สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ - ตอนที่ 168 ปฏิบัติการช่วยชีวิต 5
ตอนที่ 168 ปฏิบัติการช่วยชีวิต 5
“สวัสดีครับ คุณวิกเตอร์”
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าสงสัยว่าทำไมวิกเตอร์ถึงกลับมาอีกครั้ง แต่กลับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ตราบใดที่เป็นบุคคลนี้ก็ไม่เป็นอะไร
‘วิกเตอร์’ เดินไปที่เครื่องสแกนรูม่านตา เครื่องสแกนรูม่านตาตรวจสอบความถูกต้องอย่างรวดเร็ว และเปิดประตู
เหตุการณ์ดังกล่าวดูปกติดี ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาลำบาก
เนื่องจากบริเวณประตูสแกนรูม่านตามีบางอย่างที่ปิดกั้นพลังจิตเอาไว้ หรือบางทีอาจจะเป็นวัตถุบางอย่าง สวี่หลิงอวิ๋นจึงทำได้เพียงกัดฟันและยืนกรานอย่างหนักแน่นที่จะพยายามป้องกันไม่ให้พลังจิตถูกบีบคั้นออกจากร่างกายของวิกเตอร์ เธอไม่สามารถให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ได้
โอคาซีจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นที่กำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่ด้านข้าง หยาดเหงื่อปกคลุมไปทั่วทั้งหน้าผากของเธอ จนเห็นได้ว่าหญิงสาวกำลังเผชิญหน้าอยู่กับความยากลำบากมากแค่ไหน
โอคาซีจับมือของเธอ และส่งผ่านพลังทางจิตของตัวเองออกไป
ถึงแม้ว่าโอคาซีจะมีพลังถึงเก้าดาว แต่ว่าพลังจิตของชายหนุ่มยังห่างไกลกับสวี่หลิงอวิ๋นมากนัก
เขาส่งออกไปได้แค่ครึ่งทาง และไม่สามารถเข้าไปวิกเตอร์ที่ยืนอยู่บริเวณประตูได้
โชคดีที่ความพากเพียรของสวี่หลิงอวิ๋นไม่สูญเปล่า ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างกายผ่อนคลายลง และเดินเข้าไปด้านในทันทีที่ประตูเปิดออก
นักวิจัยทั้งหลายยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่เช่นเดิม ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเขามากนัก เพียงแค่ก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อย
สวี่หลิงอวิ๋นจดจำทางเข้าได้จากการสอดส่องก่อนหน้านี้ เธอเดินตรงเข้าไปโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา ก้าวเดินอย่างไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป
บ๊อบยังคงทำหน้าบูดบึ้ง เพราะว่าไอ้สารเลววิกเตอร์ไม่ยอมบอกเขาว่าได้รับเบาะแสอะไรมาบ้าง
เขาต้องการสอบปากคำหยวนซิว แต่ตอนนี้ผู้ที่มีตำแหน่งบัญชาการสูงสุดในฐานทัพคือวิกเตอร์ ไอ้สารเลววิกเตอร์ถึงกับออกคำสั่งว่าไม่ให้ใครหน้าไหนก็ตามทำร้ายมนุษย์ต่างดาวตัวนั้น อีกทั้งยังบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น
ไอ้คนสารเลวพรรค์นั้น!
บ๊อบรู้สึกขุ่นเคือง ขณะที่พนักงานเจ้าหน้าที่คนอื่นต่างซ่อนตัวกันอยู่ เพราะเกรงว่าจะมีปัญหากับบุคคลดังกล่าว
“บัดซบ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย วิกเตอร์จะถามอะไรก็ได้ แต่ฉันจะถามอะไรบ้างไม่ได้เลย!”
บ๊อบไม่คิดว่าตัวเองไม่ฉลาดเท่าวิกเตอร์ ตรงกันข้าม เขาคิดว่าตนเองฉลาดกว่ามาก
วิกเตอร์คงจะจ่ายเงินจำนวนมหาศาลให้กับนักวิจัยทั้งหลายเพื่อให้ได้รับข้อมูลบางอย่างที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน ไม่อย่างนั้น เขาจะได้รับบทเป็นนักแสดงตัวตลกอย่างทุกวันนี้หรือ เขารู้ข้อมูลมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร? หรือว่าเขาจะมีความรู้จริง ๆ น่ะเหรอ?
