สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 148 ผมเป็นเจ้าชายแห่งอารยธรรมพื้นเมือง 3
“ฉันชอบอยู่กับโอคาซีมากกว่าค่ะ เพราะงั้นองค์ชายแลนเซล็อต หวังว่าท่านจะได้พบกับผู้หญิงที่ท่านชอบนะคะ เข้าใจแล้วใช่ไหมคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นสัมผัสปอยผมของเธอและกล่าวออกมาอย่างเขินอาย
คิ้วที่ขมวดและดวงตาของโอคาซีผ่อนคลายลง ขณะที่หัวใจของเขาเต้นแรง ก่อนจะดึงบุคคลดังกล่าวมาไว้ในอ้อมกอด “ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
สวี่หลิงอวิ๋นส่งเสียง ‘อืม’ อย่างอ่อนโยน
ใบหน้าของแลนเซล็อตยังคงมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ แต่หัวใจของเขากลับเยือกเย็นยิ่งนัก “แต่พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมครับ?”
“แน่นอนสิคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นหันกลับมาและกล่าวต่อ “ท่านเป็นคนดี และพวกเรายังเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกันได้ ท่านคิดว่ายังไงล่ะคะ?!”
“ก็ใช่” การแสดงของแลนเซล็อตยังคงไร้ที่ติ เพื่อให้เธอบรรลุผลตามความปรารถนา
ความมีคุณธรรมสูงส่งของเขา ทำให้พยาบาลสาวน้อยในทีมแพทย์จุดไฟแห่งความหวังข้างเดียวอีกครั้ง และถึงกับสงสัยว่าพวกเธอจะมีโอกาสเช่นนั้นไหม?
ถึงจะได้เป็นชู้รักก็ยังดี!
นั่นไม่ใช่เพราะความมั่งคั่งและความมีอำนาจของเขา แต่เป็นเพราะความหล่อของเขาต่างหาก อย่างน้อยได้มีค่ำคืนที่แสนโรแมนติกก็ยังดี!
น่าเสียดายที่องค์ชายรัชทายาทมีสายตาเฉกเช่นเดียวกับพลเอกโอคาซี เขาเอาแต่จ้องมองไปที่องค์หญิงสาม ไม่แม้แต่ชายตามามองพวกเธอ ซึ่งนั่นทำให้พวกเธอทุกข์ทน
โอคาซีออกไปหาอาหารให้ผู้หญิงที่เขารัก ในขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นไม่มีอะไรทำ เธอจึงขอให้ช่างเทคนิคเชื่อมต่อสัญญาณกับที่นี่เพื่อดูว่ามีรายการบันเทิงอะไรให้ดูบ้าง
ไม่เพียงแต่ที่นี่จะมีรายการบันเทิงมากมาย
แต่สถาบันการศึกษาของที่นี่ยังมีความสามารถด้วยการสร้างรายการบันเทิงมากมายที่หลากหลายรูปแบบ มีหนุ่มหล่อและสาวสวยมากมายที่สะดุดตาอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้ดารานักแสดงเหล่านี้ยังโปรโมตให้การสนับสนุนสถาบันของพวกเขาอีกด้วย
“น่าสนใจเลยทีเดียว!” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าและยกยิ้ม “นี่ ท่านบอกว่าพวกเราสามารถสร้างธุรกิจหาเลี้ยงครอบครับท่ามกลางฝูงชนได้ ท่านคิดว่าพวกเราควรจะทำอะไรกันดีคะ?”
“เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ กันดีไหมคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น “ถ้ารสชาติการกินของคนที่นี่คล้ายกันกับพวกเรา ฉันคิดว่าด้วยฝีมือของฉัน ฉันจะสามารถทำมันได้ค่ะ”
“ไม่รู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่ของที่นี่จะถูกใจอะไร จากนั้นเรามาทำเงินกันเยอะ ๆ จะได้ไปเช่าสวนกัน ฮ่า ๆๆ! ยามลมพัดผ่าน ต้นหญ้าลู่ตามลม เห็นฝูงวัวและฝูงแกะ รู้สึกได้ถึงความสมบูรณ์แบบ!”
