเท่านั้น
และแล้วพวกเขาก็ได้รับชีวิตใหม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เพียงแค่ต้องเข้าคุกเป็นเวลาสิบปี หลังจากนั้นพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในโรงงานขององค์หญิงสาม แม้ว่าชีวิตแบบนั้นจะดูเหมือนไร้ความหวัง แต่สำหรับพวกเขา มันเหมือนกับการเกิดใหม่ พวกเขาไม่ต้องเป็นกังวลว่าสมาชิกในครอบครัวและตัวตนของพวกเขาจะถูกค้นพบอีกต่อไป ในที่สุดจิตวิญญาณของพวกเขาก็เป็นอิสระเสียที!
“ไม่เป็นไร!” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือ มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่แบบไหนอีกที่เธอไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน? มีอะไรให้กลัวหรือ? ชนชั้นสูงพวกนั้นจะทำอะไรได้? พวกเขาก็แค่ลอบสังหารหรือลงมือทำอะไรสักอย่าง
โอคาซีไม่รู้ว่าสวี่หลิงอวิ๋นกำลังจะทำอะไร ทว่าเขาสามารถคาดเดาได้เล็กน้อย
“ช่วงนี้ท่านต้องคอยตัวติดไปไหนมาไหนด้วยกันกับผมนะครับ” โอคาซีจ้องมองเธอด้วยความวิตกกังวล
องค์ชายใหญ่ที่กำลังมีความสุขไม่รู้ว่าน้องสาวของเขากำลังวางแผนใช้เขาเป็นเหยื่อตกปลา เมื่อเขารู้ว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ยังเหลืออยู่สองต้น อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้อสุรกายเขี้ยวยักษ์ถูกควบคุมไว้หมดแล้ว เพราะสวี่หลิงอวิ๋นไล่ล่าพวกมันอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่านักรบทั้งหลายจะคิดว่าอสุรกายเขี้ยวยักษ์น่าขยะแขยง แต่พวกเขากลับเต็มใจที่จะนำเอาอสุรกายเขี้ยวยักษ์ไปปรุงอาหาร โดยการคว้านไข่ปูออกมาและนำไปให้สวี่หลิงอวิ๋น
ในที่สุดเอริก้าและแลนเซล็อตก็ถูกปลดปล่อยจากการกักบริเวณและเดินออกมาจากที่พัก มองดูแสงแดดที่ไม่ได้เห็นมายาวนาน
“ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะ การที่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราด้วย ทำไมพวกเราต้องถูกกักบริเวณอยู่ในที่พักด้วยล่ะ?” เอริก้ากล่าวขึ้นอย่างมีเลศนัย “องค์หญิงสามหยิ่งผยองนัก กักขังฉันไว้ในที่พักยังไม่พอ แต่ทำไมถึงกล้ากักขังองค์ชายรัชทายาทจากต่างจักรวรรดิด้วย? หรือว่าเธอกำลังยั่วยุให้เกิดข้อพิพาทระหว่างทั้งสองจักรวรรดิคะ?”
“ไม่หรอกครับ” ทำไมแลนเซล็อตจะไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ต้องการจะพูดอะไร และต้องการยั่วยุความสัมพันธ์ของเขากับราชวงศ์เพื่อให้ผลประโยชน์ตกไปอยู่กับตัวเองใช่หรือไม่? เฮอะ ๆ วางแผนมาอย่างดีสินะ
น่าเสียดายที่เขาไม่ถูกหลอก
แลนเซล็อตแทบจะคาดเดาได้ว่าพ่อของตนอาจจะเป็นคนแรกที่เจรจาการซื้อยาฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายจากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้ และยิ่งเธอได้รับความไม่เป็นธรรมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต่อรองราคาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น!
เอริก้ามองมาที่เขา ปิดปากและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ท่านช่างเป็นองค์ชายที่อดทนเก่งจังเลยนะคะ”
แลนเซล็อตหยักไหล่ “ผมคงเทียบคุณไม่ได้หรอกครับ เพราะอย่างไรซะผมก็คงไม่กล้ากินลำไส้เอเลี่ยน
ใบหน้าของเอริก้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีที่ได้ยินดังนั้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอกินลงไปในคืนนั้น ท้องไส้ของเธอก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมาทันใด และอยากจะอาเจียนอีกรอบ
ทั้งสองสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ และไม่มีใครมองหน้าใคร ก่อนที่ต่างคนจะเดินแยกกันไป
เบลล็อครีบนำข้อมูลมารายงานอย่างรวดเร็ว
พอลลี่กำหมัดแน่นและทุบลง “องค์หญิงสามอีกแล้ว! เห็นทีจะปล่อยองค์หญิงสามไว้ไม่ได้!”
“ท่านเสียสติไปแล้วเหรอ?! กล้าดียังไงถึงคิดจะเล่นงานราชวงศ์ ท่านยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่? ท่านรู้หรือเปล่าว่ากำลังดึงพวกเราลงหลุมไปด้วย?!” อาวุโสโทรลโลปรู้สึกวิตกกังวลเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ถึงพวกเขาจะบ้าคลั่งและชื่นชอบอำนาจ แต่พวกเขากลับไม่เคยคิดที่จะลงมือฆาตกรรมสมาชิกในราชวงศ์! ทุกคนย่อมรู้ดีว่าอำนาจของราชวงศ์ไม่ใช่สิ่งที่คนเราจะแตะต้องได้!
“พวกท่านกลัวงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญกลัวหัวหดกันต่อไป และใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าซะ!” พอลลี่เยาะเย้ย “อย่าลืมล่ะ ถ้าองค์หญิงสามเก็บสมุนไพรต้นนั้นเอาไว้ได้ พวกท่านจะมั่นใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่มีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว?”
“แต่ถ้าองค์หญิงสามถูกกำจัดออกไป พวกท่านลองคิดดูว่าพวกท่านจะได้รับผลประโยชน์มากมายขนาดไหน?”
“ถ้าผมจำไม่ผิด ตระกูลฟิลสนับสนุนองค์ชายสองไม่ใช่หรือ?” พอลลี่จ้องมองโทรลโลป “ตราบใดที่องค์หญิงสามถูกกำจัดออกไป เพียงแค่องค์ชายใหญ่ลำพังคงไม่เพียงพอ อีกทั้งลูกสาวของท่านต้องการจะแต่งงานเข้าตระกูลแอนดรูว์ ในตอนนั้นตระกูลของท่านจะกลายเป็นคนสนิทของจักรพรรดิ และลูกสาวของท่านจะได้เป็นนายหญิงแห่งตระกูลทหารผู้ทรงอำนาจ ตระกูลฟิลจะกลายเป็นตระกูลที่มั่งคั่ง”
“หากองค์หญิงสามไม่ถูกกำจัดออกไป พวกท่านก็รู้ว่าจักรพรรดิทรงรักองค์หญิงสามมากแค่ไหน และประชาชนสนับสนุนตัวเธออย่างไร ในอนาคตองค์หญิงสามจะได้สืบทอดบัลลังก์อย่างไร้ข้อกังขาแน่นอน”
“แล้วลูกสาวของท่านล่ะ? เฮอะ ๆ นอกจากจะเป็นนายหญิงแล้ว จะทำอะไรได้อีกหรือ? ท่านก็เป็นแค่ชนชั้นสูงธรรมดา เมื่อไหร่ก็ตามที่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์งอกงามขึ้นมาอีกครั้ง สถานะของท่านยังจะมีอยู่หรือ?”
