สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 152 ผมเป็นเจ้าชายแห่งอารยธรรมพื้นเมือง 7
ร้านขนมหวานของสวี่หลิงอวิ๋นได้เปิดขึ้นแล้ว อีกทั้งวันนี้ก็ยังเป็นวันที่ท้องฟ้าสีครามเมฆสีขาว อากาศปลอดโปร่ง
ร้านขนมหวานของสวี่หลิงอวิ๋นมีความตระการตา เค้กทุกชนิดถูกจัดวางไว้บนตู้เต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มชานมทุกชนิดอยู่ในรายการด้วยเช่นกัน
เนื่องจากกุนเชียงครั้งก่อนหน้าของเธอได้สร้างความประทับใจไว้อย่างล้นหลาม ผู้คนจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเมื่อมองเห็นของหวานเหล่านี้ และอยากรู้ว่ารสชาติของมันจะเป็นอย่างไร
สวี่หลิงอวิ๋นออกมาพร้อมกับท่าไม้ตาย นั่นก็คือทักษะการขายของที่มีติดตัวมาตั้งแต่ชาติก่อน ผู้คนที่เข้ามาซื้อขนมในวันเปิดร้านจะได้รับส่วนลดถึงครึ่งหนึ่ง!
ส่วนลดครึ่งหนึ่ง?
ประชากรรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก! ของหวานไม่ใช่สิ่งของที่มีราคาแพงจนเกินไปสำหรับชนชั้นกลาง แต่กล่าวโดยทั่วไป ผู้คนจะไม่ซื้อของหวาน หากวันนี้ไม่ใช่วันเกิดของลูก ๆ หรือเป็นวันพิเศษ
แต่การลดราคาถึงครึ่งหนึ่ง…สามารถทำให้ผู้คนมีความสุข อีกทั้งราคายังเป็นที่ยอมรับได้
ฝูงชนรีบเข้ามารุมทึ้งทันที!
สวี่หลิงอวิ๋นยุ่งมากจนแทบจะไม่มีเวลาว่าง และมีคนบางพวกที่ฉวยโอกาสในช่วงชุลมุน ทว่าพวกเขากลับถูกโอคาซีสกัดเอาไว้จนล้มลง อันธพาลเหล่านี้จ้องมองด้วยสายตาโหดเหี้ยม สบถออกมาด้วยวาจาหยาบคาย ก่อนจะมองมาอย่างหาเรื่อง
หาเรื่อง? คิดว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะกลัวการโดนข่มขู่หรือไง? ตลกไปแล้ว!
แม้แต่กัปตันที่มีภาพลักษณ์ ‘อ่อนแอและปวกเปียก’ ยังสามารถฆ่าคนพวกนั้นได้!
ในที่สุดของในร้านก็ขายหมดเกลี้ยง!
สวี่หลิงอวิ๋นนับเงิน “พระเจ้า! พวกเราขายได้เกือบหนึ่งแสนเหรียญ! ฮ่า ๆๆ! ถ้ายังขายได้แบบนี้ต่อไป อีกไม่นานพวกเราอาจจะซื้อบ้านที่อยู่ติดกับหน้าปากประตูทางเข้าสถาบันได้!”
ในชาติก่อนสวี่หลิงอวิ๋นมีเชื้อสายชนชาติจีนและมีงานอดิเรกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั่นคือการซื้อบ้าน ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการซื้อบ้านในจักรวรรดิชิงเหย้า แต่ความปรารถนาที่จะมีบ้านของเธอได้รับการจุดประกายขึ้นอีกครั้งในทวีปกาตาร์แห่งนี้!
จะต้องมีบ้านให้ได้!
ใช่แล้ว!
โอคาซีมองมาที่เธอ “ผมจะออกไปหางานทำนะครับ!”
“ทำงานเหรอคะ?!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ท่านจะไปสมัครงานอะไรคะ?”
สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะในใจ ชายหนุ่มผู้นี้คงถูกกระตุ้นต่อมด้วยคำพูดของอันธพาลพวกนั้นอย่างแน่นอน และเขาคงรู้สึกอับอายที่ยังต้องคอยให้ผู้หญิงมาเลี้ยงดูเขา!
“เป็นแฮกเกอร์?” โอคาซีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง “หรือว่าเป็นวิศวกรทางอินเทอร์เน็ตดี?”
อย่างไรก็ตาม เขาแทบจะไม่สามารถแยกจากกับสวี่หลิงอวิ๋นได้เลย อาชีพทั้งสองอย่างนี้ทำให้เขาหาเงินทางออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องเป็นตัวถ่วงในการเก็บเงินของสวี่หลิงอวิ๋น
“ก็ดีนะคะ” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ทำไมท่านไม่ไปเป็นนักออกแบบเกมล่ะคะ?”
“ท่านสามารถออกแบบการต่อสู้กับเอเลี่ยนลงบนเกมได้แน่นอน!” สวี่หลิงอวิ๋นคิดว่ามันช่างน่าตื่นเต้น “ท่านยังติดต่อกับช่างเทคนิคของพวกเรา และขอให้เขาเป็นคู่หูกับท่านได้นะคะ”
โอคาซีพยักหน้า
ขณะที่ทั้งสองปิดประตูและนับเงินกันอย่างมีความสุข ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
“เปิดประตู! สงสัยจะต้องเปิดประตูจากด้านใน!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังลอดมาจากด้านนอก ดูเหมือนว่าอันธพาลพวกนั้นที่หาเรื่องเมื่อตอนกลางวันจะพาใครสักคนมาแก้แค้น
“เฮ้ ฉันจะโกรธแล้วนะ!” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกสนุกเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว หลังจากหลายปีที่ผ่านมา มีใครหน้าไหนกล้าอวดดีต่อหน้าเธอบ้าง?
พ่อผู้แก่ชราเดินลงมาจากห้องใต้หลังคาขณะส่งเสียงดังเอี๊ยด “หลิงอวิ๋น เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?”
กัปตันเฒ่าผู้นี้เสพติดกับบทบาทการเป็นพ่อผู้แก่ชราที่อ่อนแอและปวกเปียก เขาไอทุกสองครั้งขณะย่างก้าวลงมา หยุดเดินและก้มตัวลงพิงกับไม้เท้า
ไม่น่าแปลกใจที่ป้าข้างนอกบอกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
“พ่อคะ ท่านรีบหมอบลง เร็วเข้า กลุ่มอันธพาลอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด ไม่เป็นไรนะคะ พ่อยังมีหนู!” สวี่หลิงอวิ๋นตะโกนออกมาขณะขยิบตาให้เขา
โอคาซีส่ายหัว และเปิดประตูออกไป
“รีบเปิดประตูเร็วเข้า ทำไมถึงใช้เวลาเปิดประตูนานจังวะ?” พวกอันธพาลรีบบุกเข้ามาโดยตรง
และมองโอคาซีเป็นเพียงอากาศธาตุ แก๊งอันธพาลรีบบุกเข้ามาขณะที่ยังคาบบุหรี่ไว้ในปาก เอามือเท้าเอวข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือแท่งไม้และตะโกนออกมาว่า “พวกแกกล้ามีปัญหากับพี่น้องของฉันงั้นหรือ? คิดว่าฉันไม่กล้าทำร้านกระจอกของพวกแกหรือไง?!”
“อุ๊ย ยกโทษให้ฉันด้วยนะพี่ชาย ร้านของพวกเราเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ท่านน่าจะเห็นใจกันสักนิดนะคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นลุกขึ้นและขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่า
กัปตันผู้แก่ชราที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเอนกายพิงไม้เท้า น้ำเสียงที่อ่อนแรงของเขากำลังกล่าวอ้อนวอนและไอเป็นครั้งคราว “โธ่ พ่อหนุ่ม อย่าถือสาอะไรกับลูกสาวของผมเลยครับ เธอยังเด็กและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร มาลงที่ผมเถอะครับ! ผมแก่มากแล้ว ถ้าคุณอยากจะฆ่าผม ผมก็จะไม่ถือสาอะไร!”
“พ่อคะ ท่านพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง? ถ้าท่านไม่อยู่แล้ว ฉันจะทำยังไง? ก่อนที่แม่จะจากพวกเราไป แม่บอกให้หนูดูแลพ่อให้ดี…ฮือ ๆๆ…” สวี่หลิงอวิ๋นดึงแขนของกัปตันผู้แก่ชราเอาไว้ และส่งเสียงร้องให้ออกมาดังลั่น
โอคาซีมองดูการแสดงของชายชราและเด็กสาวพวกนี้ด้วยท่าทางเฉยเมย
อันธพาลทั้งหลายต่างคิดว่าชายชราและเด็กสาวคนนั้นหวาดกลัวจริง ๆ และเมื่อเห็นว่าโอคาซีไม่พูดอะไร พวกนั้นจึงคิดว่าเด็กคนนี้ตกใจจนนิ่งค้างไป จึงหยิ่งผยองมากขึ้น
“ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ทำร้ายพวกแก แต่พวกแกจะต้องส่งเงินทั้งหมดมาให้ฉัน ยังไงซะเทพคุนคนนี้ก็ยังมีความเมตตาอยู่บ้าง ตราบใดที่พวกแกส่งเงินค่าคุ้มกะลาหัวตรงตามเวลาทุกครั้ง ฉันก็จะไว้ชีวิตพวกแกทั้งหมด”
หัวหน้าแก๊งอันธพาลกล่าว
ดวงตาขนาดเล็กของเขาคอยจ้องมองเงินจำนวนมากที่วางอยู่บนโต๊ะ
ความสามารถของเจ้าพวกนี้ทำเงินได้ค่อนข้างดี ดูกองเงินนั่นสิ มันมีจำนวนถึงหลักหมื่นใช่ไหม? เงินทั้งหมดกำลังจะกลายเป็นของพวกเขา!
“อะไรนะ พวกแกอยากได้เงินเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกโกรธจัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น หากไม่รู้จักเธอจะคิดว่าเธอเป็นเพียงลูกสาวคนโตที่ดูบอบบางเหมือนดอกไม้ แต่ถ้าถามหาเงิน! เจ้าพวกนั้นไม่รู้หรือว่าเงินเป็นของล้ำค่าของเธอ?
“ไอ้พวกสารเลว พวกแกกล้าดียังไงถึงจะมาขโมยเงินของฉัน!”
ว่ากันว่าหญิงสาวนั้นโหดเหี้ยมเมื่อต้องเผชิญหน้า ใบหน้าของสวี่หลิงอวิ๋นเปลี่ยนไป ‘ปั้ง!’ เพียงหมัดเดียว โต๊ะก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
จากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปและเตะเทพคุนล้มไปกองกับพื้นด้วยขาข้างเดียว “แม่แกตายหรือไง ฉันจะไว้หน้าแกไว้ล่ะกัน แกยังกล้าหืออยู่อีกไหม? ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าคำว่า ‘ความตาย’ มันสะกดยังไง?”
เทพคุนตกตะลึง ขณะรู้สึกเจ็บปวดหนังศีรษะเพราะสวี่หลิงอวิ๋น “นังบ้า รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ หรือว่าจะให้ฉันฟันแกด้วยมีดดี?”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ลูกสมุนที่อยู่ด้านหลังเทพคุนก็คว้าแท่งไม้เอาไว้ในมือและมุ่งหน้าไปทางสวี่หลิงอวิ๋น ทว่าพวกเขากลับถูกโอคาซีสกัดจนลงไปกองกับพื้นเสียก่อน
“ไม่ปล่อยใครไปเลยดีไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นเย้ยหยัน
“เอาล่ะ พวกนายต้องอยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน ในที่สุดก็ได้คนที่เหมาะสมมาทำความสะอาดลำไส้ที่อยู่ลานหลังบ้านแล้ว!”
“นั่นมันคือบ้าอะไรกัน?”
เทพคุนมองดูลำไส้ขนาดเล็กที่กองอยู่เต็มลานบ้าน อยากจะร้องไห้ออกมาแต่กลับไร้น้ำตา
ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังของเขาก้มศีรษะลง ขณะถือแท่งไม้ขนาดเล็กพลิกลำไส้ด้วยความหดหู่ จากนั้นจึงทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง
ไม่ตั้งใจทำก็ไม่ได้ เพราะสวี่หลิงอวิ๋นจับตาดูพวกเขาขณะถือเข็มขัดไว้ในมือ สายตาของเธอสอดส่องราวกับเรดาร์ ใครก็ตามที่ไม่ตั้งใจจะถูกเข็มขัดฟาดอย่างแรง ความรู้สึกแห่งการทุบตีก็เหมือนกับวิญญาณที่หลุดออกจากร่าง ช่างขมขื่นยิ่งนัก