“งั้นเรามาเดบิวต์ด้วยกันไหมคะ? เป็นดาราดังทำนองนั้น? ฉันคิดว่าท่านเหมาะสมที่จะเป็นดารามากเลยค่ะ แค่เอารูปลักษณ์ของท่านออกไปแสดงก็ได้รับเสียงกรี๊ดมากมายแล้ว ท่านมีศักยภาพที่จะเป็นดาราแน่นอน!”
“สำหรับพวกนายที่เหลือ พวกนายจะไปเป็นนักเรียนหรือทำอะไรก็ได้ หรือจะมาเปิดธุรกิจร่วมกับฉันก็ได้นะ? ฮ่า ๆ น่าจะเป็นไปได้ทุกอย่างเลย!”
“ส่วนทีมแพทย์ พวกคุณไปสมัครงานที่โรงพยาบาลก็ได้นะ ยังไงก็ทำได้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”
…
สวี่หลิงอวิ๋นมีความคิดเห็นมากมายสำหรับแต่ละคน ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าคำแนะนำของเธอดีมากแค่ไหน อย่างไรเสีย พวกเขาก็ต้องอยู่ที่นี่และหาหนทางที่จะรับมือให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สัญญาณจะถูกเชื่อมต่อจนสำเร็จ และเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะสามารถออกจากที่นี่ไปได้?
โอคาซีเดินกลับเข้ามาพร้อมกับอาหาร ขณะที่กลุ่มคนเริ่มพูดคุยกันว่าพวกเขาจะทำอะไรกันดี
“ลองกินนี่สิครับ!” โอคาซีหยิบสิ่งของออกมาหลายอย่าง ถึงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่แค่หนึ่งคำก็เพียงพอสำหรับหนึ่งคนแล้ว
“โอ้! อาหารชิ้นนี้หวานมาก!” ไม่ว่ารสชาติอาหารจะอร่อยเพียงไหน แต่ก็ไม่เท่ากับรสชาติหวานที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ!
อารยธรรมพื้นเมืองพวกนี้มีของหวานมากมายเสียจริง! และนั่นทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้น!
สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ ก็ใช่น่ะสิ เพราะว่าที่นั่นมีเอเลี่ยนอยู่จึงทำให้ไม่มีของหวานอยู่เลย ในขณะที่ดาวเคราะห์พื้นเมืองแห่งนี้ไม่มีเอเลี่ยนอยู่ และแน่นอนว่าพวกเขาสามารถหาพืชรสหวานและสกัดมันออกมาได้
และแล้วขนมปังชิ้นนั้นก็ถูกขโมยไป แม้แต่เศษขนมปังที่ตกอยู่บนพื้นก็ยังถูกทุกสายตาจ้องมองอย่างไม่เต็มใจเป็นเวลานานก่อนที่พวกเขาจะละสายตาไป
“ชาวพื้นเมืองพวกนั้นคงมีความสุขกันมากสินะ เพราะได้กินของหวานเหล่านี้! ไม่ยุติธรรมเลย!” สมาชิกลูกเรือรู้สึกไม่พอใจและจ้องมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋น “ฝ่าบาท เมื่อไหร่พวกเราจะได้เข้าไปในโลกของชนพื้นเมืองสักทีล่ะครับ?”
รู้เรื่อง…
หลังจากได้กินของหวาน ผู้คนทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายที่จะการเข้าร่วมสังคมของชนพื้นเมืองพวกนั้นมากกว่าสวี่หลิงอวิ๋น
“เฮ้ ค่อย ๆ คิดกันให้ดีก่อน!” สวี่หลิงอวิ๋นเริ่มรู้สึกสนใจเช่นกัน “ฉันคิดว่าพวกเราควรเริ่มจากระดับพื้นฐานกันก่อน สำหรับฉัน โอคาซีและกัปตัน พวกเราทั้งสามคนจะไปเริ่มกันที่ครอบครัวชนชั้นล่างก่อน”
“สำหรับคนอื่น ฉันคิดว่าพวกนายควรไปเข้าร่วมบททดสอบและกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางฝูงชนซะ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราเปิดร้านอาหาร พวกนายต้องมาสนับสนุนร้านอาหารของพวกเราด้วย และร้านอาหารของฉันจะได้โด่งดังไปทั่วโลก!”