บ๊อบคงลืมไปว่าวิกเตอร์คนนี้เป็นถึงนักเรียนดีเด่นในสถาบันการศึกษา ความเป็นเลิศของเขาทำให้ทายาทตามกฎหมายเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเขา แต่สุดท้ายแล้ว วิกเตอร์กลับเลือกที่จะทำลายอนาคตของตนเองด้วยการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว เพื่อผ่อนคลายการโดนเนรเทศให้เบาบางลง
“นายพลบ๊อบ คุณวิกเตอร์กลับมาแล้วครับ”
บ๊อบตบโต๊ะอย่างโกรธจัด
เกิดอะไรขึ้นกับวิกเตอร์? หรือว่าเขาจะมีสายลับของตนเองอยู่เคียงข้าง? แต่ทำไมเขาถึงรีบหนีออกไปทั้งที่ยังถูกสอบถามล่ะ? ฮ่า ๆ! หรือว่ารู้ตัวแล้วว่ากำลังวางตัวเป็นศัตรูกันอยู่!
เขาขมวดคิ้วด้วยความเกลียดชัง ช่างมันเถอะ อย่างไรเสียก็ยังมีโอกาสอยู่
‘วิกเตอร์’ เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า โดยไม่สนใจไยดีบ๊อบ
บ๊อบขมวดคิ้วและกล่าวออกมาอย่างประชดประชัน “เฮ้ ทำไมน้องชายดาราดังของฉันถึงไม่รู้จักทักทายพี่ชายบ้างเลยนะ?”
สวี่หลิงอวิ๋นเงยหน้าขึ้นและพบกับชายหนุ่มผู้แข็งแกร่ง ภาพลักษณ์ของเขาทั้งหล่อเหลาและแข็งแกร่ง น่าเสียดายที่ผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่ประเภทที่เธอชื่นชอบมากนัก
แต่ก็ดูดีจนทำให้จิตใจเบิกบาน
“ทำไม พี่ชายสุดที่รักของฉันแปลงเพศเป็นผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แค่เพราะฉันไม่กล่าวทักทายจำเป็นต้องเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่พี่ชายสุดที่รัก ถึงพี่จะแปลงเพศแล้ว แต่พวกเราก็ยังมีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอยู่นั้น เพราะงั้นห้ามทำผิดศีลธรรม!”
บ๊อบพ่นลมออกมาอย่างโกรธจัด!
วิกเตอร์พูดจาว่าร้ายแบบนี้ได้อย่างไร?!
“แกกำลังพูดบ้าอะไร?!” บ๊อบรู้สึกโกรธจัด ก่อนจะเยาะเย้ยว่า “อย่าคิดว่าหน้าอย่างแกจะมาโอ้อวดได้นักเลย แกคงไม่รู้สินะว่าเมื่อวานนี้แม่ของแกถูกคุณหญิงลงโทษ”
หมายความว่าอย่างไร? สวี่หลิงอวิ๋นคิดเกี่ยวกับมัน บางทีนางสนมอาจจะถูกจักรพรรดินีลงโทษหรือเปล่า?
“อืม…แล้วยังไงล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ว่าที่นี่ความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดผสมปนเปกันอยู่ เดาว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของวิกเตอร์น่าจะเป็นหญิงสาวที่หน้าตาดีมาก ไม่อย่างนั้น เธอจะให้กำเนิดบุตรชายที่หล่อเหลาแบบนี้ได้อย่างไร?
“ฮะ? หมายความว่ายังไง?” บ๊อบคิดว่าวิกเตอร์จะรู้สึกขุ่นเคือง ทว่าชายหนุ่มตรงหน้ากลับตอบกลับว่า ‘อืม’ แค่นั้นน่ะเหรอ?!
ปกติแล้วจะต้องทำสีหน้าเย็นชาและต่อยเขาถึงสองครั้งไม่ใช่เหรอ?
“อืม…” สวี่หลิงอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แล้วแม่ของนายล่ะ? ถูกคุณหญิงด่าทอด้วยหรือเปล่า?”
ร่างกายของบ๊อบสั่นเทาด้วยความโกรธเมื่อได้ยินประโยคคำถามดังกล่าว วิกเตอร์คงตั้งใจถามแบบนี้!