คำพูดของพอลลี่เป็นเหมือนเสียงกระซิบจากปีศาจร้ายที่คอยเย้ายวนใจของโทรลโลป
ถูกต้อง หากองค์หญิงสามไม่ถูกกำจัดออกไป ลูกสาวของเขาก็ไม่สามารถแต่งงานกับชายผู้เป็นที่รักได้ และตระกูลของเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความสั่นคลอนเช่นกัน
หากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง ตระกูลฟิลจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
หลายปีที่ผ่านมาตระกูลชนชั้นสูงอาวุโสเหล่านี้ได้ตามรังควานผู้คนมานับไม่ถ้วน หากตระกูลของพวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาจะไม่ถูกเหยียบย้ำจนจมดินเลยหรือ?!
“ไหนท่านลองพูดว่าสิว่าจะต้องทำยังไง?!” ผู้อาวุโสโทรลโลปถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ดีมาก แล้วท่านจะได้รู้ว่าตระกูลฟิลสามารถรับมือกับเรื่องใหญ่หลวงได้” ผู้อาวุโสพอลลี่พยักหน้าอย่างโล่งอก “อีกสองสามวัน องค์หญิงสามจะเสด็จกลับมายังจักรวรรดิพร้อมกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ และมันเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะลงมือ”
“ตามข้อมูลที่เชื่อถือได้บอกไว้ว่าทางเชื่อมมิติธรรมชาติจะเปิดขึ้นในอีกสองวัน ถ้าพวกเราฉวยโอกาสนี้ระเบิดยานอวกาศขององค์หญิงสาม ผู้คนทั้งหมด รวมถึงยานอวกาศนั้นจะตกลงไปในทางเชื่อมมิติธรรมชาติ”
“ท่านกำลังจะบอกว่านี่คือข่าวดีใช่หรือไม่?” พอลลี่หัวเราะ “พระเจ้ากำลังช่วยพวกเราให้ทำลายหลักฐานชิ้นสำคัญ!”
“ฮ่า ๆๆๆ!” ทั้งสองหัวเราะออกมาดังก้อง
นี่คือพรที่พระเจ้ากำลังมอบให้แก่พวกเขา!
เนื่องจากการถ่ายทอดสดเกี่ยวกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ได้รับความประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ทุกจักรวรรดิจึงได้ส่งคณะทูตมาตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ดังนั้นจักรพรรดิจึงขอร้องให้สวี่หลิงอวิ๋นเดินทางกลับมาพร้อมกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์
สวี่หลิงอวิ๋นจึงตอบตกลง
ก่อนจากไป เธอได้มอบสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในปุ่มมิติกักเก็บห้าหกต้นให้แก่องค์ชายใหญ่ โดยบอกให้เขาเก็บเป็นความลับและไม่ให้ป่าวประกาศบอกใคร
องค์ชายใหญ่จ้องมองสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีเส้นสีดำพาดผ่านอยู่ตามลำต้น ซึ่งไม่รู้เลยว่าน้องสาวของเขาไปเอามันมาจากที่ไหน
“น้องสาม น้องเปลี่ยนตัวเองเป็นหนูยักษ์งั้นหรือ?”
หนูยักษ์คือหนูในจักรวรรดิชิงเหย้าที่ชื่นชอบการสะสมเสบียงเป็นชีวิตจิตใจ
การกระทำของน้องสาวไม่ได้แตกต่างจากหนูยักษ์เสียเท่าไหร่ พวกมันชอบกักตุนเสบียง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าน้องสามแอบเก็บเสบียงอาหารไว้มากมาย
ตัวอย่างเช่น กุนเชียงพวกนั้น เนื้อของอสุรกายหุ้มเกราะ ไข่ของอสุรกายเขี้ยวยักษ์ และอื่น ๆ
สำหรับแป้งและข้าวของอย่างอื่น เมื่อสองวันที่แล้ว พ่อครัวในห้องครัวถึงกับรายงานเขามาว่าช่วงนี้แป้งหมดเร็วเป็นพิเศษ ราวกับว่ามีหัวขโมยอยู่ในนั้น?!