“แลนเซล็อต อย่าลืมล่ะ ท่านจะต้องไปเป็นดาราดังให้ได้นะคะ! และอย่าลืมแวะมาที่ร้านอาหารของฉันด้วยล่ะ”
หลังจากองค์หญิงสามกำหนดตัวตนของแต่ละคนและวางแนวทางในอนาคตแล้ว เธอก็ดีดนิ้ว “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราออกไปกันได้!”
“ออก? ไปกัน?” ทุกคนยังคงมึนงง!
เรือเพิ่งแล่นตัวออกมายังไม่ถึงครึ่งวัน ท่านจะให้พวกเขาทำอะไรกัน?!
“แน่นอนว่าฉันจะไปช่วยทำอาหารที่ห้องครัว!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “ฉันจะสะกดจิตพ่อครัวและสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ไม่ให้พวกเขาจับได้”
“องค์หญิงสาม อย่าลืมเอาของหวานมาให้พวกเราเยอะ ๆ นะครับ!”
เพื่อเห็นแก่อาหาร พวกเขาจะไม่หยุดองค์หญิงสามเอาไว้! โอคาซีต้องการติดตามเธอไป ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับห้ามเอาไว้ “เอาล่ะ ท่านจะรวมตัวไปกับคนของเราก็ได้นะคะ ฉันไปทำคนเดียวได้ หรือว่าท่านไม่มั่นใจในตัวฉันคะ?!”
โอคาซีพยายามใช้ความหล่อเหลาของตัวเองเปลี่ยนแปลงความแน่วแน่ของสวี่หลิงอวิ๋น แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านและหันมาจูบใบหน้าของเขาแทน “เป็นเด็กดีนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่สาวกลับมา”
โอเคซีถอนหายใจและทำได้เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายออกไป
“จะปล่อยองค์หญิงสามไปอย่างนั้นเหรอครับ?” องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อต ว่าที่ดาราดังยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนขณะจ้องมองโอคาซี “ดูเหมือนว่าสถานะของท่านจะไม่ได้มีค่ามากนักในหัวใจของเธอ”
“ก็ยังดีกว่าท่านแล้วกัน” โอคาซีกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา “อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ท่านก็แค่หาหนทางพัฒนาความสามารถด้านพลังดวงดาวไม่ใช่หรือไง?”
“เฮอะ ๆ แล้วท่านล่ะ? อย่าบอกนะว่าท่านชอบเธอจากใจจริง” แลนเซล็อตหันกลับมาจ้องมองเขา “ท่านเองก็เลือกที่จะไล่ตามเธอเพราะอาหารที่เธอทำมันช่วยเพิ่มพลังดวงดาวของท่านไม่ใช่หรือไง? ท่านคิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าองค์หญิงสามเคยขอท่านแต่งงานมาก่อน แต่ท่านกลับปฏิเสธเธอ”
โอคาซีจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ท่านจะคิดอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้องค์หญิงสามเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้ว”
“ผมรู้ว่าก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถช่วยคนให้เพิ่มพลังดวงดาวได้ แต่ตอนนี้เธอทำได้” แลนเซล็อตจ้องมองมาที่เขา “ตามจริงท่านไม่ต้องเพิ่มแล้วก็ได้นะครับ ปล่อยให้เธอแต่งงานกับผมซะ หรือคิดว่าผมจะห้ามเธอไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับจักรวรรดิชิงเหย้าของพวกท่านหรือไง?”
“ท่านอยากจะคิดอะไรก็คิดไปเถอะครับ” โอคาซีเมินเขา
แลนเซล็อตยิ้มเล็กน้อย เสแสร้งอย่างนั้นเหรอ? เขาเคยเห็นคนแบบนี้มานักต่อนักแล้ว!
เมื่อก่อนไม่เคยชอบเธอ แต่จู่ ๆ ก็มาชอบเธอเสียอย่างนั้น จะมีอะไรไปมากกว่าการได้รับผลประโยชน์
น่าเสียดายที่แต่ก่อนเขาคิดว่าผู้ชายที่เย็นชาเช่นนี้จะไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะกลายเป็นการเสแสร้งเสียอย่างนั้น