ทั้งที่รู้ดีว่าแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเด็ก กล้าถามคำถามแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?!
“วิกเตอร์ แค่แกทำให้ฉันขายขี้หน้าก็มากเกินพอแล้ว แต่ยังทำให้แม่ที่ตายไปแล้วของฉันขายขี้หน้าอีกเหรอ?! แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?!”
สวี่หลิงอวิ๋นตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวขึ้นมาอย่างลังเล “แม่ของนายแซ่อะไรล่ะ? คุณพ่อมีภรรยาตั้งกี่คน ฉันจะรู้ได้ไงว่าแม่ของนายคือใคร?!”
เยี่ยมมาก ไม่ต้องกล่าวอะไรต่อแล้ว เพราะบ๊อบรู้สึกโกรธมากจนแทบรอไม่ไหวที่จะเดินเข้าไปตบเขา
แน่นอนว่าเขาจะลงมือทำอย่างนั้น ทว่าน่าเสียดายที่นายพลผู้เลื่องชื่อเกี่ยวกับความกล้าหาญและมากทักษะกลับถูก ‘วิกเตอร์’ ตบทั้งที่ยังไม่ทันตั้งตัว
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่านายไม่ได้บอกแซ่ของแม่นาย แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าแม่ของนายตายไปแล้วหรือยัง?!”
สวี่หลิงอวิ๋นเดาะลิ้น ทันใดนั้นผู้รักษาความปลอดภัยประจำตัวของบ๊อบก็หลั่งไหลออกมาออกันอยู่ที่ประตูด้านนอกและจ้องมองบ๊อบที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ทันทีที่พวกเขาเหลือบเห็นวิกเตอร์ที่กำลังนั่งดื่มน้ำด้วยท่าทีสงบ พวกเขาก็ถอยออกไป
เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างพี่น้อง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ท่านคณบดีไม่ชอบให้บุตรนอกกฎหมายของเขาทะเลาะกันเอง หากมีข่าวแพร่กระจายออกไป วิกเตอร์อาจจะไม่เป็นอะไร แต่อาจจะเกิดอันตรายกับบ๊อบได้
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวเมื่อเห็นว่าผู้รักษาความปลอดภัยล่าถอยออกไป
เจ้าคนโง่คนนี้เลวร้ายขนาดไหน? แม้แต่ผู้รักษาความปลอดภัยยังไม่สนใจเขา?
“เอาล่ะ พาตัวมนุษย์ต่างดาวมาให้ฉัน”
นักวิจัยทั้งหลายที่อยู่ด้านนอกไม่สนใจการต่อสู้ของชายแกร่งทั้งสอง พวกเขาเพียงรับฟังคำสั่งของผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้น ในเมื่อวิกเตอร์ออกคำสั่งแก่พวกเขา พวกเขาก็ต้องดำเนินการตามนั้น
หยวนซิวถูกลากออกมาอีกครั้ง และเห็นวิกเตอร์เหมือนเช่นเคย
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะบังคับพลังจิตให้แผ่ออกไปสัมผัสเข้ากับมือของหยวนซิว และนั่นทำให้หยวนซิวรู้สึกตกใจ!
เธอกะพริบตาอย่างมีความหมายเมื่อจ้องมองคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง หยวนซิวจึงรับรู้ได้ว่าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่วิกเตอร์ตัวจริง
เขารู้สึกผ่อนคลายลงทันที
วิกเตอร์ส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มขณะจ้องมองคนที่อยู่ตรงข้าม ถึงจะดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร แต่คนอื่นกลับรู้สึกเคยชินกับเหตุการณ์เช่นนี้
แท้จริงแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นกำลังพูดคุยกับเขา
“ฉันจะหาวิธีช่วยนายให้ได้ แต่ฉันต้องการความร่วมมือจากนายด้วยเหมือนกัน”
หยวนซิวตอบกลับเงียบ ๆ ผ่านทางกระแสพลังจิตของเขา “ได้ครับ!”
สวี่หลิงอวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย วิธีการหลบหนีจะต้องหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนจำนวนมาก และมีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้น นั่นคือการครอบงำร่าง
นักวิจัยที่อยู่ด้านข้างเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการพรางตัว